วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปากแห้ง ลอกเป็นขุย มีวิธีจัดการค่ะ




มีแนะนำ 3 วิธีให้ลองเลือกใช้ตามความถนัดค่ะ

วิธีแรก :
1. เอาผ้าขนหนูแช่ในน้ำร้อนประมาณ 40 องศา จากนั้นบีบให้แห้งหมาดๆ
2. ประคบตรงริมฝีปากที่แห้งสัก 2-3 นาที หรือจนรู้สึกว่าผ้าเริ่มแห้ง
3. ค่อยๆ ถูริมฝีปาก หนังที่ติดอยุ่จะออกมาหมด หลังจากนั้นก็ให้ทาลิปครีม หรือ ลิปมันทันที จะทำให้ริมฝีปากไม่แห้ง และแลดูอิ่มเอิบ เวลาทาลิปสติกจะดูอิ่มเป็นเงางาม
4. คนที่ริมฝีปากซีด ดูแล้วเหมือนคนเป็นโรค เลือดน้อย ..ในกรณีเช่นนี้ต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารประเภทธาตุเหล็ก
5. คนที่มีริมฝีปากคล้ำ ถ้าเป็นคนผิวคล้ำก็ไม่มีปัญหา เพราะเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นคนผิวขาวแล้วมีริมฝีปากคล้ำ ก็เกี่ยวกับการไหลเวียนของโลหิตไม่ดีพอ หรืออีกสาเหตุก็มาจากการสูบบุหรี่เป็นประจำ ก็ทำให้คล้ำได้ จึงควรทาครีมบำรุงเป็นประจำ และนวดด้วย จะทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ปากจะอิ่มเอิบและไม่แห้งด้วย

วิธีที่สอง
- ให้ทาลิปบาล์มที่ริมฝีปาก
- แล้วนำเบบี้ไวท์มาถูออกเบาๆ
- หลังจากนั้นให้ทาลิปบาล์มอีกครั้งก่อนเติมลิปสีสวยๆ คู่ใจ

วิธีที่สาม
- น้ำน้ำตาลทราย น้ำผึ้ง และ วาสลีน คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
- น้ำมาทาบนริมฝีปาก ถูเบาๆ
- เช็ดออกด้วยผ้าขนหนู หรือกระดาษทิชชู
- ทาลิปบาล์ม แล้วตามด้วยสีลิปโปรด

กินอย่างไร ไม่ให้กรน

กินอย่างไร ไม่ให้กรน




การกรน นอกจากเป็นที่น่ารำคาญต่อผู้อื่นแล้ว ยังเกิดผลเสียต่อตนเองอีกด้วย เพราะอาจเป็นทำให้เกิดของโรคต่างๆ มากมาย ทั้ง โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ หรือร้ายแรงถึงขั้นอัมพาต ดังนั้น เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับการกินสำหรับผู้ที่นอนกรน เพื่อบรรเทาอาการนอนกรนในเบื้องต้นมาฝาก

สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการช่วยเรื่องระบบทางเดินหายใจ เหมาะใช้ประกอบอาหารให้ผู้ที่นอนกรนรับประทาน คือ “หอมแดง” เลือกชนิดที่แก่จัดเพราะกลิ่นฉุนของมันจะทำให้เกิดความชุ่มชื้นในลำคอ และช่วยระบบการหายใจ จะได้ผลดียิ่งขึ้นถ้ากินแบบสด หรือจะนำมาดมก็ได้

“พริกขี้หนู” รสเผ็ดของมันจะทำให้ระบบทางเดินหายใจโล่ง สารแคปไซซินในพริกช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบหลอดลม ทำให้ปัญหาการกรนอาจลดลงได้

“ขิง” ใช้ขิงแก่ประมาณ 5 กรัม ทุบให้แตก นำไปต้มน้ำดื่มก็จะช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้สะดวกขึ้นเช่นกัน และสุดท้าย “ใบแมงลัก” มีสรรพคุณในการแก้หวัด และโรคหลอดลมอักเสบ

อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้านอนประมาณ 3 ชั่วโมง ไม่ควรทานอาหารหนัก ๆ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือยาที่มีฤทธิ์กดประสาท เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อภาวะการขาดออกซิเจนไม่ทัน จนอาจเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ การกรนอาจเกิดขึ้นได้จากการนอนหลับไม่สนิท ลองดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ ก่อนนอน เช่น นม น้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น หรือ น้ำสมุนไพรอุ่น ๆ สักแก้ว ก็จะทำให้นอนหลับได้สนิท และอาจลดปัญหาการกรนได้.

ตำนานศุกร์ 13 วันแห่งอาถรรพ์



เมื่อเอ่ยถึงวันศุกร์ 13 นั้นหลาย ๆ คนอาจจะนึกไปถึงวันแห่งอาถรรพ์ เพราะเคยมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งใช้ชื่อว่า ศุกร์ 13 ฝันหวาน แต่เป็นภาพยนตร์สยองขวัญ ในขณะที่อีกหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบความเป็นมาว่า ทำไมวันศุกร์ 13 ถึงเป็นวันที่ไม่ดี

ว่ากันว่า ความเชื่อที่ว่าถ้าวันศุกร์เกิดไปตรงกับวันที่ 13 ของเดือนใดก็ตามแล้ว จะกลายเป็นวันแห่งความโชคร้ายนั้นเป็นความเชื่อของชาวตะวันตก โดยต้นตอแห่งความเชื่อนี้มาจาก อาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู (The Last Supper) โดยเชื่อกันว่าในอาหารมื้อนั้นมีผู้ร่วมรับประทานอาหารกับพระองค์ 13 คนก่อนที่พระองค์จะถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขนใน วันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday)

ในขณะที่มีอีกความเชื่อหนึ่งกล่าวว่าวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 1307 เป็นวันที่พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ทำการจับกุมตัวบรรดาอัศวินเทมพลาร์ชาวฝรั่งเศสจำนวนหลายร้อยคนไป ก่อนจะนำตัวไปทรมานและสังหาร เพื่อนำทรัพย์สินของพวกเขามาเป็นของฝรั่งเศส

ทั้ง นี้นักจิตวิทยาพบว่า ในบางคนจะมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือล้มป่วยในวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งมีการให้เหตุผลเอาไว้ว่าเป็นเพราะบางคนรู้สึกวิตกจริตเป็นอย่างมากในวัน ศุกร์ที่ 13 โดยทางศูนย์จัดการความเครียดและสถาบันอาบำบัดการกลัวในเมืองแอชวิลล์ มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเมินว่าในแต่ละครั้งที่มีวันศุกร์ที่ 13 สหรัฐอเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงิน 800 - 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทีเดียว เพราะว่าประชาชนบางคนไม่กล้าเดินทางไปไหนและไม่กล้าแม้แต่จะไปทำงาน

จน ทำให้เกิดโรคกลัววันศุกร์ที่ 13 มีชื่อเรียกว่า Paraskavedekatriaphobia หรือ paraskevidekatriaphobia หรือ friggatriskaidekaphobia ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของโรค triskaidekaphobia คือ โรคกลัวหมายเลข 13

และ ที่มาที่ทำให้วันศุกร์ 13 กลายเป็นวันโชคร้ายไปทั่วนั้นน่าจะมาจากภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง ศุกร์ 13 ฝันหวาน หรือ "Friday the 13th" ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับฆากรต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา ซึ่งตัวเอกของเรื่องมีเอกลักษณ์เด่นคือการสวมหน้ากากฮ็อกกี้ เพื่อปกปิดใบหน้า ก่อนทำการฆาตกรรมเหยื่อ

สำหรับความเชื่อเรื่อง ศุกร์ 13 เป็นวันไม่ดีนั้นส่วนใหญ่จะเชื่อกันในหมู่ชาวตะวันตกเสียเป็นส่วนมาก ซึ่งเรื่องแบบนี้นั้นถือเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล

เมื่ออารมณ์ไม่ดี...ทำอย่างไรดีน้า

เมื่อคุณอารมณ์ไม่ดี คุณจะ …

1. ไปหาเพื่อนแล้วนั่งคุยกับเพื่อน

2. ชวนเพื่อนออกไปเที่ยวกันหลายๆ คน

3. ไปร่วมชุมนุมกับเพื่อน ๆ

4. นั่งอ่านหนังสือหรือฟังวิทยุอยู่ในบ้าน






เฉลย…ค่ะ



ไปหาเพื่อนและนั่งพูดคุยกับเพื่อน : แสดงว่าคุณต้องการ การปลอบประโลมจากเพื่อน คุณคิดว่าความสนิทสนมทางจิตใจ และอารมณ์มีความสำคัญกว่าการปรองดองสนิทสนมกันตามระเบียบพิธี จากอุปนิสัยของคุณ สามารถชี้ขาดได้ว่า เพื่อนของคุณจะมีไม่มากนัก แต่เพื่อนที่คุณคบ ต่างคือเพื่อนที่รู้ใจกัน

ชวนเพื่อนออกไปเที่ยวด้วยกันหลายๆ คน : คุณไม่เก่งในการจัดการ ในความต้องการของจิตใจและอารมณ์ของตนเอง ยามใดจิตใจเกิดอุปสรรค คุณก็จะออกเที่ยวกับเพื่อน ๆ เพื่อลืมปัญหาของตนเอง แต่นานวันเข้าจะก่อให้เกิดผลเสียต่อตัวคุณ หลักในการคบเพื่อนของคุณคือ ยึดหลักหมู่คณะเป็นหลัก น้อยนักที่จะคิดตริตรองว่า เพื่อนคนนี้สามารถคบกับตนเอง ด้วยความจริงใจได้หรือไม่

ไปร่วมชุมนุมกับเพื่อนๆ : การไปร่วมชุมนุมกับเพื่อน ๆ ขณะอารมณืไม่ดี แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า คุณไม่คิดจะเผชิญปัญหาของตนเอง สำหรับคุณ เพื่อนคือเครื่องมือในการแสวงหาความสุข และเป็นเพียงวิธีการหลีกเลี่ยง การสำรวจตัวเองเท่านั้น สามารถกล่าวได้ว่า คุณอาจคบค้าสมาคมกับผู้อื่นมากมาย แต่ก็อาจเป็นแค่เพื่อนกิน ไม่มีเพื่อนที่รู้ใจแม้แต่คนเดียว

นั่งอ่านหนังสือหรือฟังวิทยุอยู่บ้าน : คุณจัดอยู่ในประเภทชอบสำรวจตัวเอง คุณมักจะคิดว่า ขณะอารมณ์ไม่ดีคือโอกาสที่ดีที่สุด สำหรับการหวนสำรวจตัวเอง คุณไม่ใช่คนโดดเดี่ยวและปิดตัวเอง เพียงแต่คุณไม่ชอบใช้แบบพิธีภายนอก มาแก้ไขปัญหาภายในจิตใจ

10 วิธี พิชิตปัญหาผมชี้ฟู




ผมชี้ฟู คือปัญหาที่สุดแสนจะกวนใจสาว ๆ ทำให้ผมเผ้าดูยุ่งเหยิงเหมือนคนไม่ดูแลตัวเอง ทำให้เสียความมั่นใจไปมากเลยทีเดียว วันนี้เราจึงนำ 10 วิธี ในการพิชิตปัญหากวนใจนี้มาฝากกันค่ะ

1. สระผมแค่วันเว้นวันก็เพียงพอ

ปัญหาผมชี้ฟูมักเกิดขึ้นกับผู้ที่สระผมเป็นประจำทุกวัน แม้จะให้ความรู้สึกสะอาดหลังสระ แต่การสระผมก็ดึงเอาความชุ่มชื้นออกไปจากเส้นผมและหนังศีรษะด้วย ลองเว้นระยะการสระผมออกไปเป็นวันเว้นวัน(หรือมากกว่านั้น) เพื่อให้น้ำมันที่ผลิตโดยธรรมชาติจากหนังศีรษะได้หล่อเลี้ยงเคลือบเส้นผมบ้าง อันจะช่วยแก้ปัญหาผมชี้ฟูได้เป็นอย่างดี

2. ใช้คอนดิชั่นเนอร์ทุกครั้งหลังสระผม

ปัญหาผมชี้ฟูเกิดจากความชื้นในอากาศแทรกซึมเข้าสู่เส้นผม ทำให้เกล็ดผมที่ซ้อนตัวกันอยู่พองและเปิดออก อันเป็นที่มาของความชี้ฟูนั่นเอง การเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมด้วยคอนดิชั่นเนอร์ จะช่วยเคลือบปิดเกล็ดผมให้เรียบสนิท ป้องกันไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความชื้นในอากาศนั่นเอง

3. ไม่ทำให้ผมแห้งด้วยการใช้ผ้าขนหนูขยี้ผม

การใช้ผ้าขนหนูเช็ดหรือขยี้บนเส้นผมเพื่อให้เส้นผมแห้งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เพราะการทำเช่นนี้จะไปรบกวนการเรียงตัวของเกล็ดผม ทำให้เมื่อผมแห้งแล้วดูฟูได้ เลี่ยงปัญหานี้ด้วยการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ซึ่งมีความสามารถในการซึมซับน้ำได้ดี กดซับเพื่อดูดน้ำและความชื้นออกจากเส้นผมแทน

4. ปกป้องเส้นผมทุกครั้งก่อนการจัดแต่งทรงด้วยอุปกรณ์แต่งผมที่ให้ความร้อน

ความร้อนจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมต่าง ๆ ทั้งไดร์เป่าผม ที่หนีบผมตรง และแกนม้วนผมไฟฟ้า ทำให้ผมสูญเสียความชุ่มชื้น เปราะ และชี้ฟู ปกป้องเส้นผมของคุณก่อนปัญหาเช่นนี้จะเกิดขึ้น ด้วยการใช้เซรั่มหรือลีฟออนที่ช่วยปกป้องผมจากความร้อนทุกครั้งก่อนการจัดแต่งทรง

5. ใช้ไดร์เป่าผมไอออนิก

ไดร์เป่าผมแบบไอออนิกให้ความแตกต่างกับเส้นผมมากกว่าการใช้ไดร์เป่าผมลมร้อนทั่วไป เพราะไดร์ชนิดไอออนิกจะปล่อยไอออนที่ถนอมเส้นผมมากกว่า ไม่ทำให้ผมแตกปลาย อันเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมชี้ฟูนั่นเอง

6. พรางผมชี้ฟูด้วยแกนม้วนผมไฟฟ้า

การพรางผมส่วนปลายที่ชี้ฟูด้วยแกนม้วนผมไฟฟ้า นอกจากจะช่วยจัดทรงให้ผมดูเป็นระเบียบมากขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้เกล็ดผมเรียงตัวเป็นระเบียบขึ้นด้วย วิธีการคือเป่าผมด้วยลมเย็นให้แห้งก่อน แล้วจึงม้วนผมส่วนปลายด้วยแกนม้วนผมไฟฟ้า โดยแค่ม้วนเบา ๆ ไม่ทิ้งเอาไว้นาน เท่านี้ก็ช่วยแก้ปัญหาผมชี้ฟูไปได้ง่าย ๆ แล้ว

7. ใช้เซรั่มบำรุงผมที่มีส่วนผสมของซิลิโคน

ซิลิโคนเซรั่มจะเข้าเคลือบเส้นผมและปิดเกล็ดผมให้เรียบสนิท ทำให้ผมไม่ชี้ไม่ฟู วิธีการใช้ให้บีบเซรั่มลงบนมือ ขยี้ให้กระจายตัว แล้วใช้มือนั้นสางผม หรือจะหยดลงบนหวีซี่ห่างแล้วใช้หวีผมก็ได้ จากนั้นปล่อยให้ผมแห้งตามธรรมชาติ หรือจัดแต่งทรงด้วยไดร์เป่าผม

8. บำรุงผมด้วย ฮอต ออยล์ ทรีตเม้นท์ ทุกสัปดาห์

เนื่องจาก ฮอต ออยล์ มีเนื้อที่บางเบากว่าครีมมาส์ก จึงไม่ต้องกังวลว่าผมจะดูลีบติดหนังศีรษะ และใช้กับผมความยาวตั้งแต่บริเวณใบหูลงมาเท่านั้น ลองเลือกใช้ ฮอต ออยล์ ที่มีส่วนผสมของน้ำมันโจโจบา อันจะช่วยให้เกล็ดผมแข็งแรงขึ้น ป้องกันโอกาสที่จะเกิดผมชี้ฟูในระยะยาวได้ด้วย

9. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

สเปรย์ฉีดผมหรือมูสใส่ผม มักมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อช่วยให้แห้งได้ไวขึ้น แต่แอลกอฮอล์ที่ระเหยไปก็ดึงเอาความชุ่มชื้นออกไปจากเส่นผมด้วยเช่นกัน เมื่อผมแห้งก็ทำให้ดูฟูได้ เพราะฉะนั้นเปลี่ยนไปเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อถนอมเส้นผมและลดความชี้ฟูดีกว่า

10. เปลี่ยนผมชี้ฟูให้ดูดีขึ้นด้วยสเปรย์เพิ่มประกายเงางาม

ฉีดสเปรย์ที่ช่วยเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผมลงบนหวีแปรง แล้วใช้หวีนั้นสางเส้นผมจนจรดปลาย ผมที่เคยชี้ฟูก็จะดูเรียบและเงางามมากขึ้น ทำให้สาว ๆ ปล่อยผมได้อย่างมั่นใจ

ตัวอย่างการเซ็นสําเนาถูกต้อง

วิธีเซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง...รู้ไว้ไม่เป็นหนี้

บางคนอาจใช้ขีดเส้นขนาน แล้วเขียนข้อความ / เซ็นรับรอง

วันนี้ เอาวิธีเซ็นชื่อรับรองสำเนาที่ถูกต้อง มาแบ่งปันให้คุณรู้ไว้จะได้ไม่เป็นหนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ประมาทไม่ได้เลยล่ะ เพราะหากเซ็นไม่ถูกวิธีแม้เพียงนิดเดียว คุณอาจตกเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัวจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดีที่นำเอาเอกสารสำเนาบัตร ประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาเอกสารสำคัญอื่นๆ จากการเซ็นรับรองของเราไปทำประโยชน์ส่วนตน แต่สร้างหนี้ที่ไม่ได้ก่อให้กับเรา ดังนั้นจึงขอแนะนำว่า ทุกครั้งหากต้องเซ็นเอกสารรับรองสำเนาอย่าลืม ...จำ...และทำตามขั้นตอนต่อไปนี้นะ

ตัวอย่าง




1) ทุกครั้งหลังจากเซ็นชื่อ และเขียนรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว ต้องเขียนรายละเอียดกำกับไว้ด้วยว่า..เอกสารฉบับนั้นใช้สำหรับทำอะไร เช่น "ใช้เฉพาะสมัครงานเท่านั้น"


2) นอกจากกำกับรายละเอียดการใช้แล้ว ยังต้องกำกับ วัน/เดือน/ปี เขียนลงบนสำเนาที่ใช้ด้วยนะค่ะ ซึ่งนั่นจะช่วยกำหนดอายุการใช้งานสำเนาของเราได้


3) ต้องเขียนข้อความทั้งหมด ทับลงบนสำเนาส่วนที่เป็นบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาเอกสารอื่นๆ ที่สำคัญ ทั้ง สามข้อคือวิธีเซ็นที่ถูกต้องในการรับรองสำเนาอย่างรัดกุม ไม่เปิดช่องทาง ให้กับมิจฉาชีพ เอาไปสร้างหนี้ให้กับเรา ต่อไปนี้ต้องระวัง เพราะคุณอาจเป็นรายต่อไป ที่จู่ๆก็มี หนี้ตามมาเคาะประตูถึงบ้าน รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมทำตามล่ะ


4) ในกรณี ที่เซ็นเอกสาร ต้องใช้ปากกาหมึกสีดำเท่านั้น ถึงจะปลอดภัยที่สุด เพราะ เครื่องถ่ายเอกสาร บางเครื่อง สามารถถ่ายเอกสารโดยดึงหมึกสีน้ำเงินออก เหลือใช้เฉพาะข้อความของบัตรประชาชน แล้วทำให้มิจฉาชีพ เซ็นเอกสารบัตรประชาชนนั้น แทนเราได้เลย

เพราะฉะนั้นเราควรเซ็นด้วยปากกาสีดำเท่านั้น เพราะไม่สามารถดึงหมึกสีดำออกได้ หรือถ้าดึงสีดำออกได้ข้อความก็จะหายไปหมดเลยทั้งหน้าบัตรประชาชน

อัพเดทศัพท์วัยรุ่น ปี 2012

วัยรุ่นถือเป็นวัยแห่งสีสัน ต้องการอิสระ ต้องการการยอมรับในสังคม ต้องการแสดงออกถึงความเป็นตัวตน เสื้อผ้าหน้าผมของพวกเขาจึงมีความเป็นเฉพาะกลุ่ม ชนิดที่บางครั้งผู้ใหญ่มองแล้วต้องเบือนหน้าหนีด้วยความรับไม่ได้

แต่นอกเหนือจากการแสดงตัวตนผ่านเสื้อผ้าหน้าผมแล้ว ภาษาก็ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่วัยรุ่นใช้แสดงออกถึงตัวตนของพวกเขา หลาย ๆ คำอาจฟังดูแปลก ๆ คนนอกกลุ่มหรือผู้ใหญ่ ได้แต่ทำหน้าสงสัย เพราะไม่เข้าใจความหมาย

เพื่อลดความสงสัยของคนนอกกลุ่ม มติชนออนไลน์ ได้รวบรวมเอาคำศัพท์ฮิต ๆ ส่วนหนึ่ง พร้อมความหมาย ของกลุ่มวัยรุ่นมาไว้ที่นี่แล้ว




จิ้น = จินตนาการ ค่อนไปในทางชู้สาว เช่น "ฉันเห็น แมน กับ ต้น จับมือกันอะ เห็นแล้วจิ้นไปไกลเลยอะ"

ฟิน = เป็นอารมณ์ที่เห็นอะไรที่มัน “สุดยอด” เป็นอารมณ์สุดขีดในตอนนั้น

ปลวก = พวกอยู่ไม่นิ่ง ชอบเรียกร้องความสนใจให้ตัวเอง เหมือนปลวกที่ชอบสร้างรังตลอดเวลา และอาจรวมไปถึงพวกชอบจิกกัดคนอื่น

ติ่ง = แฟนคลับเกาหลีที่ไม่มีเหตุผล ไม่มีมารยาท ไม่สนใจความเป็นไปของโลกนอกจากศิลปินของตัวเอง

ซึน (ซึนเดเระ) = พวกไม่พูดตรงๆ ชอบเก็บอาการ เสแสร้ง

เฮียก = น่าเกลียด ขี้เหร่มาก

ขี้เม้ง = พวกที่ชอบวีน ขี้โวยวาย ด่าเก่ง ปากจัด หน้าตาบูดบึ้ง

อิม = มาจาก impossible หมายถึง พวกเด็กเรียน คือสามารถทำเรื่อง (เรียน) ที่ยาก ๆ ที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

อีนี่หลายอย่าง = คนคนนี้เป็นทั้งผู้ชาย เกย์ กะเทย แต๋ว และตุ๊ด

อบกบ = ไม่ หล่อ

เกิร์ป = โง่ แบบ ควาย

ซับโบร๋ = หวัดดี

หน้าเงือก = หน้าตาไม่ดี

WannaBE = พวกจอมปลอม

งุ๊งงิ๊ง = รำคาญ น่าเบื่อ

เฟ่ย = ไม่ได้เรื่อง ไม่ดี

กระหลั่ว = เลว

สิ่งอัน = ทุกสิ่งทุกอย่าง

ป่วย = พวกที่ไม่ค่อยปกติ **

สลัมบอมเบย์ = ต่ำสุด ๆ

ไม่ใส่จิว = ไม่ใส่ใจจริง ๆ

หน้าผั๊ว = เกย์หน้าไม่สวย

โป๊ะแตก = ผู้ชายที่เผลอหลุดความเป็นสาวออกมา

ดัดจร = ดัจริต กะแดะ

เพื่อนปุก = ทอม

ชิซูกะ = ตะกละ กินไม่เลือก

แกสบี้ = แก่มาก ๆ

ออนป้า = แสดงความเป็นป้าสู่สายตาประชาชน

อวย = การที่ยกย่องคน ๆ นึงให้ดูดีเกินเหตุ เกินกว่าที่ควรเป็น

วันนี้โปร่ง = วันนี้ไม่ได้พาแฟนมาด้วย

วื่นวือ = วุ่นวายสุด ๆ

ห่าน = สวยมาก

สุย = หนุ่มที่แต่งตัวเห่ยมากไม่เข้ากาละเทศะ

จีว่า = เวลาเห็นใครแต่งตัวหรือแสดงออกเกินความจำเป็น

จี๊ด = สุดยอด เจ๋ง

ตึบ = สุดยอด เจ๋ง

G.B. = gereral เบ๊ คนรับใช้ทุกอย่าง

ดิ๊ว = ขโมย

ถ้วย ถัง กะละมัง หม้อ = ไร้สาระไปวัน ๆ

แอ๊ว = ยั่วยวนเพศตรงข้าม

นิ่งๆ ริงมายเบล = ไม่ทำอะไร อยู่เฉย ๆ ดีกว่า

องค์ลง หรือ มีองค์ = หมายถึงพวกขาวีน หรือพวกที่จู่ ๆ ก็เกิดอาการอารมณ์เสีย ของขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ถ้าผู้ชายมีองค์ หมายถึง ตุ๊ด กะเทย

สลิด = ดัดจริต

บุย บุย = บ๊าย บาย

ดิล (deal) = เข้าไปคุยจีบ

9 เรื่อง ที่วัยรุ่น อยากลบทิ้งไปจากโลกนี้

9 เรื่อง ที่วัยรุ่น อยากลบทิ้งไปจากโลกนี้

ถ้า เรื่องแย่ ๆ น่าเวียนเฮดทั้งหลายในโลกนี้ สามารถทำให้หายไปได้ง่ายๆ เหมือนการกด Backspace หรือ Delete จะดีแค่ไหนหนอ เอาแค่ 9 เรื่อง ที่ไอไลค์โพลคัดมาในฉบับนี้ถ้าหายไปได้หละก็… วัยรุ่นทั้งโลกก็คงแฮปปี้ดี๊ด๊ากระชุ่มกระชวยขึ้นอีกหลายสิบเท่าเลยทีเดียว




1.สิว
ไม่ เข้าใจเลยว่า ในเมื่อธรรมชาติสร้างวัยรุ่นให้มีใบหน้าใส ๆ ก่อนโรยราไปตามสังขาร แล้วเหตุไฉนถึงต้องสร้างสิวมาให้สถิตตามใบหน้าด้วย พอเอาเม็ดนี้ออกไปได้เม็ดนี้จะสูญหายไปได้อย่างถาวร จะเป็นอะไรเวรี่กู้ดมาก ๆ เลยคร่า

2. ประจำเดือน
เป็น ผู้หญิงก็ลำบากแฮะ ไหนจะต้องคอยดูแลทั้งหนังหน้า สารร่าง และเส้นผมบนหนังกบาลแล้ว ก็ต้องมีเรื่องที่ทำให้จุกจิกกวนตัวอยู่ทุกเดือนอีก ถ้าวิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวไกล สามารถคิดค้นวัคซีนป้องกันการเป็นเมนส์ได้ละก็…เอิ่ม…อ่า…ก็คงเป็น อะไรที่ฝืนธรรมชาติน่าดูเลยแฮะ(มนุษยชาติถึงคราวสูญพันธุ์ก็ตรงนี้แหละวุ้ย)

3. สมุดพกที่ได้เกรด 0
อยาก รู้จริงๆ ว่าผู้ได๋เป็นผู้ตั้งกฎว่าการวัดผลการเรียนควรแบ่งเป็นเกรด 4 3 2 1 และ 0 เขาหรือเธอผู้นั้นจะรู้ไหมว่าเป็นต้นเหตุนำไปสู่การทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องเคี่ยวเข็ญแอนด์เข้มงวดลูกหลานเกินความจำเป็น ยิ่งถ้าเป็นเกรดรูปไข่ติดมาในสมุดพก…มีหวังโดนบ่นจนหูชาแน่

4. หนี้
หนี้…เนี่ย ไม่ว่าจะเป็นหนี้ไหนๆ ก็ล้วนแต่ทำให้ลูกหนี้กุมขมับนอนก่ายหน้าผากเลยทีเดียว หนำซ้ำยังมีดอกเบี้ยติดมาด้วย แหม้มมม…ถ้าเป็นดอกเบี้ยหัวใจแล้ว จะไม่กลุ้มใจเลยสักนิด (เฮ้ย มั่วแล้ววุ้ย) เอาเป็นว่า…ขอสรุปเลยแล้วกัน ถ้าต้องปลดหนี้ด้วยการเป็นทาสรับใช้เศรษฐีหนุ่มหล่อ อย่างในละครเวทีละก็…ยินดีคร่า (เอ่อ..ชักมั่วยิ่งกว่าเก่าอีกนะไอ้คนเขียน)

5. แฟนของคนที่เราแอบชอบ
เรื่อง หัวใจมันกะเกณฑ์ไม่ได้จริงๆ คนที่ควรชอบก็ไม่ชอบ ดั๊นนน…ไปหลงรักคนที่มีแฟนแล้ว จะให้ใจกล้าหน้าด้านแย่งแฟนชาวบ้านมาครอบครองก็ทำไม่ลง เพราะเสน่ห์และคารมมีไม่พอ…หุหุ ก็ได้แต่วาดฝันลมๆ แล้ง ๆ ไปว่า ถ้ามีพรวิเศษจริง ก็ขอให้แฟนของคนที่เราชอบหายลับหายไปสักทีเทิ้ด

6. การบ้านกองโต
ชีวิต วัยรุ่นร่าเริงลั้นลาเนี่ย มักจะมาจอดสนิท เหี่ยวเฉาสุดๆ ก็เมื่อเจอการบ้านเนี่แหละ แถมส่วนใหญ่มักจะเป็นการบ้านกองโตเสียด้วย สาเหตุมาจากพฤติกรรมดินพอกหางหมูนี่แหละ เมื่อไหร่นะ ? เมื่อไหร่ที่คุณครูจะเลิกแจกการบ้านให้นักเรียนสักที? วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่กัน??? (คงเป็นวันที่โลกแตกนั่นแหละ)

7. ครูที่จุกจิกจู้จี้
ก็ เข้าใจว่าที่ครูคอยจุกจิกจู้จี้พร่ำบ่นพวกเราน่ะ ก็ด้วยความเป็นห่วงหวังดีอย่างจริงใจ แต่คุณครูขา…พวกหนูเป็นพวกโสตประสาทระดับต่ำกว่ามาตราฐาน เวลาฟังอะไรซ้ำ ๆ นาน ๆ เข้า ก็มักจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไม่ได้ซึมเข้าไปในเซลล์สมองค่ะ คุณครูเปลืองน้ำลายเปล่า ๆ ปลี้ ๆ อยากบอกให้รู้อ่ะค่ะ แหะ ๆ

8. สัตว์เลื้อยคลานที่น่ารังเกียจ
งู เหลือม งูหลาม จิ้งจก ตุ๊กแก กิ้งก่า จิ้งเหลน และอีกสารพัดสัตว์เลื้อยคลานน่าหยึกหยึย แค่นึกภาพในหัวก็ขยะแขยงไปถึงขั้วหัวใจแย้ว ก็ดูสิ…ทั้งรูปร่าง สี หรือผิวหนัง แบบว่าอั๊กลี่มากกกกไม่รู้ธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้ไง อี๋ๆๆ ถ้าหายไปจากโลกนี้ไม่ได้ด้วยเหตุผลทางนิเวศวิทยา ก็ขอให้น่ารักสักเศษเสี้ยวของหนูแฮมทาโร่ ก็ยังดี

9. ไขมัน
ไอ้ นี่แหละ คือตัวการที่ทำหลายคนต้องสูญเสียความสวย ความมั่นใจ ความภาคภูมิ ศักดิ์ศรี เสรีภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย แถมมันยังติดเหนียวหนึบตามบอดี้ยิ่งกว่าหมากฝรั่งติดพื้นรองเท้าเสียอีก กว่าจะแกะออกไปได้ ก็ช่างยากเย็นหนักหนา แต่นี่น่ากลัวกว่านั้นก็ตอนที่มันหวนกลับคืนมาน่ะสิ คราวนี้ล่ะติดหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้างสิบหลอดรวมกันเสียอีก

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปากแห้ง ลอกเป็นขุย มีวิธีจัดการค่ะ




มีแนะนำ 3 วิธีให้ลองเลือกใช้ตามความถนัดค่ะ

วิธีแรก :
1. เอาผ้าขนหนูแช่ในน้ำร้อนประมาณ 40 องศา จากนั้นบีบให้แห้งหมาดๆ
2. ประคบตรงริมฝีปากที่แห้งสัก 2-3 นาที หรือจนรู้สึกว่าผ้าเริ่มแห้ง
3. ค่อยๆ ถูริมฝีปาก หนังที่ติดอยุ่จะออกมาหมด หลังจากนั้นก็ให้ทาลิปครีม หรือ ลิปมันทันที จะทำให้ริมฝีปากไม่แห้ง และแลดูอิ่มเอิบ เวลาทาลิปสติกจะดูอิ่มเป็นเงางาม
4. คนที่ริมฝีปากซีด ดูแล้วเหมือนคนเป็นโรค เลือดน้อย ..ในกรณีเช่นนี้ต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารประเภทธาตุเหล็ก
5. คนที่มีริมฝีปากคล้ำ ถ้าเป็นคนผิวคล้ำก็ไม่มีปัญหา เพราะเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นคนผิวขาวแล้วมีริมฝีปากคล้ำ ก็เกี่ยวกับการไหลเวียนของโลหิตไม่ดีพอ หรืออีกสาเหตุก็มาจากการสูบบุหรี่เป็นประจำ ก็ทำให้คล้ำได้ จึงควรทาครีมบำรุงเป็นประจำ และนวดด้วย จะทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ปากจะอิ่มเอิบและไม่แห้งด้วย

วิธีที่สอง
- ให้ทาลิปบาล์มที่ริมฝีปาก
- แล้วนำเบบี้ไวท์มาถูออกเบาๆ
- หลังจากนั้นให้ทาลิปบาล์มอีกครั้งก่อนเติมลิปสีสวยๆ คู่ใจ

วิธีที่สาม
- น้ำน้ำตาลทราย น้ำผึ้ง และ วาสลีน คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
- น้ำมาทาบนริมฝีปาก ถูเบาๆ
- เช็ดออกด้วยผ้าขนหนู หรือกระดาษทิชชู
- ทาลิปบาล์ม แล้วตามด้วยสีลิปโปรด

กินอย่างไร ไม่ให้กรน

กินอย่างไร ไม่ให้กรน




การกรน นอกจากเป็นที่น่ารำคาญต่อผู้อื่นแล้ว ยังเกิดผลเสียต่อตนเองอีกด้วย เพราะอาจเป็นทำให้เกิดของโรคต่างๆ มากมาย ทั้ง โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ หรือร้ายแรงถึงขั้นอัมพาต ดังนั้น เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับการกินสำหรับผู้ที่นอนกรน เพื่อบรรเทาอาการนอนกรนในเบื้องต้นมาฝาก

สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการช่วยเรื่องระบบทางเดินหายใจ เหมาะใช้ประกอบอาหารให้ผู้ที่นอนกรนรับประทาน คือ “หอมแดง” เลือกชนิดที่แก่จัดเพราะกลิ่นฉุนของมันจะทำให้เกิดความชุ่มชื้นในลำคอ และช่วยระบบการหายใจ จะได้ผลดียิ่งขึ้นถ้ากินแบบสด หรือจะนำมาดมก็ได้

“พริกขี้หนู” รสเผ็ดของมันจะทำให้ระบบทางเดินหายใจโล่ง สารแคปไซซินในพริกช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบหลอดลม ทำให้ปัญหาการกรนอาจลดลงได้

“ขิง” ใช้ขิงแก่ประมาณ 5 กรัม ทุบให้แตก นำไปต้มน้ำดื่มก็จะช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้สะดวกขึ้นเช่นกัน และสุดท้าย “ใบแมงลัก” มีสรรพคุณในการแก้หวัด และโรคหลอดลมอักเสบ

อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้านอนประมาณ 3 ชั่วโมง ไม่ควรทานอาหารหนัก ๆ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือยาที่มีฤทธิ์กดประสาท เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อภาวะการขาดออกซิเจนไม่ทัน จนอาจเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ การกรนอาจเกิดขึ้นได้จากการนอนหลับไม่สนิท ลองดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ ก่อนนอน เช่น นม น้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น หรือ น้ำสมุนไพรอุ่น ๆ สักแก้ว ก็จะทำให้นอนหลับได้สนิท และอาจลดปัญหาการกรนได้.

ตำนานศุกร์ 13 วันแห่งอาถรรพ์



เมื่อเอ่ยถึงวันศุกร์ 13 นั้นหลาย ๆ คนอาจจะนึกไปถึงวันแห่งอาถรรพ์ เพราะเคยมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งใช้ชื่อว่า ศุกร์ 13 ฝันหวาน แต่เป็นภาพยนตร์สยองขวัญ ในขณะที่อีกหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบความเป็นมาว่า ทำไมวันศุกร์ 13 ถึงเป็นวันที่ไม่ดี

ว่ากันว่า ความเชื่อที่ว่าถ้าวันศุกร์เกิดไปตรงกับวันที่ 13 ของเดือนใดก็ตามแล้ว จะกลายเป็นวันแห่งความโชคร้ายนั้นเป็นความเชื่อของชาวตะวันตก โดยต้นตอแห่งความเชื่อนี้มาจาก อาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู (The Last Supper) โดยเชื่อกันว่าในอาหารมื้อนั้นมีผู้ร่วมรับประทานอาหารกับพระองค์ 13 คนก่อนที่พระองค์จะถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขนใน วันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday)

ในขณะที่มีอีกความเชื่อหนึ่งกล่าวว่าวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 1307 เป็นวันที่พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ทำการจับกุมตัวบรรดาอัศวินเทมพลาร์ชาวฝรั่งเศสจำนวนหลายร้อยคนไป ก่อนจะนำตัวไปทรมานและสังหาร เพื่อนำทรัพย์สินของพวกเขามาเป็นของฝรั่งเศส

ทั้ง นี้นักจิตวิทยาพบว่า ในบางคนจะมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือล้มป่วยในวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งมีการให้เหตุผลเอาไว้ว่าเป็นเพราะบางคนรู้สึกวิตกจริตเป็นอย่างมากในวัน ศุกร์ที่ 13 โดยทางศูนย์จัดการความเครียดและสถาบันอาบำบัดการกลัวในเมืองแอชวิลล์ มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเมินว่าในแต่ละครั้งที่มีวันศุกร์ที่ 13 สหรัฐอเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงิน 800 - 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทีเดียว เพราะว่าประชาชนบางคนไม่กล้าเดินทางไปไหนและไม่กล้าแม้แต่จะไปทำงาน

จน ทำให้เกิดโรคกลัววันศุกร์ที่ 13 มีชื่อเรียกว่า Paraskavedekatriaphobia หรือ paraskevidekatriaphobia หรือ friggatriskaidekaphobia ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของโรค triskaidekaphobia คือ โรคกลัวหมายเลข 13

และ ที่มาที่ทำให้วันศุกร์ 13 กลายเป็นวันโชคร้ายไปทั่วนั้นน่าจะมาจากภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง ศุกร์ 13 ฝันหวาน หรือ "Friday the 13th" ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับฆากรต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา ซึ่งตัวเอกของเรื่องมีเอกลักษณ์เด่นคือการสวมหน้ากากฮ็อกกี้ เพื่อปกปิดใบหน้า ก่อนทำการฆาตกรรมเหยื่อ

สำหรับความเชื่อเรื่อง ศุกร์ 13 เป็นวันไม่ดีนั้นส่วนใหญ่จะเชื่อกันในหมู่ชาวตะวันตกเสียเป็นส่วนมาก ซึ่งเรื่องแบบนี้นั้นถือเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล

เมื่ออารมณ์ไม่ดี...ทำอย่างไรดีน้า

เมื่อคุณอารมณ์ไม่ดี คุณจะ …

1. ไปหาเพื่อนแล้วนั่งคุยกับเพื่อน

2. ชวนเพื่อนออกไปเที่ยวกันหลายๆ คน

3. ไปร่วมชุมนุมกับเพื่อน ๆ

4. นั่งอ่านหนังสือหรือฟังวิทยุอยู่ในบ้าน






เฉลย…ค่ะ



ไปหาเพื่อนและนั่งพูดคุยกับเพื่อน : แสดงว่าคุณต้องการ การปลอบประโลมจากเพื่อน คุณคิดว่าความสนิทสนมทางจิตใจ และอารมณ์มีความสำคัญกว่าการปรองดองสนิทสนมกันตามระเบียบพิธี จากอุปนิสัยของคุณ สามารถชี้ขาดได้ว่า เพื่อนของคุณจะมีไม่มากนัก แต่เพื่อนที่คุณคบ ต่างคือเพื่อนที่รู้ใจกัน

ชวนเพื่อนออกไปเที่ยวด้วยกันหลายๆ คน : คุณไม่เก่งในการจัดการ ในความต้องการของจิตใจและอารมณ์ของตนเอง ยามใดจิตใจเกิดอุปสรรค คุณก็จะออกเที่ยวกับเพื่อน ๆ เพื่อลืมปัญหาของตนเอง แต่นานวันเข้าจะก่อให้เกิดผลเสียต่อตัวคุณ หลักในการคบเพื่อนของคุณคือ ยึดหลักหมู่คณะเป็นหลัก น้อยนักที่จะคิดตริตรองว่า เพื่อนคนนี้สามารถคบกับตนเอง ด้วยความจริงใจได้หรือไม่

ไปร่วมชุมนุมกับเพื่อนๆ : การไปร่วมชุมนุมกับเพื่อน ๆ ขณะอารมณืไม่ดี แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า คุณไม่คิดจะเผชิญปัญหาของตนเอง สำหรับคุณ เพื่อนคือเครื่องมือในการแสวงหาความสุข และเป็นเพียงวิธีการหลีกเลี่ยง การสำรวจตัวเองเท่านั้น สามารถกล่าวได้ว่า คุณอาจคบค้าสมาคมกับผู้อื่นมากมาย แต่ก็อาจเป็นแค่เพื่อนกิน ไม่มีเพื่อนที่รู้ใจแม้แต่คนเดียว

นั่งอ่านหนังสือหรือฟังวิทยุอยู่บ้าน : คุณจัดอยู่ในประเภทชอบสำรวจตัวเอง คุณมักจะคิดว่า ขณะอารมณ์ไม่ดีคือโอกาสที่ดีที่สุด สำหรับการหวนสำรวจตัวเอง คุณไม่ใช่คนโดดเดี่ยวและปิดตัวเอง เพียงแต่คุณไม่ชอบใช้แบบพิธีภายนอก มาแก้ไขปัญหาภายในจิตใจ

10 วิธี พิชิตปัญหาผมชี้ฟู




ผมชี้ฟู คือปัญหาที่สุดแสนจะกวนใจสาว ๆ ทำให้ผมเผ้าดูยุ่งเหยิงเหมือนคนไม่ดูแลตัวเอง ทำให้เสียความมั่นใจไปมากเลยทีเดียว วันนี้เราจึงนำ 10 วิธี ในการพิชิตปัญหากวนใจนี้มาฝากกันค่ะ

1. สระผมแค่วันเว้นวันก็เพียงพอ

ปัญหาผมชี้ฟูมักเกิดขึ้นกับผู้ที่สระผมเป็นประจำทุกวัน แม้จะให้ความรู้สึกสะอาดหลังสระ แต่การสระผมก็ดึงเอาความชุ่มชื้นออกไปจากเส้นผมและหนังศีรษะด้วย ลองเว้นระยะการสระผมออกไปเป็นวันเว้นวัน(หรือมากกว่านั้น) เพื่อให้น้ำมันที่ผลิตโดยธรรมชาติจากหนังศีรษะได้หล่อเลี้ยงเคลือบเส้นผมบ้าง อันจะช่วยแก้ปัญหาผมชี้ฟูได้เป็นอย่างดี

2. ใช้คอนดิชั่นเนอร์ทุกครั้งหลังสระผม

ปัญหาผมชี้ฟูเกิดจากความชื้นในอากาศแทรกซึมเข้าสู่เส้นผม ทำให้เกล็ดผมที่ซ้อนตัวกันอยู่พองและเปิดออก อันเป็นที่มาของความชี้ฟูนั่นเอง การเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมด้วยคอนดิชั่นเนอร์ จะช่วยเคลือบปิดเกล็ดผมให้เรียบสนิท ป้องกันไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความชื้นในอากาศนั่นเอง

3. ไม่ทำให้ผมแห้งด้วยการใช้ผ้าขนหนูขยี้ผม

การใช้ผ้าขนหนูเช็ดหรือขยี้บนเส้นผมเพื่อให้เส้นผมแห้งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เพราะการทำเช่นนี้จะไปรบกวนการเรียงตัวของเกล็ดผม ทำให้เมื่อผมแห้งแล้วดูฟูได้ เลี่ยงปัญหานี้ด้วยการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ซึ่งมีความสามารถในการซึมซับน้ำได้ดี กดซับเพื่อดูดน้ำและความชื้นออกจากเส้นผมแทน

4. ปกป้องเส้นผมทุกครั้งก่อนการจัดแต่งทรงด้วยอุปกรณ์แต่งผมที่ให้ความร้อน

ความร้อนจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมต่าง ๆ ทั้งไดร์เป่าผม ที่หนีบผมตรง และแกนม้วนผมไฟฟ้า ทำให้ผมสูญเสียความชุ่มชื้น เปราะ และชี้ฟู ปกป้องเส้นผมของคุณก่อนปัญหาเช่นนี้จะเกิดขึ้น ด้วยการใช้เซรั่มหรือลีฟออนที่ช่วยปกป้องผมจากความร้อนทุกครั้งก่อนการจัดแต่งทรง

5. ใช้ไดร์เป่าผมไอออนิก

ไดร์เป่าผมแบบไอออนิกให้ความแตกต่างกับเส้นผมมากกว่าการใช้ไดร์เป่าผมลมร้อนทั่วไป เพราะไดร์ชนิดไอออนิกจะปล่อยไอออนที่ถนอมเส้นผมมากกว่า ไม่ทำให้ผมแตกปลาย อันเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมชี้ฟูนั่นเอง

6. พรางผมชี้ฟูด้วยแกนม้วนผมไฟฟ้า

การพรางผมส่วนปลายที่ชี้ฟูด้วยแกนม้วนผมไฟฟ้า นอกจากจะช่วยจัดทรงให้ผมดูเป็นระเบียบมากขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้เกล็ดผมเรียงตัวเป็นระเบียบขึ้นด้วย วิธีการคือเป่าผมด้วยลมเย็นให้แห้งก่อน แล้วจึงม้วนผมส่วนปลายด้วยแกนม้วนผมไฟฟ้า โดยแค่ม้วนเบา ๆ ไม่ทิ้งเอาไว้นาน เท่านี้ก็ช่วยแก้ปัญหาผมชี้ฟูไปได้ง่าย ๆ แล้ว

7. ใช้เซรั่มบำรุงผมที่มีส่วนผสมของซิลิโคน

ซิลิโคนเซรั่มจะเข้าเคลือบเส้นผมและปิดเกล็ดผมให้เรียบสนิท ทำให้ผมไม่ชี้ไม่ฟู วิธีการใช้ให้บีบเซรั่มลงบนมือ ขยี้ให้กระจายตัว แล้วใช้มือนั้นสางผม หรือจะหยดลงบนหวีซี่ห่างแล้วใช้หวีผมก็ได้ จากนั้นปล่อยให้ผมแห้งตามธรรมชาติ หรือจัดแต่งทรงด้วยไดร์เป่าผม

8. บำรุงผมด้วย ฮอต ออยล์ ทรีตเม้นท์ ทุกสัปดาห์

เนื่องจาก ฮอต ออยล์ มีเนื้อที่บางเบากว่าครีมมาส์ก จึงไม่ต้องกังวลว่าผมจะดูลีบติดหนังศีรษะ และใช้กับผมความยาวตั้งแต่บริเวณใบหูลงมาเท่านั้น ลองเลือกใช้ ฮอต ออยล์ ที่มีส่วนผสมของน้ำมันโจโจบา อันจะช่วยให้เกล็ดผมแข็งแรงขึ้น ป้องกันโอกาสที่จะเกิดผมชี้ฟูในระยะยาวได้ด้วย

9. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

สเปรย์ฉีดผมหรือมูสใส่ผม มักมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อช่วยให้แห้งได้ไวขึ้น แต่แอลกอฮอล์ที่ระเหยไปก็ดึงเอาความชุ่มชื้นออกไปจากเส่นผมด้วยเช่นกัน เมื่อผมแห้งก็ทำให้ดูฟูได้ เพราะฉะนั้นเปลี่ยนไปเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อถนอมเส้นผมและลดความชี้ฟูดีกว่า

10. เปลี่ยนผมชี้ฟูให้ดูดีขึ้นด้วยสเปรย์เพิ่มประกายเงางาม

ฉีดสเปรย์ที่ช่วยเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผมลงบนหวีแปรง แล้วใช้หวีนั้นสางเส้นผมจนจรดปลาย ผมที่เคยชี้ฟูก็จะดูเรียบและเงางามมากขึ้น ทำให้สาว ๆ ปล่อยผมได้อย่างมั่นใจ

ตัวอย่างการเซ็นสําเนาถูกต้อง

วิธีเซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง...รู้ไว้ไม่เป็นหนี้

บางคนอาจใช้ขีดเส้นขนาน แล้วเขียนข้อความ / เซ็นรับรอง

วันนี้ เอาวิธีเซ็นชื่อรับรองสำเนาที่ถูกต้อง มาแบ่งปันให้คุณรู้ไว้จะได้ไม่เป็นหนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ประมาทไม่ได้เลยล่ะ เพราะหากเซ็นไม่ถูกวิธีแม้เพียงนิดเดียว คุณอาจตกเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัวจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดีที่นำเอาเอกสารสำเนาบัตร ประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาเอกสารสำคัญอื่นๆ จากการเซ็นรับรองของเราไปทำประโยชน์ส่วนตน แต่สร้างหนี้ที่ไม่ได้ก่อให้กับเรา ดังนั้นจึงขอแนะนำว่า ทุกครั้งหากต้องเซ็นเอกสารรับรองสำเนาอย่าลืม ...จำ...และทำตามขั้นตอนต่อไปนี้นะ

ตัวอย่าง




1) ทุกครั้งหลังจากเซ็นชื่อ และเขียนรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว ต้องเขียนรายละเอียดกำกับไว้ด้วยว่า..เอกสารฉบับนั้นใช้สำหรับทำอะไร เช่น "ใช้เฉพาะสมัครงานเท่านั้น"


2) นอกจากกำกับรายละเอียดการใช้แล้ว ยังต้องกำกับ วัน/เดือน/ปี เขียนลงบนสำเนาที่ใช้ด้วยนะค่ะ ซึ่งนั่นจะช่วยกำหนดอายุการใช้งานสำเนาของเราได้


3) ต้องเขียนข้อความทั้งหมด ทับลงบนสำเนาส่วนที่เป็นบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาเอกสารอื่นๆ ที่สำคัญ ทั้ง สามข้อคือวิธีเซ็นที่ถูกต้องในการรับรองสำเนาอย่างรัดกุม ไม่เปิดช่องทาง ให้กับมิจฉาชีพ เอาไปสร้างหนี้ให้กับเรา ต่อไปนี้ต้องระวัง เพราะคุณอาจเป็นรายต่อไป ที่จู่ๆก็มี หนี้ตามมาเคาะประตูถึงบ้าน รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมทำตามล่ะ


4) ในกรณี ที่เซ็นเอกสาร ต้องใช้ปากกาหมึกสีดำเท่านั้น ถึงจะปลอดภัยที่สุด เพราะ เครื่องถ่ายเอกสาร บางเครื่อง สามารถถ่ายเอกสารโดยดึงหมึกสีน้ำเงินออก เหลือใช้เฉพาะข้อความของบัตรประชาชน แล้วทำให้มิจฉาชีพ เซ็นเอกสารบัตรประชาชนนั้น แทนเราได้เลย

เพราะฉะนั้นเราควรเซ็นด้วยปากกาสีดำเท่านั้น เพราะไม่สามารถดึงหมึกสีดำออกได้ หรือถ้าดึงสีดำออกได้ข้อความก็จะหายไปหมดเลยทั้งหน้าบัตรประชาชน

อัพเดทศัพท์วัยรุ่น ปี 2012

วัยรุ่นถือเป็นวัยแห่งสีสัน ต้องการอิสระ ต้องการการยอมรับในสังคม ต้องการแสดงออกถึงความเป็นตัวตน เสื้อผ้าหน้าผมของพวกเขาจึงมีความเป็นเฉพาะกลุ่ม ชนิดที่บางครั้งผู้ใหญ่มองแล้วต้องเบือนหน้าหนีด้วยความรับไม่ได้

แต่นอกเหนือจากการแสดงตัวตนผ่านเสื้อผ้าหน้าผมแล้ว ภาษาก็ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่วัยรุ่นใช้แสดงออกถึงตัวตนของพวกเขา หลาย ๆ คำอาจฟังดูแปลก ๆ คนนอกกลุ่มหรือผู้ใหญ่ ได้แต่ทำหน้าสงสัย เพราะไม่เข้าใจความหมาย

เพื่อลดความสงสัยของคนนอกกลุ่ม มติชนออนไลน์ ได้รวบรวมเอาคำศัพท์ฮิต ๆ ส่วนหนึ่ง พร้อมความหมาย ของกลุ่มวัยรุ่นมาไว้ที่นี่แล้ว




จิ้น = จินตนาการ ค่อนไปในทางชู้สาว เช่น "ฉันเห็น แมน กับ ต้น จับมือกันอะ เห็นแล้วจิ้นไปไกลเลยอะ"

ฟิน = เป็นอารมณ์ที่เห็นอะไรที่มัน “สุดยอด” เป็นอารมณ์สุดขีดในตอนนั้น

ปลวก = พวกอยู่ไม่นิ่ง ชอบเรียกร้องความสนใจให้ตัวเอง เหมือนปลวกที่ชอบสร้างรังตลอดเวลา และอาจรวมไปถึงพวกชอบจิกกัดคนอื่น

ติ่ง = แฟนคลับเกาหลีที่ไม่มีเหตุผล ไม่มีมารยาท ไม่สนใจความเป็นไปของโลกนอกจากศิลปินของตัวเอง

ซึน (ซึนเดเระ) = พวกไม่พูดตรงๆ ชอบเก็บอาการ เสแสร้ง

เฮียก = น่าเกลียด ขี้เหร่มาก

ขี้เม้ง = พวกที่ชอบวีน ขี้โวยวาย ด่าเก่ง ปากจัด หน้าตาบูดบึ้ง

อิม = มาจาก impossible หมายถึง พวกเด็กเรียน คือสามารถทำเรื่อง (เรียน) ที่ยาก ๆ ที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

อีนี่หลายอย่าง = คนคนนี้เป็นทั้งผู้ชาย เกย์ กะเทย แต๋ว และตุ๊ด

อบกบ = ไม่ หล่อ

เกิร์ป = โง่ แบบ ควาย

ซับโบร๋ = หวัดดี

หน้าเงือก = หน้าตาไม่ดี

WannaBE = พวกจอมปลอม

งุ๊งงิ๊ง = รำคาญ น่าเบื่อ

เฟ่ย = ไม่ได้เรื่อง ไม่ดี

กระหลั่ว = เลว

สิ่งอัน = ทุกสิ่งทุกอย่าง

ป่วย = พวกที่ไม่ค่อยปกติ **

สลัมบอมเบย์ = ต่ำสุด ๆ

ไม่ใส่จิว = ไม่ใส่ใจจริง ๆ

หน้าผั๊ว = เกย์หน้าไม่สวย

โป๊ะแตก = ผู้ชายที่เผลอหลุดความเป็นสาวออกมา

ดัดจร = ดัจริต กะแดะ

เพื่อนปุก = ทอม

ชิซูกะ = ตะกละ กินไม่เลือก

แกสบี้ = แก่มาก ๆ

ออนป้า = แสดงความเป็นป้าสู่สายตาประชาชน

อวย = การที่ยกย่องคน ๆ นึงให้ดูดีเกินเหตุ เกินกว่าที่ควรเป็น

วันนี้โปร่ง = วันนี้ไม่ได้พาแฟนมาด้วย

วื่นวือ = วุ่นวายสุด ๆ

ห่าน = สวยมาก

สุย = หนุ่มที่แต่งตัวเห่ยมากไม่เข้ากาละเทศะ

จีว่า = เวลาเห็นใครแต่งตัวหรือแสดงออกเกินความจำเป็น

จี๊ด = สุดยอด เจ๋ง

ตึบ = สุดยอด เจ๋ง

G.B. = gereral เบ๊ คนรับใช้ทุกอย่าง

ดิ๊ว = ขโมย

ถ้วย ถัง กะละมัง หม้อ = ไร้สาระไปวัน ๆ

แอ๊ว = ยั่วยวนเพศตรงข้าม

นิ่งๆ ริงมายเบล = ไม่ทำอะไร อยู่เฉย ๆ ดีกว่า

องค์ลง หรือ มีองค์ = หมายถึงพวกขาวีน หรือพวกที่จู่ ๆ ก็เกิดอาการอารมณ์เสีย ของขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ถ้าผู้ชายมีองค์ หมายถึง ตุ๊ด กะเทย

สลิด = ดัดจริต

บุย บุย = บ๊าย บาย

ดิล (deal) = เข้าไปคุยจีบ

9 เรื่อง ที่วัยรุ่น อยากลบทิ้งไปจากโลกนี้

9 เรื่อง ที่วัยรุ่น อยากลบทิ้งไปจากโลกนี้

ถ้า เรื่องแย่ ๆ น่าเวียนเฮดทั้งหลายในโลกนี้ สามารถทำให้หายไปได้ง่ายๆ เหมือนการกด Backspace หรือ Delete จะดีแค่ไหนหนอ เอาแค่ 9 เรื่อง ที่ไอไลค์โพลคัดมาในฉบับนี้ถ้าหายไปได้หละก็… วัยรุ่นทั้งโลกก็คงแฮปปี้ดี๊ด๊ากระชุ่มกระชวยขึ้นอีกหลายสิบเท่าเลยทีเดียว




1.สิว
ไม่ เข้าใจเลยว่า ในเมื่อธรรมชาติสร้างวัยรุ่นให้มีใบหน้าใส ๆ ก่อนโรยราไปตามสังขาร แล้วเหตุไฉนถึงต้องสร้างสิวมาให้สถิตตามใบหน้าด้วย พอเอาเม็ดนี้ออกไปได้เม็ดนี้จะสูญหายไปได้อย่างถาวร จะเป็นอะไรเวรี่กู้ดมาก ๆ เลยคร่า

2. ประจำเดือน
เป็น ผู้หญิงก็ลำบากแฮะ ไหนจะต้องคอยดูแลทั้งหนังหน้า สารร่าง และเส้นผมบนหนังกบาลแล้ว ก็ต้องมีเรื่องที่ทำให้จุกจิกกวนตัวอยู่ทุกเดือนอีก ถ้าวิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวไกล สามารถคิดค้นวัคซีนป้องกันการเป็นเมนส์ได้ละก็…เอิ่ม…อ่า…ก็คงเป็น อะไรที่ฝืนธรรมชาติน่าดูเลยแฮะ(มนุษยชาติถึงคราวสูญพันธุ์ก็ตรงนี้แหละวุ้ย)

3. สมุดพกที่ได้เกรด 0
อยาก รู้จริงๆ ว่าผู้ได๋เป็นผู้ตั้งกฎว่าการวัดผลการเรียนควรแบ่งเป็นเกรด 4 3 2 1 และ 0 เขาหรือเธอผู้นั้นจะรู้ไหมว่าเป็นต้นเหตุนำไปสู่การทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องเคี่ยวเข็ญแอนด์เข้มงวดลูกหลานเกินความจำเป็น ยิ่งถ้าเป็นเกรดรูปไข่ติดมาในสมุดพก…มีหวังโดนบ่นจนหูชาแน่

4. หนี้
หนี้…เนี่ย ไม่ว่าจะเป็นหนี้ไหนๆ ก็ล้วนแต่ทำให้ลูกหนี้กุมขมับนอนก่ายหน้าผากเลยทีเดียว หนำซ้ำยังมีดอกเบี้ยติดมาด้วย แหม้มมม…ถ้าเป็นดอกเบี้ยหัวใจแล้ว จะไม่กลุ้มใจเลยสักนิด (เฮ้ย มั่วแล้ววุ้ย) เอาเป็นว่า…ขอสรุปเลยแล้วกัน ถ้าต้องปลดหนี้ด้วยการเป็นทาสรับใช้เศรษฐีหนุ่มหล่อ อย่างในละครเวทีละก็…ยินดีคร่า (เอ่อ..ชักมั่วยิ่งกว่าเก่าอีกนะไอ้คนเขียน)

5. แฟนของคนที่เราแอบชอบ
เรื่อง หัวใจมันกะเกณฑ์ไม่ได้จริงๆ คนที่ควรชอบก็ไม่ชอบ ดั๊นนน…ไปหลงรักคนที่มีแฟนแล้ว จะให้ใจกล้าหน้าด้านแย่งแฟนชาวบ้านมาครอบครองก็ทำไม่ลง เพราะเสน่ห์และคารมมีไม่พอ…หุหุ ก็ได้แต่วาดฝันลมๆ แล้ง ๆ ไปว่า ถ้ามีพรวิเศษจริง ก็ขอให้แฟนของคนที่เราชอบหายลับหายไปสักทีเทิ้ด

6. การบ้านกองโต
ชีวิต วัยรุ่นร่าเริงลั้นลาเนี่ย มักจะมาจอดสนิท เหี่ยวเฉาสุดๆ ก็เมื่อเจอการบ้านเนี่แหละ แถมส่วนใหญ่มักจะเป็นการบ้านกองโตเสียด้วย สาเหตุมาจากพฤติกรรมดินพอกหางหมูนี่แหละ เมื่อไหร่นะ ? เมื่อไหร่ที่คุณครูจะเลิกแจกการบ้านให้นักเรียนสักที? วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่กัน??? (คงเป็นวันที่โลกแตกนั่นแหละ)

7. ครูที่จุกจิกจู้จี้
ก็ เข้าใจว่าที่ครูคอยจุกจิกจู้จี้พร่ำบ่นพวกเราน่ะ ก็ด้วยความเป็นห่วงหวังดีอย่างจริงใจ แต่คุณครูขา…พวกหนูเป็นพวกโสตประสาทระดับต่ำกว่ามาตราฐาน เวลาฟังอะไรซ้ำ ๆ นาน ๆ เข้า ก็มักจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไม่ได้ซึมเข้าไปในเซลล์สมองค่ะ คุณครูเปลืองน้ำลายเปล่า ๆ ปลี้ ๆ อยากบอกให้รู้อ่ะค่ะ แหะ ๆ

8. สัตว์เลื้อยคลานที่น่ารังเกียจ
งู เหลือม งูหลาม จิ้งจก ตุ๊กแก กิ้งก่า จิ้งเหลน และอีกสารพัดสัตว์เลื้อยคลานน่าหยึกหยึย แค่นึกภาพในหัวก็ขยะแขยงไปถึงขั้วหัวใจแย้ว ก็ดูสิ…ทั้งรูปร่าง สี หรือผิวหนัง แบบว่าอั๊กลี่มากกกกไม่รู้ธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้ไง อี๋ๆๆ ถ้าหายไปจากโลกนี้ไม่ได้ด้วยเหตุผลทางนิเวศวิทยา ก็ขอให้น่ารักสักเศษเสี้ยวของหนูแฮมทาโร่ ก็ยังดี

9. ไขมัน
ไอ้ นี่แหละ คือตัวการที่ทำหลายคนต้องสูญเสียความสวย ความมั่นใจ ความภาคภูมิ ศักดิ์ศรี เสรีภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย แถมมันยังติดเหนียวหนึบตามบอดี้ยิ่งกว่าหมากฝรั่งติดพื้นรองเท้าเสียอีก กว่าจะแกะออกไปได้ ก็ช่างยากเย็นหนักหนา แต่นี่น่ากลัวกว่านั้นก็ตอนที่มันหวนกลับคืนมาน่ะสิ คราวนี้ล่ะติดหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้างสิบหลอดรวมกันเสียอีก