วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เจ๋ง! เหลา"ไส้ดินสอ"เป็นรูปต่างๆ






โรคร้ายใกล้ตัวที่น่ากลัวกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009

โรคร้ายใกล้ตัวที่น่ากลัวกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009

โรคMONEYPHILIAหรือโรคทรัพย์จางมีศัพท์ทางวิชาการว่า MONEYPHILIA เป็นคำสมาสระหว่างคำว่า MONEY และ PHILIA มีลักษณะคล้ายกับโรค HEMOPHILIA ซึ่งโรค HEMOPHILIA ผู้ป่วยจะมีอาการเลือดไหลไม่หยุด และโรคชนิดนี้มิได้ติดต่อทางพันธุกรรม แต่ MONEYPHILIA เป็นโรคที่เงินไหล ออกจากกระเป๋าไม่หยุด จนเกิดทรัพย์จางได้

การติดต่อ

โรคนี้มิได้ติดต่อทางพันธุกรรมเช่นกัน แต่ติดต่อกันเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีรายได้น้อย ถึงปานกลาง ซึ่งไม่สามารถจัดสรรรายได้ให้ได้ ส่วน กับรายจ่าย ว่ากันง่าย ๆ ก็คือรายจ่ายมากกว่ารายได้นั่นเอง ในทุกวันนี้โรคดังกล่าวได้เริ่มระบาดในหมู่คนไทยที่มีรายได้น้อย ถึงรายได้ปานกลางมาสองสามปีแล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต ตลอดจนบั่นทอนความเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน บั่นทอนสุขภาพ บั่นทอนชีวิตครอบครัวและสังคมโดยร่วม ดังนั้น เราจึงควรศึกษาร ายละเอียดของโรคนี้ เพื่อหาวิธีหลีกเลี่ยงหรือป้องกันแต่เนิน


ระยะฟักตัวของโรค

เชื้อจะเริ่มฟักตัวประมาณวันที่ 15 ของเดือน แต่ก็ไม่แน่ทุกคนไป เพราะบางคนเชื้ออาจจะเริ่มฟักตัวได้ตั้งแต่วันที่ 5 ของเดือนก็มี และบางรายอาการรุนแรงจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนทีเดียว อาการจะปรากฏเร็วหรือช้า รุนแรงหรือไม่รุนแรง ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ และชนิดรายได้ของแต่ละบุคคล ซึ่งแบ่งตามพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ป่วย อีกทั้งขึ้นอยู่กับลักษณะของโรคแทรกซ้อนที่มือด้วย ว่าเป็นโรคมือเติบหรือไม่ หากเป็นโรคมือเติบด้วย จะยิ่งทำให้การรักษา หรือป้องกันเป็นไปได้ยาก และระยะฟักตัวของโรคก็จะรวดเร็ว อีกทั้งอาการก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น


อาการ

ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหม่อลอย ไม่สบตาผู้อื่นโดยเฉพาะเจ้าหนี้ เหงื่อซึมออกตลอดเวลา หงุดหงิด สูญเสียความเชื่อมั่น ไร้สมาธิในการทำงาน เบื่ออาหาร หิวแต่ทานไม่ลง เพราะอาหารน้อย คุณภาพต่ำเนื่องจากด้อยกำลังซื้อ รสชาติไม่ถูกปาก ผู้ป่วยบางรายมีอาการรุนแรงถึงกับทำอัตวินิบาตกรรม บางรายมีอาการผวาเมื่อถูกเรียกชื่อ พวกที่มีอาการรุนแรงบางจำพวกจะทำการประชดชีวิตโดยการเดินมาทำงาน แทนการโดยสารรถประจำทาง หรือแท็กซี่ หรือพยายามขึ้นรถโดยสารที่มีคนแน่นมาก ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกระเป๋ารถเมล์ หรือเพื่อที่จะได้หลบหล ีกระหว่างบันไดหน้ากับบันไดหลังสลับไปมาได้รวดเร็ว และ ทันท่วงที อีกทั้งเพื่อพยายามให้ได้รับอากาศที่ปลอดโปร่ง จะได้กินลมเพื่อลดอาการหน้ามืด


การป้องกัน

ไม่ควรนำเด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด มิฉะนั้นจะได้รับอันตรายจากผู้ป่วยได้ ไม่ควรนำของมีค่าเข้าใกล้ในระยะสายตาและมือเอื้อมถึง


การรักษา

ยังไม่มียาชนิดใดที่จะบำบัดโรคนี้ได้โดยตรงในปัจจุบัน แต่สามารถรักษาได้ตามอาการที่ปรากฏ เช่นผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ (เป็นกันโดยมาก) ก็ควรใช้ยาลดไข้ 1-2 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง ได้แก่ยาพาราเซตามอล ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ

ถ้าผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ควรใช้ยาคลายประสาท ตามที่แพทย์แนะนำ ห้ามใช้เกินขนาด เพราะจะเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้ (ห้ามใช้สตริกนินโดยเด็ดขาด)

ควรให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกาย พักผ่อน ในที่ลับตาคน อย่าพาผู้ป่วยออกนอกบ้าน เพราะอาจเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ได้ การกระทำเช่นนี้นอกจากจะไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้ว กลับจะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อย ๆ อาการดูน่าเป็น ห่วงอยู่ไม่น้อย แต่อาการของผู้ป่วยจะกระเตื้อง ตื่นเต้นได้อีกครั้งก็ถึงตอนปลายเดือนนั้น ๆ แต่บางรายก็ไม่ดีขึ้น กลับทรุดหนักลงไปอีก เนื่องจากการอักเสบของดอกเบี้ย

ไม่ควรนำผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลเอกชนเพราะอาจจะทำให้เกิดอาการช็อคได้ เมื่อเห็นใบแจ้งหนี้ ทางที่ดีควรนำไปรักษายังสถานธนานุเคราะห์,สถานธนานุบาล โดย ให้ผู้ป่วยนำของที่มีค่าติดตัวไปด้วย ซึ่งเป็นการรักษาอย่างปัจจุบัน ทันด่วน และตรงตามอาการของโรคมากที่สุด


ทำไมคีย์บอร์ดถึงไม่เรียงตามตัวอักษร A-B-C หรือ ก-ข-ค ? ??

ทำไมตัวอักษรในแป้นพิมพ์ทั้งของเครื่องพิมพ์ดีดและคอมพิวเตอร์ ถึงไม่เรียงกันตามลำดับอักษรเช่น A B C


สำหรับการเรียงอักษรบนแป้นพิมพ์ในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเรียง ที่เรียกว่า QWERTY (คิวเวอร์ตี้) ที่เรียกกันอย่างนี้เพราะเป็นการนำอักษร 6 ตัวแรก (เมื่อนับจากซ้ายมาขวา) ของแป้นพิมพ์ที่เป็นตัวอักษรแถวบนมาต่อกัน และถ้าหากจะถามว่าทำไมถึงต้องเรียงแบบนี้ เราคงต้องย้อนกลับไปในอดีตกันซะหน่อย


การเรียงลำดับอักษรของแป้นพิมพ์ในปัจจุบันนั้น มีที่มาจากข้อจำกัดที่เกิดกับเครื่องพิมพ์ดีดในยุคแรกๆ ที่ยังจัดแป้นพิมพ์แบบเรียงตามลำดับตัวอักษรคือ เมื่อคนที่พิมพ์ดีดได้คล่องและเร็วมาพิมพ์จะทำให้ก้านพิมพ์ดีดขัดกันอยู่ เสมอ ต่อมา คริสโตเฟอร์ ลาแธมโชลส์ วิศวกรเครื่องกลชาวสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดสมัยใหม่รายแรกและได้รับสิทธิบัตรในปี 1868 จึงทำการเรียงลำดับตัวอักษรเสียใหม่ด้วยการแยกตัวอักษรที่มักใช้มาผสมเป็นคำร่วมกันบ่อยๆ ออกไปอยู่กันคนละฝั่งของแป้นพิมพ์ เพื่อทำให้นักพิมพ์ดีดพิมพ์ได้ช้าลงกว่าเดิม จะได้ไม่เกิดปัญหาก้านพิมพ์ขัดกันอีก


อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกผู้คนยังคงไม่นิยมเครื่องพิมพ์ดีดของเขามากนัก ทำให้โชลส์ตัดสินใจขายสิทธิบัตรดังกล่าวให้กับทางบริษัท เรมิงตันอาร์มคอมพานี ในปี 1973 ซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่ทางเรมิงตันผลิตเครื่องพิมพ์ดีดออกมาจำหน่าย ความนิยมในตัวเครื่องพิมพ์ดีดกลับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก


ในเวลาต่อมา ปรากฏว่ามีผู้พยายามจัดเรียงตัวอักษรบนแป้นพิมพ์เป็นแบบต่างๆ ซึ่งแบบที่ได้รับความนิยมมากหน่อยก็อย่างเช่น แบบ DVORAK ซึ่งเคยมีการบอกกล่าวกันว่าการเรียงในรูปแบบนี้จะทำให้พิมพ์เร็วขึ้น จนทางห้างร้านบริษัทหลายแห่งเริ่มนิยมกันอยู่พักหนึ่ง แต่ว่าในปี 1956 ทาง General Services Administration ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่หน่วยงานอื่นๆของรัฐ ได้ทำการศึกษาการจัดแป้นพิมพ์ทั้ง 2 แบบ และก็พบว่า การจัดแบบ QWERTY นั้น ทำให้พิมพ์ได้เร็วเท่ากับหรือมากกว่าแบบ DVORAK ทำให้ความนิยมของการจัดแป้นพิมพ์แบบ DVORAK ลดลงไป


ทั้งนี้หลายคนอาจจะคิดว่า ปัจจุบันเราก็ไม่ได้นิยมใช้พิมพ์ดีดแบบเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นปัญหาเรื่องก้านพิมพ์ขัดกันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อไป แล้วทำไมเราจึงไม่เปลี่ยนกลับไปใช้แป้นพิมพ์แบบเรียงตามตัวอักษรเหมือนก่อน ซึ่งคำตอบสำหรับคำถามนี้หลายคนคงพอเดากันได้ว่าเป็นเพราะ เราคุ้นเคยและเคยชินกับแบบ QWERTY จนไม่อยากจะกลับไปเสียเวลาเริ่มนับหนึ่งกับแบบเดิมเสียแล้ว

ปล. แป้นพิมพ์ภาษาไทย ก็ให้เหตุผลเดียวกัน

ทายใจคำขอวันเกิด :)

แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู ๆ ๆ ๆ ทู้วยูววว... ร้องลากเสียงด้วยสำเนียงเสนาะ ก่อนจะเป่าเทียน ปู้ดๆ หลังจากนั้นล่ะสำคัญ น้องๆ จะขอพรอะไรในวันเกิดดีล่ะ อยากรู้นี่ไม่ใช่อะไร จะได้เอามาทายใน ทายนิสัยกันอย่างไรล่ะ..



1. ขอให้สมหวังในความรัก

แสดงว่าคนมีความอ่อนไหวมากๆๆ เป็นคนอ่อนโยนอ่อนหวาน มีน้ำใจ เป็นคนจิตใจดี แต่บางทีก็อ่อนแอมากเกินไป เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องความรู้สึกของคน ไม่ชอบทำร้ายใคร ไม่เป็นอันตรายต่อใคร แต่ต้องรู้จักสร้างภูมิต้านทานความเสียใจให้ตัวเองด้วยนะ เพราะอาจโดนพวกไม่ประสงค์ดีลอบทำร้าย ดังนั้นต้องฉลาดทันเล่ห์เหลี่ยมด้วยล่ะ

2. ขอให้รวย
แสดงว่าเป็นชอบคนเพ้อฝัน แม้จะรู้ว่าความฝันนั้นอาจไม่เป็นจริง ก็ขอให้ฝันเอาไว้ก่อน และก็เป็นคนธรรมดาที่มีความโลภ โกรธ หลง รักความสบาย ไม่ชอบเสี่ยง ไม่ชอบผจญภัย ถ้าจะให้เที่ยวแบบลุยป่าฝ่าดงจะไม่ถนัด แต่ไปเที่ยวแบบชิวๆ หรูๆ จะขอไปด้วยทันที เป็นคนทันกระแสสังคม ไม่เคยตกยุค อินเทร์นเสมอ



3. ขอให้มีแต่คนรัก
แสดงว่าเป็นคนขี้เหงามากๆ ให้ความสำคัญกับคนอื่นและมักมองตัวเองมีค่าเสมอ เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง รักเพื่อนมาก มักไม่ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบเป็นส่วนเกิน หรือโดนทอดทิ้ง วันไหนที่ทะเลาะกับเพื่อน จะทุรนทุรายไม่มีความสุขสุดๆ และจะเป็นฝ่ายที่ไปง้อเพื่อนก่อนเสมอ เป็นคนจิตใจดี ไม่ชอบคิดร้ายต่อใคร ไมทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าใครมาทำให้เจ็บมากๆ จะแค้นฝังใจไม่ลือเลย



4. ขอให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
แสดงว่าเป็นคนจริงจังกับชีวิตดูแลตัวเองค่อนข้างมาก บางทีก็จู้จี้จุกจิก ขี้บ่น และเอาแต่ใจ ดังนั้นต้องระวังข้อเสียตรงนี้ของตัวเองให้มากๆ เพราะคนรอบข้างอาจรำคาญได้ เป็นคนมีระเบียบวินัยในชีวิต ไม่ชอบทำอะไรนอกกรอบ เป็นคนซื่อๆ จิตใจดี หวังดีต่อผู้อื่นเสมอ ไม่ชอบโกหกใคร และจะเสียใจมากถ้ามีคนมาโกหก


5. ขอให้ชีวิตเจอแต่คนดีๆ
แสดงว่าเป็นคนมองโลกในแง่ดีมีความฝันอยู่เต็มสมองไปหมด จิตใจอ่อนโยน ไม่ชอบคิดร้ายกับใคร เชื่อในโชคชะตา มีความทะเยอทะยานชอบพบปะผู้คน ชอบรู้จักคนเยอะๆ และเป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้เสมอ เป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น เวลาใครอยู่ด้วยรับรองว่าเขาแฮปปี้แน่ๆ เพราะพร้อมที่จะช่วยเหลือเขาทุกอย่าง



6. ขอให้หน้าตาดี หุ่นดี
แสดงว่าเป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย มักมองเห็นข้อเสียของตัวเองอยู่ตลอดเวลาจนทำให้คนรอบข้างพาลเบื่อหน่ายเอาได้ง่าย ดังนั้นควรจะเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองด้วยการมองหาข้อดีของตัวเองให้เจอ แล้วดึงตรงนันขึ้นมาเป็นจุดเด่นลบปมด้อยในใจให้ได้ เป็นคนอ่อนไหว มักมีความสำคัญกับคนอื่น เป็นคนละเอียดอ่อน ใส่ใจในจุดเล็กๆ น้อยๆ ของชีวิตเสมอ


7. ขอให้ทำอะไรไม่มีอุปสรรค
แสดงว่าเป็นคนมีความทะเยอทะยานช่างฝัน มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เชื่อว่าคนเราสามารถทำทุกสิ่งได้ถ้ามีความพยายาม จึงพร้อมจะทุ่มเททำสิ่งที่ฝันอย่างจริงจัง เวลาทำอะไรจะทำให้ดีที่สุด เต็มที่ที่สุดเสมอ ดังนั้นจึงกลายเป็นคนที่หลงใหลในความเพอร์เฟคไปโดยปริยาย สิ่งที่จะต้องทำก็คือ ต้องระวังไม่ให้ตัวเองเป็นคนจริงจังกับชีวิตจนเครียดมากไปนัก เพราะมันจะทำให้เสียบุคลิกไปเลย


8. ขอให้ศัตรูแพ้พ่าย
แสดงว่าเป็นคนเครียดแค้น ขาดความมั่นใจในตัวเองและชอบการแข่งขัน เป็นคนฉลาด มีความสามารถสูงทำอะไรมักจะทำอย่างเต็มที่ แต่แปลกที่มักคิดว่าทำได้อย่างไม่เต็มที่เสมอ เป็นคนทะเยอทะยาน ชอบเป็นผู้นำ และกลุ่มที่เป็นหัวหน้ามักจะประสบความสำเร็จเสมอ แต่สมาชิกอาจหงุดหงิดกับความเผด็จการไปบ้าง เป็นคนขี้กลัวอ่อนไหวแต่มักไม่คอยแสดงออกให้เห็นกลัวเสียฟอร์มนั่นเอง


9. ขอให้มีอนาคตที่ดี
แสดงว่าเป็นคนมองการณ์ไกล ชอบวางแผนอย่างมีระเบียบ เป็นคนตรงๆ ไม่ค่อยยืดหยุ่นมากนัก เป็นคนจริงจัง เป็นเด็กเรียนคนหนึ่งของห้อง ขยันขันแข็ง มีความมานะพยายามสูง ความภาคภูมิใจของเธอก็คือการประสบความสำเร็จจากสิ่งที่พยายาม แต่ถ้าล้มเหลวขึ้นมา จะหลบไปพักใจครั้งใหญ่ เลยทีเดียว เป็นคนอ่อนไหว ขี้กลัว แต่ในบางโอกาสก็เข้มแข็งและกล้าหาญได้เหมือนกัน



10. อธิฐานให้คนอื่น
แสดงว่าเป็นคนให้ความสำคัญกับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เป็นคนจิตใจดี มีน้ำใจ และชอบช่วยเหลื่อผู้อื่น ฉลาดมีความมั่นใจในตัวเองสูง ชอบชีวิตเรียบง่าย มักพอใจในสิ่งที่ตนมี และไม่ค่อยสนใจในเรื่องวัตถุนิยม เป็นคนติดดินอคติกับชีวิตฟุ่มเฟือย ไม่ชอบของแบนเนม แต่มีความทะเยอทะยาน มีความฝัน และเป็นนักล่าฝันตัวฉกาจ เป็นคนขยันมีความมานะพยายาม ดังนั้นจึงทำให้คนมากมายชื่นชมเป็นที่สุด




การดูแลผิว

ผิวพรรณจะสวย สดใส ดูมีสุขภาพดีนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาหารการกิน การดูแลตัวเอง การทำความสะอาดผิว เป็นต้น แต่ถ้าสุขภาพกาย และสุขภาพจิตไม่ดีก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวของเราเกิดการหมองคล้ำ และไม่สดใสเท่าที่ควรได้คะ

เรามารู้จักคำว่า “ผิวสวย” กันก่อนดีกว่านะจ๊ะ ผิวสวยก็คือ ผิวสะอาด สดใส ดูมีชีวิตชีวา ซึ่งมาจากการทำความสะอาดอย่างถูกวิธีนั่นเอง ถ้าเราทำความสะอาดอย่างถูกวิธี จะช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วของผิวออกไปและยังรักษาความชุ่มชื้นภายใต้ผิวหนังไม่ให้มากเกินไปหรือน้อยเกินไปอีกด้วยคะ

ใครที่อยากมีผิวสวย และอยากดูแลผิวอย่างถูกวิธี โบว์มี 7 วิธีดูแลผิวดีดีที่ใครๆก็สามารถทำได้มาแนะนำกันค่ะ

  1. ควรรับประทานวิตามินซีเป็นประจำนะจ๊ะ(ผักสด, ผลไม้สด) เพราะจะช่วยให้ผิวผุดผาดและสุขภาพดีขึ้น ช่วยให้หายเหนื่อยล้าเมื่อเลิกงาน
  2. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
  3. รับประทานอาหารที่มีคุณค่า และงดทานขนมหวานนะจ๊ะ
  4. ออกกำลังกายบ้าง เพื่อให้เกิดความสดชื่น และคิดถึงเรื่องที่ดีๆ
  5. อย่าอาบแดดจัดๆ แม้แสงแดดจะมีประโยชน์คือ ช่วยกระตุ้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โลหิตหมุนเวียนสะดวก จิตใจร่างเริง และทำให้ผิวหน้าดูมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ถ้ารับแสงแดดมากเกินไปก็จะทำให้ผิวดูแก่เร็ว และแห้งค่ะ
  6. ไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เช็ดหน้าแรงๆด้วยผ้าหยาบๆ ล้างหน้าบ่อยๆเมื่ออยู่ในห้องแอร์หรือห้องร้อนจัด เพราะเป็นการทำลายชั้นบนของผิว ซึ่งเป็นปัญหาของริ้วรอย ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก
  7. นอนหลับให้เพียงพอ จะทำให้หน้าของเราดูสดสวยผ่องใส ไร้รอยหมองคล้ำ ริ้วรอยต่างๆและถุงใต้ตานะจ๊ะ

แค่นี้ ผิวของเราก็จะสวย สดใส ผุดผ่อง มีสุขภาพดีแล้วค่ะ

Tips:

- สำหรับคนที่มีผิวแห้งมากๆนะคะ ควรใช้สบุ่ที่ช่วยทำความสะอาดมากกว่าชนิดที่เกิดฟอง เพื่อรักษาปริมาณน้ำมันในผิวไม่ให้สูญเสียไป

-ส่วนคนที่ผิวมัน ก็ควรทำความสะอาดใบหน้าและลำคอบ่อยๆค่ะ และล้างหน้าให้สะอาดเพื่อไม่ให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปและนานเกินไป

เรื่องของผิวเนียนเปล่งปลั่งกับน้ำมะพร้าว

น้ำมะพร้าว นับเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่จากธรรมชาติ เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายอย่าง ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและผิวเนียน สวย สดใสนะค่ะ

- การดื่มน้ำมะพร้าวทุกวัน จะช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์

- น้ำมะพร้าว ช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่าปกติ รวมทั้งไม่ทิ้งรอยแผลเป็นบนผิวเนียนให้ดูต่างหน้าอีกด้วยนะจ๊ะ

- น้ำมะพร้าว ยังช่วยทำให้ผิวเนียนเปล่งปลั่ง สวย สดใส เพราะแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำมะพร้าว จะเป็นตัวสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวเนียนมีความกระชับ ยืดหยุ่น และ ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ค่ะ

- น้ำมะพร้าว ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย หลังจากเล่นกีฬา ออกกำลังกาย ท้องเสีย ท้องร่วง หรือร่างกายเสียน้ำมาก ซึ่งจะทำให้ผิวเนียนของเราไม่ขาดความสดใสมากค่ะ

- น้ำมะพร้าวเป็นอาหารบริสุทธิ์ เป็นเครื่องประทินผิวเนียนให้สวยสดใสยิ่งขึ้น และเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ อย่างเช่น โรคกระดูก ท้องร่วง อาเจียน และขับพยาธิ เป็นต้นคะ

ชักชวนกันดื่มน้ำมะพร้าวทุกวัน เพื่อสุขภาพที่ดี และผิวเนียนสวย สดใสมากขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีเลือกสุนัขพันธุ์ปั๊ก

ปั๊ก เป็นอีกพันธุ์ที่น่ารักจนหลายคนอยากเลี้ยง หน้าตามึนๆ ดูน่าแกล้ง ตัวอวบตันน่าหมั่นเขี้ยวและเป็นสุนัขพันธุ์ที่ไม่ชอบส่งเสียงเห่า

มีอีกหลายเหตุผลที่จะรักสุนัขพันธุ์ปั๊ก และใครกำลังมองหามาเลี้ยง มิ้งก็มีข้อมูลดีๆ มาประกอบการตัดสินใจ

วิธีการเลือกซื้อสุนัขพันธุ์ปั๊ก

ศีรษะ ที่ดีมีขนาดใหญ่ ลักษณะกลม หนังศีรษะบริเวณหน้ามีรอยย่นมาก

หู มีขนาดเล็ก ใบหูค่อนข้างบาง หูพับไปด้านหน้าหรือด้านหลัง

ตา สีเข้ม ลักษณธกลมโต ตาสุนัขพันธุ์ปั๊กจะโปนออดมาเล็กน้อย

จมูก มีสีเข้ม ลักษณะสั้นและทู่ มองไม่เห็นดั้งจมูก


ปาก มีขนาดสั้น รูปร่างคล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส

ลำตัว เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ดูกระชับได้สัดส่วน มีขนาดเล็กล่ำสัน มีกล้ามเนื้อ

ขา ท่อนขาเหยียดตรงตั้งฉากกับพื้น ขาซ้ายและขวาดูเป็นเส้นขนานเมื่อมองจากด้านหน้า ความยาวสมดุลกับลำตัว

เท้า ฝ่าเท้าหนา ดูเป็นรูปวงรี

หาง มีลักษณะม้วนอยู่เหนือสะโพก หางม้วนสองรอบถือว่าดี

ขน น้องปั๊กขนสั้น หนา 2 ชั้นและอ่อนนุ่ม

สีขน ปั๊กมักมีขนเป็นสีครีม น้ำตาลอ่อน หรือสีเงิน โดยต้องไม่มีสีขาวปะปนอยู่ ส่วนปั๊กสีดำอาจมีขนสีขาวที่อกหรือท้องได้ บริเวณ จมูก ปาก ใบหน้า หู และนิ้วเท้ามีมาร์กกิ้งสีดำ


10 วิธีง่ายๆ เป็นหมอดูแลตนเอง :)

10 วิธีง่ายๆ เป็นหมอดูแลตนเอง

1. เติมชีวิตประจำวันให้สมบูรณ์

มีสิ่งสำคัญสี่ประการที่คุณควรปฏิบัติทุกวันเพื่อเติมเต็มสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง ได้แก่ กินผักและผลไม้สดจำนวนมาก ออกกำลังหรือเดินให้มากพอ หัวเราะหรือทำกิจกรรมผ่อนคลายจิตใจอย่างน้อย 15 นาที และกินอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ถั่ว ธัญพืช และอาหารที่ระบุว่า มีกากใยสูง หากทำได้ครบทั้งสี่ข้อทุกวัน รับรองได้ว่าคุณจะมีสุขภาพดี (ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้คงจะสูญเปล่า หากคุณยังคงสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือกินช็อกโกแลตเป็นประจำ)


2. ตรวจตัวเองทุกสองหรือสามเดือน

หมายถึงให้ตรวจตรา ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ตรวจดูผิวหนังทุกแห่ง มองหาปานหรือไฝรอยใหม่ รวมถึงผื่นและร่องรอยที่ดูน่าสงสัย อย่ามองข้ามหนังศีรษะ ซอกนิ้วทุกนิ้ว และใต้รักแร้ หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์

ผู้ที่มีไฝ ให้ตรวจดูความผิดปกติดังนี้

    • ลักษณะไม่สมดุล สองซีกไม่เหมือนกัน
    • ขอบไม่เรียบ บริเวณขอบนอกขรุขระหรือไม่ชัดเจน
    • สีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีสีดำ น้ำตาล หรือชมพูแตกต่างกันหลายระดับ
    • ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าหกมิลลิเมตร

3. สังเกตการนอน

สัญญาณเตือนที่ชัดเจนสามประการของภาวะนอนหลับไม่เพียงพอคือ หนึ่ง จำเป็นต้องพึ่งนาฬิกาปลุกทุกเช้า สอง ง่วงนอนตอนบ่ายจนมีผลกระทบต่อกิจกรรมปกติ สาม มีอาการง่วงจนแทบหลับหลังอิ่มอาหารมื้อเย็น หากคุณมีอาการเหล่านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ควรหาเวลานอนพักผ่อนเพิ่มขึ้น หากคุณนอนมากเพียงพอแล้ว (ประมาณคืนละแปดชั่วโมง) แต่ยังมีอาการก่อนเพลียเหมือนอดนอน ควรปรึกษาแพทย์

4. วัดส่วนสูงทุกปีเมื่อวัยเกิน 50

ข้อนี้สำคัญเป็นพิเศษต่อผู้หญิง เพราะช่วยประเมินท่วงท่าและสุขภาพของกระดูก ความสูงที่ลดลงเป็นข้อมูลสำคัญที่บ่งบอกว่าความหนาแน่นกระดูกลดลงและจำเป็นต้องตรวจสุขภาพกระดูกทั้งร่างกาย หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาแพทย์



5. เปรียบเทียบสีปัสสาวะของคุณกับตารางสีมาตรฐาน

ข้อนี้อาจฟังดูแปลกแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยปกติ ปัสสาวะของคุณควรจะใสหรือมีสีเหลืองอ่อน หากดื่มน้ำไม่เพียงพอปัสสาวะจะสีเหลืองเข้มหรือมีกลิ่นรุนแรงขึ้น หากปัสสาวะยังคงเหลืองเข้มทั้งที่คุณดื่มน้ำมากเพียงพอ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ บางครั้ง ปัสสาวะสีเหลืองสดใสอาจเกิดจากสีของวิตามินบีในยาเม็ดวิตามินรวม (หากคุณกินเป็นประจำ)

6. วัดอัตราเต้นหัวใจหลังออกกำลัง

งานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์แห่งอเมริกา ระบุว่าผู้หญิงที่มีอัตราเต้นหัวใจหลังออกกำลังคืนสภาพช้ากว่าปกติจะมีความเสี่ยงของภาวะหัวใจพิบัติภายในสิบปีเป็นสองเท่าของผู้ที่มีการคืนสภาพของอัตราเต้นหัวใจเป็นปกติ ในการออกกำลังครั้งต่อไป ให้ลองเดินเร็วหรือวิ่ง 20 นาที แล้วนับอัตราเต้นหัวใจทันทีที่ หยุดออกกำลังด้วยการนับจำนวนครั้งภายใน 15 วินาทีคูณด้วยสี่ซึ่งเท่ากับอัตราเต้นหัวใจต่อหนึ่งนาที จากนั้นให้นั่งพักเหนื่อยสองนาทีแล้ววัดซ้ำ นำตัวเลขครั้งแรกหักลบด้วยครั้งที่สอง ถ้าต่ำกว่า 55 แสดงว่าการคืนสภาพของอัตราเต้นหัวใจเป็นปกติ หากสูงกว่านี้ควรปรึกษาแพทย์

7. หากคุณป่วยเป็นโรคเบาหวาน ให้ตรวจเท้าทุกวัน

ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสเกิดเท้าพิการสูงกว่าคนทั่วไป ซึ่งมักเริ่มต้นจากแผลเล็กน้อย แผลผุพอง รอยฟกช้ำ หรือผื่นจากเชื้อรา จึงควรตรวจหาสิ่งเหล่านี้ทุกวัน โรคเบาหวานทำให้เส้นประสาทเสียหายโดยเฉพาะบริเวณเท้า การตรวจเท้าจึงมีความสำคัญเช่นเดียวกับการตรวจระดับน้ำตาล ในเลือด

8. วัดความดันโลหิตทุกหกเดือน

อาจวัดที่คลินิกใกล้บ้าน หรือวัดเองที่บ้านถ้ามีอุปกรณ์ หากคุณอยากรู้ถึงความสำคัญของความดันโลหิตสูง เข้าไปที่ thaihypertension.org เว็บไซต์ของสมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย หากค่าความดันโลหิตตัวแรกมากกว่า 140 (หรือ 130 สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน) หรือตัวหลังมากกว่า 90 (80 สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน) ให้วัดซ้ำอีกครั้งในวันถัดไป หากยังสูงอยู่ให้ปรึกษาแพทย์



9. ตรวจระบบหัวใจและหลอดเลือด

ผู้ที่อายุเกิน 40 ปีและไม่มีปัญหาโรคหัวใจ หรือความดันโลหิตสูง ควรพบแพทย์เพื่อขอตรวจกรองประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือดอย่างละเอียด (วิธีนี้ช่วยประเมินโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองในอนาคต) สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 40 ปี แต่มีประวัติสมาชิกครอบครัวป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมอง ควรรับการตรวจเช่นกัน การตรวจประกอบด้วยการวัดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอล วัดความดันโลหิต ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น การวัดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอสำหรับประเมินความเสี่ยงต่อโรค ผู้ที่ระดับคอเลสเตอรอลปกติอาจมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายประการที่ทำให้เกิดโรคของระบบหัวใจและหลอดเลือด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมให้ปรึกษาแพทย์

10. ตรวจสภาพเส้นผม

หากคุณมีปัญหาผมร่วง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอตรวจระดับเฟอร์ริตินในเลือด ซึ่งเป็นดัชนีบ่งบอกปริมาณธาตุเหล็กสะสมในร่างกาย การศึกษาบางฉบับระบุว่า ระดับเฟอร์ริตินต่ำเกี่ยวข้องกับปัญหาผมร่วงชนิดไม่มีสาเหตุ โรคไทรอยด์คือสาเหตุอีกประการที่พบบ่อย


วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทำไมยาคูลท์ถึงมีแต่ขนาด 80 ซีซี


เพราะยาคูลท์เป็นผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวที่ได้จากการหมักโดยเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นแบคทีเรียชื่อ แลคโตบาซิลลัส ที่ทำให้เกิดรสชาติเปรี้ยวเนื่องจากเกิดกรดขึ้นมาหลายชนิดระหว่างกระบวนการหมักซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรดแลคติกปัจจุบันใช้เชื้อชื่อ Lactobacillus Balgaricu ร่วมกับ Stroptococcus themophilusในอุตสาหกรรมผลิตนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต


โดยปกติธรรมชาติแล้ว จุลินทรีย์ชนิดนี้มีอยู่แล้วตามทางเดินอาหารของคนเราและเป็นจุลินทรีย์ที่ดีมีประโยชน์ ช่วยทำให้เกิดกระบวนการย่อยและหมักในทางเดินอาหารแต่ถ้ามีจำนวนมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อเราได้เช่นเดียวกันคืออาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้เพราะจุลินทรีย์ผลิตกรดขึ้นมา




ซึ่งเป็นผลทำให้ยาคูลท์ผลิตขนาดเดียว คือ 80 ซีซี ที่พอเหมาะกับปริมาณของเชื้อแลคโตบาซิลลัสโดยจะสังเกตข้างขวดที่เขียนไว้ว่า มีปริมาณเชื้อแลคโตบาซิลลัส 8.0x109



ถ้าทำยาคูลท์ให้มีขนาดขวดใหญ่พอๆ กับยาคูทล์ 6 ขวดเล็กรวมกันแล้วละก็คงไม่ดีต่อผู้บริโภคแน่เพราะจะทำให้ได้รับปริมาณเชื้อแลคโตบาซิลลัสมากเกินพอหรือถ้าจะทำขนาด450ซีซีขึ้นมาจริงๆแล้วลดปริมาณแลคโตบาซิลลัสลงอาจจะทำได้แต่เชื่อแน่ว่ารสชาติของยาคูลท์อาจจะเปลี่ยนไปไม่อร่อยเหมือนเคย




และถ้าหากเราทานยาคูลท์วันละ 6 ขวด เพื่อความอร่อยแต่อาจเกิดโทษขึ้นได้ทานวันล่ะขวดก็เพียงพอแล้ว คนที่ไม่ทานเลยก็ไม่เป็นอะไรเพราะว่าในร่างกายของเรามีจุลินทรีย์ชนิดนี้อยู่เรียบร้อยแล้ว อีกเรื่องที่ควรสังเกตเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่บริโภคยาคูลท์ก็คืออย่าลืมดูวันหมดอายุข้างขวดและเลือกซื้อจากตู้แช่ที่เก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เพราะจะทำให้ได้จุลินทรีย์ที่พร้อมจะทำงานให้เราได้ทันที

20 วิธีลดหุ่นให้เข้าที่

20 วิธีลดหุ่นให้เข้าที่

1. ใช้จานชามสีเข้มขรึม
เนื่องจากภาชนะใส่อาหารที่มีสีสดใสจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้น ดังนั้นเพื่อสกัดกั้นความอยากเสียตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงมือกิน จึงควรจัดอาหารใส่ไว้ในภาชนะสีเข้มๆ อย่างเช่น สีดำ หรือสีน้ำเงินเข้ม จะเป็นการดีกว่า

2. รับประทานผักมากๆ
แบ่งสัดส่วนการรับประทานอาหารในแต่ละวันของคุณออกเป็น 4 มื้อ และสามในสี่มื้อนั้นควรเป็นอาหารประเภทผักล้วนๆ คิดเสียว่าอย่างไรผักก็มีประโยชน์ และหากอยากลดหุ่นให้ได้จริงๆ ข้อนี้ห้ามละเลย

3. ดื่มน้ำเย็นๆ
เพราะน้ำเย็นๆ จะช่วยให้ร่างกายต้องดึงพลังงานความร้อนในตัวออกมาเพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำนั้นให้เหมาะสมกับอุณหภูมิในร่างกาย ด้วยเหตุนี้ขณะที่เราได้ดื่มน้ำเย็นๆ ร่างกายจึงต้องเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น

4. กินแต่อาหารที่ไม่ติดมัน
อาหารประเภทเนื้อสัตว์ติดมัน หมูสามชั้นทอดกรอบ กุนเชียง กากหมู หนังไก่หรืออาหารที่ทอดด้วยน้ำมัน ควรจะงดเว้นให้เด็ดขาด หากยังไม่อยากสูญเสียทรวดทรงองค์เอวอันสวยงามสมส่วน

5. เลือกกินของหวานอย่างเหมาะสม
ขนมหวานๆ อย่างทองหยิบ ฝอยทอง หม้อแกง เค้กหรือช็อกโกแลตเป็นของหวานที่อุดมไปด้วยนม เนย ไข่ และน้ำตาล แถมเวลาได้รับประทานแล้วจะรู้สึกเพลิดเพลินมีความสุข ทำให้ทานชิ้นเดียวหยุดไม่ได้ ฉะนั้นหากต้องการลดน้ำหนักก็จงตัดอกตัดใจเสียเถอะ ทางที่ดีควรหันมารับประทานลูกพลับ หรืออินทผลัมอบแห้งจะสามารถช่วยป้องกันอาการอยากของหวานเหล่านั้นได้

6. งดใส่ครีมในกาแฟ
แม้ครีมเทียมจะทำให้รสชาติของกาแฟกลมกล่อมขึ้น แต่คิดดูสิ ครีมเทียมเพียง 1 กรัม สามารถให้พลังงานสูงถึง 9 แคลอรี แล้วกาแฟที่คุณดื่ม ใส่ครีมกี่ช้อนต่อแก้ว ถ้าวันหนึ่งคุณดื่มกาแฟสัก 3-4 แก้ว ร่างกายจะได้รับแคลอรี่โดยไม่รู้ตัวมากมายขนาดไหน

7. สลัดน้ำข้น ไขมันเพียบ!
คุณบอกว่ารับประทานแต่สลัด แต่ทำไมยังอ้วนอีก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะน้ำสลัดที่คุณเลือกรับประทาน ล้วนเป็นน้ำสลัดข้นๆ ที่อุดมไปด้วยครีมนม และไขมันนม ถ้ารับประทานอย่างนี้แล้ว จะผอมได้อย่างไรละคะ

8. ซดน้ำแกงจืดก่อนอาหาร
เป็นความคิดที่ดีที่จะจัดการกับน้ำแกงจืดหรือไม่ก็ดื่มน้ำสักแก้วสองแก้วก่อนรับประทานอาหาร ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณรู้สึกอิ่มกับอาหารตรงหน้า แต่ถ้าหากยังสามารถกินอาหารได้อีก ก็จะกินได้ในปริมาณที่น้อยลง

9. เลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว
ข้าวเป็นอาหารหลักที่เราต้องรับประทานเกือบทุกมื้ออยู่แล้ว และถ้าหากได้รับประทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว เราก็จะไม่ได้เพียงแค่คาร์โบไฮเดรตเฉยๆ แต่ยังได้ทั้งวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ มากมายจากเยื่อหุ้มและจมูกข้าวที่ไม่ได้ถูกขัดสีออกไปด้วย

10. เลิกนิสัยกินจุบกินจิบ
อย่าสร้างความเคยชินให้กับตัวเองด้วยการกินนั่นกินนี่ไม่เป็นเวล่ำเวลาอยู่เรื่อยไป แต่ควรกินอาหารเป็นมื้อเป็นคราวเท่านั้น โดยเฉพาะเวลานั่งอยู่หน้าจอทีวีไม่ควรจหาขนมกรุบกรอบ อาทิเช่น มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบหรือคุ้กกี้ กินไปดูทีวีไปตลอดเวลา เพราะจะทำให้กินเพลินจนลืมเรื่องอ้วน

11. หาเพื่อนร่วมลด
การลดน้ำหนักคนเดียว บางครั้งอาจทำให้รู้สึกท้อแท้ แต่ถ้ามีเพื่อนหัวอกเดียวกันที่มุ่งมั่นจะรีดไขมันส่วนเกินออกจากชีวิตเหมือนกัน จะช่วยทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะ อย่างน้อยๆ คุณก็ยังรู้สึกว่า "ฉันไม่ได้เป็นคนอ้วนที่ต้องลดน้ำหนักอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย"

12. ดินเนอร์ใต้แสงเทียน
ภายใต้แสงเทียนนอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูโรแมนติกขึ้นแล้ว ท่ามกลางแสงสลัวๆ แบบนั้นยังทำให้ความอยากอาหารลดน้อยลงอีกด้วย

13. อาหารมื้อเช้า
อาหารมื้อไหนๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับมื้อเช้า ทั้งนี้เพราะช่วงเวลาตั้งแต่ 6 โมงถึง 10 โมงเช้า เป็นช่วงที่ระบบการเผาผลาญสารอาหารภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นจึงควรกินอาหารเช้าใด้เต็มที่ ส่วนมื้อเย็นให้กินแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

14. ไม่กักตุนอาหารเต็มตู้เย็น
ทั้งนี้เพราะจะทำให้คุณหาของกินได้ง่ายและสะดวกสบายเกินไป ยิ่งมีของกินในตู้เย็นมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งกินตามใจปากมากขึ้นเท่านั้น

15. ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน
ผลไม้อย่างแอปเปิ้ล ส้ม ฝรั่ง กีวี สตรอเบอร์รี่ สับปะรด มะม่วงหรือมะเขือเทศ นับเป็นผลไม้ที่เกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รักษาหุ่นอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งวิตามินซีคุณภาพสูงจากธรรมชาติแล้ว

16. ดื่มตบท้ายด้วยชามะนาว
หลังอาหารแต่ละมื้อควรดื่มชามะนาวตบท้าย จะสามารถช่วยชะล้างปากจากอาหารคาว หรืออาหารมันๆ เลี่ยนๆ ได้ดีกว่าดื่มน้ำเปล่าธรรมดา แถมยังสามารถช่วยยุติความอยากอาหารเรื่อยเปื่อยของคุณอย่างได้ผลด้วย

17. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญแคลอรีให้กลายเป็นพลังงานได้คราวละมากๆ ฉะนั้นจึงควรเตือนตัวเองให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ ซึ่งนอกเหนือจากเล่นกีฬาเป็นงานอดิเรกแล้ว ก็ควรหมั่นฝึกตนให้เป็นคนชอบเดิน ชอบทำงานบ้าน และชอบขึ้นลงบันได

18. กิจวัตรแรกสุดของทุกๆ วัน
หลังจากตื่นนอนตอนเช้า กิจวัตรแรกสุดที่ควรทำทันทีก็ไม่ใช่อะไรอื่น นั่นก็คือดื่มน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถดื่มได้ ทั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นขึ้น และช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทั้งหนักทั้งเบาทำงานได้อย่างคล่องตัว

19. ชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละครั้ง
เมื่อปฎิบัติได้ตามคำแนะนำดังกล่าวข้างต้นแล้ว ควรติดตามผลการลดหุ่น ด้วยการเปลือยกายสำรวจตัวเองหน้ากระจกในห้องน้ำส่วนตัว และชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละครั้งก็พอ ไม่จำเป็นจะต้องชั่งทุกๆ วัน เพราะการทำเช่นนั้นรังแต่จะทำให้รู้สึกเครียดและคับข้องใจที่น้ำหนักไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นผลได้ทันตา

20. อย่าลืมให้รางวัลกับตัวเอง
หลังจากที่สามารถขจัดไขมันส่วนเกินในร่างกายให้ลดลงไปได้สำเร็จ (แม้จะลงไปเพียงเล็กน้อยก็ตาม) คุณก็สามารถจะให้รางวัลกับตัวเองด้วยการไปนวดหน้า นวดตัว ขัดผิวและบำรุงผิว เพียงเท่านี้หน้าตาและผิวพรรณคุณก็จะแลดูสดใสและปิ๊งปั๊งขึ้นมาทันตาเห็น

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เจ๋ง! เหลา"ไส้ดินสอ"เป็นรูปต่างๆ






โรคร้ายใกล้ตัวที่น่ากลัวกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009

โรคร้ายใกล้ตัวที่น่ากลัวกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009

โรคMONEYPHILIAหรือโรคทรัพย์จางมีศัพท์ทางวิชาการว่า MONEYPHILIA เป็นคำสมาสระหว่างคำว่า MONEY และ PHILIA มีลักษณะคล้ายกับโรค HEMOPHILIA ซึ่งโรค HEMOPHILIA ผู้ป่วยจะมีอาการเลือดไหลไม่หยุด และโรคชนิดนี้มิได้ติดต่อทางพันธุกรรม แต่ MONEYPHILIA เป็นโรคที่เงินไหล ออกจากกระเป๋าไม่หยุด จนเกิดทรัพย์จางได้

การติดต่อ

โรคนี้มิได้ติดต่อทางพันธุกรรมเช่นกัน แต่ติดต่อกันเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีรายได้น้อย ถึงปานกลาง ซึ่งไม่สามารถจัดสรรรายได้ให้ได้ ส่วน กับรายจ่าย ว่ากันง่าย ๆ ก็คือรายจ่ายมากกว่ารายได้นั่นเอง ในทุกวันนี้โรคดังกล่าวได้เริ่มระบาดในหมู่คนไทยที่มีรายได้น้อย ถึงรายได้ปานกลางมาสองสามปีแล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต ตลอดจนบั่นทอนความเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน บั่นทอนสุขภาพ บั่นทอนชีวิตครอบครัวและสังคมโดยร่วม ดังนั้น เราจึงควรศึกษาร ายละเอียดของโรคนี้ เพื่อหาวิธีหลีกเลี่ยงหรือป้องกันแต่เนิน


ระยะฟักตัวของโรค

เชื้อจะเริ่มฟักตัวประมาณวันที่ 15 ของเดือน แต่ก็ไม่แน่ทุกคนไป เพราะบางคนเชื้ออาจจะเริ่มฟักตัวได้ตั้งแต่วันที่ 5 ของเดือนก็มี และบางรายอาการรุนแรงจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนทีเดียว อาการจะปรากฏเร็วหรือช้า รุนแรงหรือไม่รุนแรง ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ และชนิดรายได้ของแต่ละบุคคล ซึ่งแบ่งตามพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ป่วย อีกทั้งขึ้นอยู่กับลักษณะของโรคแทรกซ้อนที่มือด้วย ว่าเป็นโรคมือเติบหรือไม่ หากเป็นโรคมือเติบด้วย จะยิ่งทำให้การรักษา หรือป้องกันเป็นไปได้ยาก และระยะฟักตัวของโรคก็จะรวดเร็ว อีกทั้งอาการก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น


อาการ

ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหม่อลอย ไม่สบตาผู้อื่นโดยเฉพาะเจ้าหนี้ เหงื่อซึมออกตลอดเวลา หงุดหงิด สูญเสียความเชื่อมั่น ไร้สมาธิในการทำงาน เบื่ออาหาร หิวแต่ทานไม่ลง เพราะอาหารน้อย คุณภาพต่ำเนื่องจากด้อยกำลังซื้อ รสชาติไม่ถูกปาก ผู้ป่วยบางรายมีอาการรุนแรงถึงกับทำอัตวินิบาตกรรม บางรายมีอาการผวาเมื่อถูกเรียกชื่อ พวกที่มีอาการรุนแรงบางจำพวกจะทำการประชดชีวิตโดยการเดินมาทำงาน แทนการโดยสารรถประจำทาง หรือแท็กซี่ หรือพยายามขึ้นรถโดยสารที่มีคนแน่นมาก ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกระเป๋ารถเมล์ หรือเพื่อที่จะได้หลบหล ีกระหว่างบันไดหน้ากับบันไดหลังสลับไปมาได้รวดเร็ว และ ทันท่วงที อีกทั้งเพื่อพยายามให้ได้รับอากาศที่ปลอดโปร่ง จะได้กินลมเพื่อลดอาการหน้ามืด


การป้องกัน

ไม่ควรนำเด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด มิฉะนั้นจะได้รับอันตรายจากผู้ป่วยได้ ไม่ควรนำของมีค่าเข้าใกล้ในระยะสายตาและมือเอื้อมถึง


การรักษา

ยังไม่มียาชนิดใดที่จะบำบัดโรคนี้ได้โดยตรงในปัจจุบัน แต่สามารถรักษาได้ตามอาการที่ปรากฏ เช่นผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ (เป็นกันโดยมาก) ก็ควรใช้ยาลดไข้ 1-2 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง ได้แก่ยาพาราเซตามอล ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ

ถ้าผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ควรใช้ยาคลายประสาท ตามที่แพทย์แนะนำ ห้ามใช้เกินขนาด เพราะจะเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้ (ห้ามใช้สตริกนินโดยเด็ดขาด)

ควรให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกาย พักผ่อน ในที่ลับตาคน อย่าพาผู้ป่วยออกนอกบ้าน เพราะอาจเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ได้ การกระทำเช่นนี้นอกจากจะไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้ว กลับจะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อย ๆ อาการดูน่าเป็น ห่วงอยู่ไม่น้อย แต่อาการของผู้ป่วยจะกระเตื้อง ตื่นเต้นได้อีกครั้งก็ถึงตอนปลายเดือนนั้น ๆ แต่บางรายก็ไม่ดีขึ้น กลับทรุดหนักลงไปอีก เนื่องจากการอักเสบของดอกเบี้ย

ไม่ควรนำผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลเอกชนเพราะอาจจะทำให้เกิดอาการช็อคได้ เมื่อเห็นใบแจ้งหนี้ ทางที่ดีควรนำไปรักษายังสถานธนานุเคราะห์,สถานธนานุบาล โดย ให้ผู้ป่วยนำของที่มีค่าติดตัวไปด้วย ซึ่งเป็นการรักษาอย่างปัจจุบัน ทันด่วน และตรงตามอาการของโรคมากที่สุด


ทำไมคีย์บอร์ดถึงไม่เรียงตามตัวอักษร A-B-C หรือ ก-ข-ค ? ??

ทำไมตัวอักษรในแป้นพิมพ์ทั้งของเครื่องพิมพ์ดีดและคอมพิวเตอร์ ถึงไม่เรียงกันตามลำดับอักษรเช่น A B C


สำหรับการเรียงอักษรบนแป้นพิมพ์ในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเรียง ที่เรียกว่า QWERTY (คิวเวอร์ตี้) ที่เรียกกันอย่างนี้เพราะเป็นการนำอักษร 6 ตัวแรก (เมื่อนับจากซ้ายมาขวา) ของแป้นพิมพ์ที่เป็นตัวอักษรแถวบนมาต่อกัน และถ้าหากจะถามว่าทำไมถึงต้องเรียงแบบนี้ เราคงต้องย้อนกลับไปในอดีตกันซะหน่อย


การเรียงลำดับอักษรของแป้นพิมพ์ในปัจจุบันนั้น มีที่มาจากข้อจำกัดที่เกิดกับเครื่องพิมพ์ดีดในยุคแรกๆ ที่ยังจัดแป้นพิมพ์แบบเรียงตามลำดับตัวอักษรคือ เมื่อคนที่พิมพ์ดีดได้คล่องและเร็วมาพิมพ์จะทำให้ก้านพิมพ์ดีดขัดกันอยู่ เสมอ ต่อมา คริสโตเฟอร์ ลาแธมโชลส์ วิศวกรเครื่องกลชาวสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดสมัยใหม่รายแรกและได้รับสิทธิบัตรในปี 1868 จึงทำการเรียงลำดับตัวอักษรเสียใหม่ด้วยการแยกตัวอักษรที่มักใช้มาผสมเป็นคำร่วมกันบ่อยๆ ออกไปอยู่กันคนละฝั่งของแป้นพิมพ์ เพื่อทำให้นักพิมพ์ดีดพิมพ์ได้ช้าลงกว่าเดิม จะได้ไม่เกิดปัญหาก้านพิมพ์ขัดกันอีก


อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกผู้คนยังคงไม่นิยมเครื่องพิมพ์ดีดของเขามากนัก ทำให้โชลส์ตัดสินใจขายสิทธิบัตรดังกล่าวให้กับทางบริษัท เรมิงตันอาร์มคอมพานี ในปี 1973 ซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่ทางเรมิงตันผลิตเครื่องพิมพ์ดีดออกมาจำหน่าย ความนิยมในตัวเครื่องพิมพ์ดีดกลับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก


ในเวลาต่อมา ปรากฏว่ามีผู้พยายามจัดเรียงตัวอักษรบนแป้นพิมพ์เป็นแบบต่างๆ ซึ่งแบบที่ได้รับความนิยมมากหน่อยก็อย่างเช่น แบบ DVORAK ซึ่งเคยมีการบอกกล่าวกันว่าการเรียงในรูปแบบนี้จะทำให้พิมพ์เร็วขึ้น จนทางห้างร้านบริษัทหลายแห่งเริ่มนิยมกันอยู่พักหนึ่ง แต่ว่าในปี 1956 ทาง General Services Administration ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่หน่วยงานอื่นๆของรัฐ ได้ทำการศึกษาการจัดแป้นพิมพ์ทั้ง 2 แบบ และก็พบว่า การจัดแบบ QWERTY นั้น ทำให้พิมพ์ได้เร็วเท่ากับหรือมากกว่าแบบ DVORAK ทำให้ความนิยมของการจัดแป้นพิมพ์แบบ DVORAK ลดลงไป


ทั้งนี้หลายคนอาจจะคิดว่า ปัจจุบันเราก็ไม่ได้นิยมใช้พิมพ์ดีดแบบเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นปัญหาเรื่องก้านพิมพ์ขัดกันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อไป แล้วทำไมเราจึงไม่เปลี่ยนกลับไปใช้แป้นพิมพ์แบบเรียงตามตัวอักษรเหมือนก่อน ซึ่งคำตอบสำหรับคำถามนี้หลายคนคงพอเดากันได้ว่าเป็นเพราะ เราคุ้นเคยและเคยชินกับแบบ QWERTY จนไม่อยากจะกลับไปเสียเวลาเริ่มนับหนึ่งกับแบบเดิมเสียแล้ว

ปล. แป้นพิมพ์ภาษาไทย ก็ให้เหตุผลเดียวกัน

ทายใจคำขอวันเกิด :)

แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู ๆ ๆ ๆ ทู้วยูววว... ร้องลากเสียงด้วยสำเนียงเสนาะ ก่อนจะเป่าเทียน ปู้ดๆ หลังจากนั้นล่ะสำคัญ น้องๆ จะขอพรอะไรในวันเกิดดีล่ะ อยากรู้นี่ไม่ใช่อะไร จะได้เอามาทายใน ทายนิสัยกันอย่างไรล่ะ..



1. ขอให้สมหวังในความรัก

แสดงว่าคนมีความอ่อนไหวมากๆๆ เป็นคนอ่อนโยนอ่อนหวาน มีน้ำใจ เป็นคนจิตใจดี แต่บางทีก็อ่อนแอมากเกินไป เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องความรู้สึกของคน ไม่ชอบทำร้ายใคร ไม่เป็นอันตรายต่อใคร แต่ต้องรู้จักสร้างภูมิต้านทานความเสียใจให้ตัวเองด้วยนะ เพราะอาจโดนพวกไม่ประสงค์ดีลอบทำร้าย ดังนั้นต้องฉลาดทันเล่ห์เหลี่ยมด้วยล่ะ

2. ขอให้รวย
แสดงว่าเป็นชอบคนเพ้อฝัน แม้จะรู้ว่าความฝันนั้นอาจไม่เป็นจริง ก็ขอให้ฝันเอาไว้ก่อน และก็เป็นคนธรรมดาที่มีความโลภ โกรธ หลง รักความสบาย ไม่ชอบเสี่ยง ไม่ชอบผจญภัย ถ้าจะให้เที่ยวแบบลุยป่าฝ่าดงจะไม่ถนัด แต่ไปเที่ยวแบบชิวๆ หรูๆ จะขอไปด้วยทันที เป็นคนทันกระแสสังคม ไม่เคยตกยุค อินเทร์นเสมอ



3. ขอให้มีแต่คนรัก
แสดงว่าเป็นคนขี้เหงามากๆ ให้ความสำคัญกับคนอื่นและมักมองตัวเองมีค่าเสมอ เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง รักเพื่อนมาก มักไม่ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบเป็นส่วนเกิน หรือโดนทอดทิ้ง วันไหนที่ทะเลาะกับเพื่อน จะทุรนทุรายไม่มีความสุขสุดๆ และจะเป็นฝ่ายที่ไปง้อเพื่อนก่อนเสมอ เป็นคนจิตใจดี ไม่ชอบคิดร้ายต่อใคร ไมทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าใครมาทำให้เจ็บมากๆ จะแค้นฝังใจไม่ลือเลย



4. ขอให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
แสดงว่าเป็นคนจริงจังกับชีวิตดูแลตัวเองค่อนข้างมาก บางทีก็จู้จี้จุกจิก ขี้บ่น และเอาแต่ใจ ดังนั้นต้องระวังข้อเสียตรงนี้ของตัวเองให้มากๆ เพราะคนรอบข้างอาจรำคาญได้ เป็นคนมีระเบียบวินัยในชีวิต ไม่ชอบทำอะไรนอกกรอบ เป็นคนซื่อๆ จิตใจดี หวังดีต่อผู้อื่นเสมอ ไม่ชอบโกหกใคร และจะเสียใจมากถ้ามีคนมาโกหก


5. ขอให้ชีวิตเจอแต่คนดีๆ
แสดงว่าเป็นคนมองโลกในแง่ดีมีความฝันอยู่เต็มสมองไปหมด จิตใจอ่อนโยน ไม่ชอบคิดร้ายกับใคร เชื่อในโชคชะตา มีความทะเยอทะยานชอบพบปะผู้คน ชอบรู้จักคนเยอะๆ และเป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้เสมอ เป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น เวลาใครอยู่ด้วยรับรองว่าเขาแฮปปี้แน่ๆ เพราะพร้อมที่จะช่วยเหลือเขาทุกอย่าง



6. ขอให้หน้าตาดี หุ่นดี
แสดงว่าเป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย มักมองเห็นข้อเสียของตัวเองอยู่ตลอดเวลาจนทำให้คนรอบข้างพาลเบื่อหน่ายเอาได้ง่าย ดังนั้นควรจะเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองด้วยการมองหาข้อดีของตัวเองให้เจอ แล้วดึงตรงนันขึ้นมาเป็นจุดเด่นลบปมด้อยในใจให้ได้ เป็นคนอ่อนไหว มักมีความสำคัญกับคนอื่น เป็นคนละเอียดอ่อน ใส่ใจในจุดเล็กๆ น้อยๆ ของชีวิตเสมอ


7. ขอให้ทำอะไรไม่มีอุปสรรค
แสดงว่าเป็นคนมีความทะเยอทะยานช่างฝัน มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เชื่อว่าคนเราสามารถทำทุกสิ่งได้ถ้ามีความพยายาม จึงพร้อมจะทุ่มเททำสิ่งที่ฝันอย่างจริงจัง เวลาทำอะไรจะทำให้ดีที่สุด เต็มที่ที่สุดเสมอ ดังนั้นจึงกลายเป็นคนที่หลงใหลในความเพอร์เฟคไปโดยปริยาย สิ่งที่จะต้องทำก็คือ ต้องระวังไม่ให้ตัวเองเป็นคนจริงจังกับชีวิตจนเครียดมากไปนัก เพราะมันจะทำให้เสียบุคลิกไปเลย


8. ขอให้ศัตรูแพ้พ่าย
แสดงว่าเป็นคนเครียดแค้น ขาดความมั่นใจในตัวเองและชอบการแข่งขัน เป็นคนฉลาด มีความสามารถสูงทำอะไรมักจะทำอย่างเต็มที่ แต่แปลกที่มักคิดว่าทำได้อย่างไม่เต็มที่เสมอ เป็นคนทะเยอทะยาน ชอบเป็นผู้นำ และกลุ่มที่เป็นหัวหน้ามักจะประสบความสำเร็จเสมอ แต่สมาชิกอาจหงุดหงิดกับความเผด็จการไปบ้าง เป็นคนขี้กลัวอ่อนไหวแต่มักไม่คอยแสดงออกให้เห็นกลัวเสียฟอร์มนั่นเอง


9. ขอให้มีอนาคตที่ดี
แสดงว่าเป็นคนมองการณ์ไกล ชอบวางแผนอย่างมีระเบียบ เป็นคนตรงๆ ไม่ค่อยยืดหยุ่นมากนัก เป็นคนจริงจัง เป็นเด็กเรียนคนหนึ่งของห้อง ขยันขันแข็ง มีความมานะพยายามสูง ความภาคภูมิใจของเธอก็คือการประสบความสำเร็จจากสิ่งที่พยายาม แต่ถ้าล้มเหลวขึ้นมา จะหลบไปพักใจครั้งใหญ่ เลยทีเดียว เป็นคนอ่อนไหว ขี้กลัว แต่ในบางโอกาสก็เข้มแข็งและกล้าหาญได้เหมือนกัน



10. อธิฐานให้คนอื่น
แสดงว่าเป็นคนให้ความสำคัญกับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เป็นคนจิตใจดี มีน้ำใจ และชอบช่วยเหลื่อผู้อื่น ฉลาดมีความมั่นใจในตัวเองสูง ชอบชีวิตเรียบง่าย มักพอใจในสิ่งที่ตนมี และไม่ค่อยสนใจในเรื่องวัตถุนิยม เป็นคนติดดินอคติกับชีวิตฟุ่มเฟือย ไม่ชอบของแบนเนม แต่มีความทะเยอทะยาน มีความฝัน และเป็นนักล่าฝันตัวฉกาจ เป็นคนขยันมีความมานะพยายาม ดังนั้นจึงทำให้คนมากมายชื่นชมเป็นที่สุด




การดูแลผิว

ผิวพรรณจะสวย สดใส ดูมีสุขภาพดีนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาหารการกิน การดูแลตัวเอง การทำความสะอาดผิว เป็นต้น แต่ถ้าสุขภาพกาย และสุขภาพจิตไม่ดีก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวของเราเกิดการหมองคล้ำ และไม่สดใสเท่าที่ควรได้คะ

เรามารู้จักคำว่า “ผิวสวย” กันก่อนดีกว่านะจ๊ะ ผิวสวยก็คือ ผิวสะอาด สดใส ดูมีชีวิตชีวา ซึ่งมาจากการทำความสะอาดอย่างถูกวิธีนั่นเอง ถ้าเราทำความสะอาดอย่างถูกวิธี จะช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วของผิวออกไปและยังรักษาความชุ่มชื้นภายใต้ผิวหนังไม่ให้มากเกินไปหรือน้อยเกินไปอีกด้วยคะ

ใครที่อยากมีผิวสวย และอยากดูแลผิวอย่างถูกวิธี โบว์มี 7 วิธีดูแลผิวดีดีที่ใครๆก็สามารถทำได้มาแนะนำกันค่ะ

  1. ควรรับประทานวิตามินซีเป็นประจำนะจ๊ะ(ผักสด, ผลไม้สด) เพราะจะช่วยให้ผิวผุดผาดและสุขภาพดีขึ้น ช่วยให้หายเหนื่อยล้าเมื่อเลิกงาน
  2. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
  3. รับประทานอาหารที่มีคุณค่า และงดทานขนมหวานนะจ๊ะ
  4. ออกกำลังกายบ้าง เพื่อให้เกิดความสดชื่น และคิดถึงเรื่องที่ดีๆ
  5. อย่าอาบแดดจัดๆ แม้แสงแดดจะมีประโยชน์คือ ช่วยกระตุ้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โลหิตหมุนเวียนสะดวก จิตใจร่างเริง และทำให้ผิวหน้าดูมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ถ้ารับแสงแดดมากเกินไปก็จะทำให้ผิวดูแก่เร็ว และแห้งค่ะ
  6. ไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เช็ดหน้าแรงๆด้วยผ้าหยาบๆ ล้างหน้าบ่อยๆเมื่ออยู่ในห้องแอร์หรือห้องร้อนจัด เพราะเป็นการทำลายชั้นบนของผิว ซึ่งเป็นปัญหาของริ้วรอย ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก
  7. นอนหลับให้เพียงพอ จะทำให้หน้าของเราดูสดสวยผ่องใส ไร้รอยหมองคล้ำ ริ้วรอยต่างๆและถุงใต้ตานะจ๊ะ

แค่นี้ ผิวของเราก็จะสวย สดใส ผุดผ่อง มีสุขภาพดีแล้วค่ะ

Tips:

- สำหรับคนที่มีผิวแห้งมากๆนะคะ ควรใช้สบุ่ที่ช่วยทำความสะอาดมากกว่าชนิดที่เกิดฟอง เพื่อรักษาปริมาณน้ำมันในผิวไม่ให้สูญเสียไป

-ส่วนคนที่ผิวมัน ก็ควรทำความสะอาดใบหน้าและลำคอบ่อยๆค่ะ และล้างหน้าให้สะอาดเพื่อไม่ให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปและนานเกินไป

เรื่องของผิวเนียนเปล่งปลั่งกับน้ำมะพร้าว

น้ำมะพร้าว นับเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่จากธรรมชาติ เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายอย่าง ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและผิวเนียน สวย สดใสนะค่ะ

- การดื่มน้ำมะพร้าวทุกวัน จะช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์

- น้ำมะพร้าว ช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่าปกติ รวมทั้งไม่ทิ้งรอยแผลเป็นบนผิวเนียนให้ดูต่างหน้าอีกด้วยนะจ๊ะ

- น้ำมะพร้าว ยังช่วยทำให้ผิวเนียนเปล่งปลั่ง สวย สดใส เพราะแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำมะพร้าว จะเป็นตัวสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวเนียนมีความกระชับ ยืดหยุ่น และ ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ค่ะ

- น้ำมะพร้าว ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย หลังจากเล่นกีฬา ออกกำลังกาย ท้องเสีย ท้องร่วง หรือร่างกายเสียน้ำมาก ซึ่งจะทำให้ผิวเนียนของเราไม่ขาดความสดใสมากค่ะ

- น้ำมะพร้าวเป็นอาหารบริสุทธิ์ เป็นเครื่องประทินผิวเนียนให้สวยสดใสยิ่งขึ้น และเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ อย่างเช่น โรคกระดูก ท้องร่วง อาเจียน และขับพยาธิ เป็นต้นคะ

ชักชวนกันดื่มน้ำมะพร้าวทุกวัน เพื่อสุขภาพที่ดี และผิวเนียนสวย สดใสมากขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีเลือกสุนัขพันธุ์ปั๊ก

ปั๊ก เป็นอีกพันธุ์ที่น่ารักจนหลายคนอยากเลี้ยง หน้าตามึนๆ ดูน่าแกล้ง ตัวอวบตันน่าหมั่นเขี้ยวและเป็นสุนัขพันธุ์ที่ไม่ชอบส่งเสียงเห่า

มีอีกหลายเหตุผลที่จะรักสุนัขพันธุ์ปั๊ก และใครกำลังมองหามาเลี้ยง มิ้งก็มีข้อมูลดีๆ มาประกอบการตัดสินใจ

วิธีการเลือกซื้อสุนัขพันธุ์ปั๊ก

ศีรษะ ที่ดีมีขนาดใหญ่ ลักษณะกลม หนังศีรษะบริเวณหน้ามีรอยย่นมาก

หู มีขนาดเล็ก ใบหูค่อนข้างบาง หูพับไปด้านหน้าหรือด้านหลัง

ตา สีเข้ม ลักษณธกลมโต ตาสุนัขพันธุ์ปั๊กจะโปนออดมาเล็กน้อย

จมูก มีสีเข้ม ลักษณะสั้นและทู่ มองไม่เห็นดั้งจมูก


ปาก มีขนาดสั้น รูปร่างคล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส

ลำตัว เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ดูกระชับได้สัดส่วน มีขนาดเล็กล่ำสัน มีกล้ามเนื้อ

ขา ท่อนขาเหยียดตรงตั้งฉากกับพื้น ขาซ้ายและขวาดูเป็นเส้นขนานเมื่อมองจากด้านหน้า ความยาวสมดุลกับลำตัว

เท้า ฝ่าเท้าหนา ดูเป็นรูปวงรี

หาง มีลักษณะม้วนอยู่เหนือสะโพก หางม้วนสองรอบถือว่าดี

ขน น้องปั๊กขนสั้น หนา 2 ชั้นและอ่อนนุ่ม

สีขน ปั๊กมักมีขนเป็นสีครีม น้ำตาลอ่อน หรือสีเงิน โดยต้องไม่มีสีขาวปะปนอยู่ ส่วนปั๊กสีดำอาจมีขนสีขาวที่อกหรือท้องได้ บริเวณ จมูก ปาก ใบหน้า หู และนิ้วเท้ามีมาร์กกิ้งสีดำ


10 วิธีง่ายๆ เป็นหมอดูแลตนเอง :)

10 วิธีง่ายๆ เป็นหมอดูแลตนเอง

1. เติมชีวิตประจำวันให้สมบูรณ์

มีสิ่งสำคัญสี่ประการที่คุณควรปฏิบัติทุกวันเพื่อเติมเต็มสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง ได้แก่ กินผักและผลไม้สดจำนวนมาก ออกกำลังหรือเดินให้มากพอ หัวเราะหรือทำกิจกรรมผ่อนคลายจิตใจอย่างน้อย 15 นาที และกินอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ถั่ว ธัญพืช และอาหารที่ระบุว่า มีกากใยสูง หากทำได้ครบทั้งสี่ข้อทุกวัน รับรองได้ว่าคุณจะมีสุขภาพดี (ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้คงจะสูญเปล่า หากคุณยังคงสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือกินช็อกโกแลตเป็นประจำ)


2. ตรวจตัวเองทุกสองหรือสามเดือน

หมายถึงให้ตรวจตรา ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ตรวจดูผิวหนังทุกแห่ง มองหาปานหรือไฝรอยใหม่ รวมถึงผื่นและร่องรอยที่ดูน่าสงสัย อย่ามองข้ามหนังศีรษะ ซอกนิ้วทุกนิ้ว และใต้รักแร้ หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์

ผู้ที่มีไฝ ให้ตรวจดูความผิดปกติดังนี้

    • ลักษณะไม่สมดุล สองซีกไม่เหมือนกัน
    • ขอบไม่เรียบ บริเวณขอบนอกขรุขระหรือไม่ชัดเจน
    • สีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีสีดำ น้ำตาล หรือชมพูแตกต่างกันหลายระดับ
    • ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าหกมิลลิเมตร

3. สังเกตการนอน

สัญญาณเตือนที่ชัดเจนสามประการของภาวะนอนหลับไม่เพียงพอคือ หนึ่ง จำเป็นต้องพึ่งนาฬิกาปลุกทุกเช้า สอง ง่วงนอนตอนบ่ายจนมีผลกระทบต่อกิจกรรมปกติ สาม มีอาการง่วงจนแทบหลับหลังอิ่มอาหารมื้อเย็น หากคุณมีอาการเหล่านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ควรหาเวลานอนพักผ่อนเพิ่มขึ้น หากคุณนอนมากเพียงพอแล้ว (ประมาณคืนละแปดชั่วโมง) แต่ยังมีอาการก่อนเพลียเหมือนอดนอน ควรปรึกษาแพทย์

4. วัดส่วนสูงทุกปีเมื่อวัยเกิน 50

ข้อนี้สำคัญเป็นพิเศษต่อผู้หญิง เพราะช่วยประเมินท่วงท่าและสุขภาพของกระดูก ความสูงที่ลดลงเป็นข้อมูลสำคัญที่บ่งบอกว่าความหนาแน่นกระดูกลดลงและจำเป็นต้องตรวจสุขภาพกระดูกทั้งร่างกาย หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาแพทย์



5. เปรียบเทียบสีปัสสาวะของคุณกับตารางสีมาตรฐาน

ข้อนี้อาจฟังดูแปลกแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยปกติ ปัสสาวะของคุณควรจะใสหรือมีสีเหลืองอ่อน หากดื่มน้ำไม่เพียงพอปัสสาวะจะสีเหลืองเข้มหรือมีกลิ่นรุนแรงขึ้น หากปัสสาวะยังคงเหลืองเข้มทั้งที่คุณดื่มน้ำมากเพียงพอ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ บางครั้ง ปัสสาวะสีเหลืองสดใสอาจเกิดจากสีของวิตามินบีในยาเม็ดวิตามินรวม (หากคุณกินเป็นประจำ)

6. วัดอัตราเต้นหัวใจหลังออกกำลัง

งานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์แห่งอเมริกา ระบุว่าผู้หญิงที่มีอัตราเต้นหัวใจหลังออกกำลังคืนสภาพช้ากว่าปกติจะมีความเสี่ยงของภาวะหัวใจพิบัติภายในสิบปีเป็นสองเท่าของผู้ที่มีการคืนสภาพของอัตราเต้นหัวใจเป็นปกติ ในการออกกำลังครั้งต่อไป ให้ลองเดินเร็วหรือวิ่ง 20 นาที แล้วนับอัตราเต้นหัวใจทันทีที่ หยุดออกกำลังด้วยการนับจำนวนครั้งภายใน 15 วินาทีคูณด้วยสี่ซึ่งเท่ากับอัตราเต้นหัวใจต่อหนึ่งนาที จากนั้นให้นั่งพักเหนื่อยสองนาทีแล้ววัดซ้ำ นำตัวเลขครั้งแรกหักลบด้วยครั้งที่สอง ถ้าต่ำกว่า 55 แสดงว่าการคืนสภาพของอัตราเต้นหัวใจเป็นปกติ หากสูงกว่านี้ควรปรึกษาแพทย์

7. หากคุณป่วยเป็นโรคเบาหวาน ให้ตรวจเท้าทุกวัน

ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสเกิดเท้าพิการสูงกว่าคนทั่วไป ซึ่งมักเริ่มต้นจากแผลเล็กน้อย แผลผุพอง รอยฟกช้ำ หรือผื่นจากเชื้อรา จึงควรตรวจหาสิ่งเหล่านี้ทุกวัน โรคเบาหวานทำให้เส้นประสาทเสียหายโดยเฉพาะบริเวณเท้า การตรวจเท้าจึงมีความสำคัญเช่นเดียวกับการตรวจระดับน้ำตาล ในเลือด

8. วัดความดันโลหิตทุกหกเดือน

อาจวัดที่คลินิกใกล้บ้าน หรือวัดเองที่บ้านถ้ามีอุปกรณ์ หากคุณอยากรู้ถึงความสำคัญของความดันโลหิตสูง เข้าไปที่ thaihypertension.org เว็บไซต์ของสมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย หากค่าความดันโลหิตตัวแรกมากกว่า 140 (หรือ 130 สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน) หรือตัวหลังมากกว่า 90 (80 สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน) ให้วัดซ้ำอีกครั้งในวันถัดไป หากยังสูงอยู่ให้ปรึกษาแพทย์



9. ตรวจระบบหัวใจและหลอดเลือด

ผู้ที่อายุเกิน 40 ปีและไม่มีปัญหาโรคหัวใจ หรือความดันโลหิตสูง ควรพบแพทย์เพื่อขอตรวจกรองประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือดอย่างละเอียด (วิธีนี้ช่วยประเมินโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองในอนาคต) สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 40 ปี แต่มีประวัติสมาชิกครอบครัวป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมอง ควรรับการตรวจเช่นกัน การตรวจประกอบด้วยการวัดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอล วัดความดันโลหิต ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น การวัดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอสำหรับประเมินความเสี่ยงต่อโรค ผู้ที่ระดับคอเลสเตอรอลปกติอาจมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายประการที่ทำให้เกิดโรคของระบบหัวใจและหลอดเลือด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมให้ปรึกษาแพทย์

10. ตรวจสภาพเส้นผม

หากคุณมีปัญหาผมร่วง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอตรวจระดับเฟอร์ริตินในเลือด ซึ่งเป็นดัชนีบ่งบอกปริมาณธาตุเหล็กสะสมในร่างกาย การศึกษาบางฉบับระบุว่า ระดับเฟอร์ริตินต่ำเกี่ยวข้องกับปัญหาผมร่วงชนิดไม่มีสาเหตุ โรคไทรอยด์คือสาเหตุอีกประการที่พบบ่อย


วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทำไมยาคูลท์ถึงมีแต่ขนาด 80 ซีซี


เพราะยาคูลท์เป็นผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวที่ได้จากการหมักโดยเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นแบคทีเรียชื่อ แลคโตบาซิลลัส ที่ทำให้เกิดรสชาติเปรี้ยวเนื่องจากเกิดกรดขึ้นมาหลายชนิดระหว่างกระบวนการหมักซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรดแลคติกปัจจุบันใช้เชื้อชื่อ Lactobacillus Balgaricu ร่วมกับ Stroptococcus themophilusในอุตสาหกรรมผลิตนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต


โดยปกติธรรมชาติแล้ว จุลินทรีย์ชนิดนี้มีอยู่แล้วตามทางเดินอาหารของคนเราและเป็นจุลินทรีย์ที่ดีมีประโยชน์ ช่วยทำให้เกิดกระบวนการย่อยและหมักในทางเดินอาหารแต่ถ้ามีจำนวนมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อเราได้เช่นเดียวกันคืออาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้เพราะจุลินทรีย์ผลิตกรดขึ้นมา




ซึ่งเป็นผลทำให้ยาคูลท์ผลิตขนาดเดียว คือ 80 ซีซี ที่พอเหมาะกับปริมาณของเชื้อแลคโตบาซิลลัสโดยจะสังเกตข้างขวดที่เขียนไว้ว่า มีปริมาณเชื้อแลคโตบาซิลลัส 8.0x109



ถ้าทำยาคูลท์ให้มีขนาดขวดใหญ่พอๆ กับยาคูทล์ 6 ขวดเล็กรวมกันแล้วละก็คงไม่ดีต่อผู้บริโภคแน่เพราะจะทำให้ได้รับปริมาณเชื้อแลคโตบาซิลลัสมากเกินพอหรือถ้าจะทำขนาด450ซีซีขึ้นมาจริงๆแล้วลดปริมาณแลคโตบาซิลลัสลงอาจจะทำได้แต่เชื่อแน่ว่ารสชาติของยาคูลท์อาจจะเปลี่ยนไปไม่อร่อยเหมือนเคย




และถ้าหากเราทานยาคูลท์วันละ 6 ขวด เพื่อความอร่อยแต่อาจเกิดโทษขึ้นได้ทานวันล่ะขวดก็เพียงพอแล้ว คนที่ไม่ทานเลยก็ไม่เป็นอะไรเพราะว่าในร่างกายของเรามีจุลินทรีย์ชนิดนี้อยู่เรียบร้อยแล้ว อีกเรื่องที่ควรสังเกตเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่บริโภคยาคูลท์ก็คืออย่าลืมดูวันหมดอายุข้างขวดและเลือกซื้อจากตู้แช่ที่เก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เพราะจะทำให้ได้จุลินทรีย์ที่พร้อมจะทำงานให้เราได้ทันที

20 วิธีลดหุ่นให้เข้าที่

20 วิธีลดหุ่นให้เข้าที่

1. ใช้จานชามสีเข้มขรึม
เนื่องจากภาชนะใส่อาหารที่มีสีสดใสจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้น ดังนั้นเพื่อสกัดกั้นความอยากเสียตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงมือกิน จึงควรจัดอาหารใส่ไว้ในภาชนะสีเข้มๆ อย่างเช่น สีดำ หรือสีน้ำเงินเข้ม จะเป็นการดีกว่า

2. รับประทานผักมากๆ
แบ่งสัดส่วนการรับประทานอาหารในแต่ละวันของคุณออกเป็น 4 มื้อ และสามในสี่มื้อนั้นควรเป็นอาหารประเภทผักล้วนๆ คิดเสียว่าอย่างไรผักก็มีประโยชน์ และหากอยากลดหุ่นให้ได้จริงๆ ข้อนี้ห้ามละเลย

3. ดื่มน้ำเย็นๆ
เพราะน้ำเย็นๆ จะช่วยให้ร่างกายต้องดึงพลังงานความร้อนในตัวออกมาเพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำนั้นให้เหมาะสมกับอุณหภูมิในร่างกาย ด้วยเหตุนี้ขณะที่เราได้ดื่มน้ำเย็นๆ ร่างกายจึงต้องเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น

4. กินแต่อาหารที่ไม่ติดมัน
อาหารประเภทเนื้อสัตว์ติดมัน หมูสามชั้นทอดกรอบ กุนเชียง กากหมู หนังไก่หรืออาหารที่ทอดด้วยน้ำมัน ควรจะงดเว้นให้เด็ดขาด หากยังไม่อยากสูญเสียทรวดทรงองค์เอวอันสวยงามสมส่วน

5. เลือกกินของหวานอย่างเหมาะสม
ขนมหวานๆ อย่างทองหยิบ ฝอยทอง หม้อแกง เค้กหรือช็อกโกแลตเป็นของหวานที่อุดมไปด้วยนม เนย ไข่ และน้ำตาล แถมเวลาได้รับประทานแล้วจะรู้สึกเพลิดเพลินมีความสุข ทำให้ทานชิ้นเดียวหยุดไม่ได้ ฉะนั้นหากต้องการลดน้ำหนักก็จงตัดอกตัดใจเสียเถอะ ทางที่ดีควรหันมารับประทานลูกพลับ หรืออินทผลัมอบแห้งจะสามารถช่วยป้องกันอาการอยากของหวานเหล่านั้นได้

6. งดใส่ครีมในกาแฟ
แม้ครีมเทียมจะทำให้รสชาติของกาแฟกลมกล่อมขึ้น แต่คิดดูสิ ครีมเทียมเพียง 1 กรัม สามารถให้พลังงานสูงถึง 9 แคลอรี แล้วกาแฟที่คุณดื่ม ใส่ครีมกี่ช้อนต่อแก้ว ถ้าวันหนึ่งคุณดื่มกาแฟสัก 3-4 แก้ว ร่างกายจะได้รับแคลอรี่โดยไม่รู้ตัวมากมายขนาดไหน

7. สลัดน้ำข้น ไขมันเพียบ!
คุณบอกว่ารับประทานแต่สลัด แต่ทำไมยังอ้วนอีก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะน้ำสลัดที่คุณเลือกรับประทาน ล้วนเป็นน้ำสลัดข้นๆ ที่อุดมไปด้วยครีมนม และไขมันนม ถ้ารับประทานอย่างนี้แล้ว จะผอมได้อย่างไรละคะ

8. ซดน้ำแกงจืดก่อนอาหาร
เป็นความคิดที่ดีที่จะจัดการกับน้ำแกงจืดหรือไม่ก็ดื่มน้ำสักแก้วสองแก้วก่อนรับประทานอาหาร ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณรู้สึกอิ่มกับอาหารตรงหน้า แต่ถ้าหากยังสามารถกินอาหารได้อีก ก็จะกินได้ในปริมาณที่น้อยลง

9. เลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว
ข้าวเป็นอาหารหลักที่เราต้องรับประทานเกือบทุกมื้ออยู่แล้ว และถ้าหากได้รับประทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว เราก็จะไม่ได้เพียงแค่คาร์โบไฮเดรตเฉยๆ แต่ยังได้ทั้งวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ มากมายจากเยื่อหุ้มและจมูกข้าวที่ไม่ได้ถูกขัดสีออกไปด้วย

10. เลิกนิสัยกินจุบกินจิบ
อย่าสร้างความเคยชินให้กับตัวเองด้วยการกินนั่นกินนี่ไม่เป็นเวล่ำเวลาอยู่เรื่อยไป แต่ควรกินอาหารเป็นมื้อเป็นคราวเท่านั้น โดยเฉพาะเวลานั่งอยู่หน้าจอทีวีไม่ควรจหาขนมกรุบกรอบ อาทิเช่น มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบหรือคุ้กกี้ กินไปดูทีวีไปตลอดเวลา เพราะจะทำให้กินเพลินจนลืมเรื่องอ้วน

11. หาเพื่อนร่วมลด
การลดน้ำหนักคนเดียว บางครั้งอาจทำให้รู้สึกท้อแท้ แต่ถ้ามีเพื่อนหัวอกเดียวกันที่มุ่งมั่นจะรีดไขมันส่วนเกินออกจากชีวิตเหมือนกัน จะช่วยทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะ อย่างน้อยๆ คุณก็ยังรู้สึกว่า "ฉันไม่ได้เป็นคนอ้วนที่ต้องลดน้ำหนักอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย"

12. ดินเนอร์ใต้แสงเทียน
ภายใต้แสงเทียนนอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูโรแมนติกขึ้นแล้ว ท่ามกลางแสงสลัวๆ แบบนั้นยังทำให้ความอยากอาหารลดน้อยลงอีกด้วย

13. อาหารมื้อเช้า
อาหารมื้อไหนๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับมื้อเช้า ทั้งนี้เพราะช่วงเวลาตั้งแต่ 6 โมงถึง 10 โมงเช้า เป็นช่วงที่ระบบการเผาผลาญสารอาหารภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นจึงควรกินอาหารเช้าใด้เต็มที่ ส่วนมื้อเย็นให้กินแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

14. ไม่กักตุนอาหารเต็มตู้เย็น
ทั้งนี้เพราะจะทำให้คุณหาของกินได้ง่ายและสะดวกสบายเกินไป ยิ่งมีของกินในตู้เย็นมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งกินตามใจปากมากขึ้นเท่านั้น

15. ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน
ผลไม้อย่างแอปเปิ้ล ส้ม ฝรั่ง กีวี สตรอเบอร์รี่ สับปะรด มะม่วงหรือมะเขือเทศ นับเป็นผลไม้ที่เกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รักษาหุ่นอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งวิตามินซีคุณภาพสูงจากธรรมชาติแล้ว

16. ดื่มตบท้ายด้วยชามะนาว
หลังอาหารแต่ละมื้อควรดื่มชามะนาวตบท้าย จะสามารถช่วยชะล้างปากจากอาหารคาว หรืออาหารมันๆ เลี่ยนๆ ได้ดีกว่าดื่มน้ำเปล่าธรรมดา แถมยังสามารถช่วยยุติความอยากอาหารเรื่อยเปื่อยของคุณอย่างได้ผลด้วย

17. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญแคลอรีให้กลายเป็นพลังงานได้คราวละมากๆ ฉะนั้นจึงควรเตือนตัวเองให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ ซึ่งนอกเหนือจากเล่นกีฬาเป็นงานอดิเรกแล้ว ก็ควรหมั่นฝึกตนให้เป็นคนชอบเดิน ชอบทำงานบ้าน และชอบขึ้นลงบันได

18. กิจวัตรแรกสุดของทุกๆ วัน
หลังจากตื่นนอนตอนเช้า กิจวัตรแรกสุดที่ควรทำทันทีก็ไม่ใช่อะไรอื่น นั่นก็คือดื่มน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถดื่มได้ ทั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นขึ้น และช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทั้งหนักทั้งเบาทำงานได้อย่างคล่องตัว

19. ชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละครั้ง
เมื่อปฎิบัติได้ตามคำแนะนำดังกล่าวข้างต้นแล้ว ควรติดตามผลการลดหุ่น ด้วยการเปลือยกายสำรวจตัวเองหน้ากระจกในห้องน้ำส่วนตัว และชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละครั้งก็พอ ไม่จำเป็นจะต้องชั่งทุกๆ วัน เพราะการทำเช่นนั้นรังแต่จะทำให้รู้สึกเครียดและคับข้องใจที่น้ำหนักไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นผลได้ทันตา

20. อย่าลืมให้รางวัลกับตัวเอง
หลังจากที่สามารถขจัดไขมันส่วนเกินในร่างกายให้ลดลงไปได้สำเร็จ (แม้จะลงไปเพียงเล็กน้อยก็ตาม) คุณก็สามารถจะให้รางวัลกับตัวเองด้วยการไปนวดหน้า นวดตัว ขัดผิวและบำรุงผิว เพียงเท่านี้หน้าตาและผิวพรรณคุณก็จะแลดูสดใสและปิ๊งปั๊งขึ้นมาทันตาเห็น