วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

แต่ละวัน...คุณใช้"ธนบัตร"ราคาไหนบ้าง ? ?

แน่นอน คุณรู้ว่า "ธนบัตร" มีค่า แต่คุณรู้ไหมครับว่านอกจาก "ค่า" คือราคาของตัวเองแล้ว "ธนบัตร" ยังมี "คุณค่า"เพราะ "หลังธนบัตร" มีสิ่งดีๆที่สอนเราอยู่

แต่เราไม่เคย "อ่าน" นอกเหนือจากไม่ค่อยสังเกตุว่า "หลังธนบัตร" แต่ละราคาเป็นภาพของกษัตริย์องค์ไหน

ผมเลยขอนำ"คุณค่า"หลังธนบัตรมาบอก..




ธนบัตร ๒o บาท ...คุณรู้ไหมว่าเป็นภาพของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไหน

คำตอบก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล และ "คุณค่า" หลังธนบัตรนี่ มีข้อความว่า

"ถ้าคนไทยทุกคน ถือว่าตนเองเป็นเจ้าของชาติบ้านเมือง และต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี ด้วยความสุจริตและถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรมแล้ว ความทุกข์ยากของบ้านเมือง ก็จะผ่านพ้นไปได้"





มาถึงแบงก์ร้อย

ส่วนใหญ่คงจำกันแม่นว่า "หลังธนบัตร" สีแดงใบละร้อย เป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยะมหาราช แต่คุณเคยรู้ "คุณค่า" หลังธนบัตรนี้ไหม คำตอบนี่ครับ..

"ประเพณีทาสที่มีอยู่ในพระราชอาณาจักรสยาม ถึงเป็นวิธีทาสทำสารกรมธรรม์
ขายตัวด้วยใจสมัคร มิใช่ทาสเชลย ที่เป็นการกดขี่อย่างร้ายแรงก็จริง
แต่เป็นเครื่องกีดขวางทางเจริญ ประโยชน์และสุขสำราญ ของมหาชนอยู่อย่างหนึ่ง
ซึ่งจำเป็นจะต้องเลิกถอน อย่าให้มีประเพณีทาสในพระราชอาณาจักรนี้
กรุงสยามจึงจะมีความสมบูรณ์เท่าทันประเทศอื่น
"




แบงก์ ๕oo ล่ะ ใช้ธนบัตรสีม่วง รู้ไหมเป็นภาพพระองค์ไหน

แน่นอนว่าหลายคนคงนึกไม่ออก ..เพราะเป็น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชดำรัสไว้ในเราทราบคือ..

"การงานสิ่งใดของเขาที่ดี ควรจะเรียนร่ำเอาไว้ ก็เอาอย่างเขา
แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปเสียทีเดียว"



แบงก์ใหญ่ที่สุด ธนบัตรใบละ ๑ooo บาท

หลายคนทราบดีว่าเป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เคย
"อ่าน" สิ่งที่มี "คุณค่า" หลังธนบัตรไหม

เศรษฐกิจแบบพอเพียง … เศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้น หมายความว่าอุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง


นี่คือ"คุณค่า"หลังธนบัตรที่เราไม่ค่อยสังเกตุกัน

ซีอุย แซ่อึ้ง


ประวัติของซีอุย

ซีอุย แซ่อึ้ง เกิดปีระกา 2470 เป็นชาวจีน บิดาชื่อนาย ฮุนฮ้อ มารดาชื่อนาง ไป่ติ้ง อาชีพทำไร่ฐานะยากจน มีพี่น้องหลายคน ตอนเด็กๆ มักถูกรังแก จนพบชายชราแนะนำให้กินตับ และหัวใจของคน เพื่อที่จะได้มีพลังต่อสู้กับคนที่มารังแก หลังจากนั้น ซีอุย เริ่มฆ่าสัตว์ กิน เนื้อสด ตับ หัวใจ พอซีอุยเริ่มเป็นหนุ่มก็เริ่มฆ่าเด็กแหวะอก เฉือนหัวใจและตับ มันทำให้เขารู้สึกว่ากล้าสู้ และ อร่อย โดยใช้วิธีการฆ่าฝังร่องรอย

เมื่ออายุย่างเข้า 18 ปี ซีอุยถูกส่งเข้าประจำการที่หน่วยรบทหารราบกองพันที่ 8 ซีอุยฝึกและถูกส่งตัวไปรบในแนวหน้าจนได้รับบาดเจ็บเพื่อทหาต่างก็ล้มตาย อาการบาดเจ็บและหิวโหยทำให้ซีอุยเริ่ม ต้ม ตับ ไต หัวใจ ไส้พุง ศพ เพื่อนทหารที่เสียชีวิตหลังจากสงครามเพื่อนทหารรุ่นเดียวกัน ชวนซีอุยไปสมัครเข้าทำงานกับ บริษัทเดินเรือทะเล ทำได้อยู่ปีเศษๆ เพื่อนๆ ก็ชวนลอบเข้าเมืองไทย โดยหลบหนีจากเรือเดินทะเล ขณะที่นำสินค้าส่งที่ท่าเรือคลองเตย เมื่อ วันที่ 28 ธันวาคม 2489

ในระหว่างที่ใช้ชีวิตในประเทศไทย เขาต้องเร่ร่อนทำงานรับจ้างกลับไปกลับมาในสถานที่ต่างๆ อาทิ อ. ทับสะแก และ อ. สามร้อยยอด และ กรุงเทพฯ ซึ่งชีวิตของเขาได้รับแรงกดดัน ถูกเหยียดหยามดูหมิ่นจากคนรอบข้าง ถูกเรารัดเอาเปรียบจนในที่สุดก็นำไปสู่เหตุการณ์ที่ต้องน่าสะพรึงกลัวและทำให้ซีอุยพบจุดจบอย่างน่าสงสารเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2502


+ + + เดินสายฆ่าก่อนจนมุม + + +

วันที่ 10 เมษายน 2497 คดีแรกก็เกิดขึ้นเมื่อ ด.ญ.บังอร ภมรสุต อายุ 8 ขวบ ถูกคนร้ายดักจับขณะเดินออกมาซื้อของใน ตอนค่ำ ด.ญ.บังอร ซึ่งเป็นเหยื่อรายแรกและรายเดียวที่รอดตายมาได้ ระบุว่าถูกคนร้ายเป็นชายชาวจีน ตัดผมสั้นเกรียน รูปร่างสันทัด จับตัวจากแถวบ้านเข้าไปในป่า พยายามใช้มีดแทงคอ แต่เธอดิ้นจนมีดพลาดไม่ถูกจุดสำคัญ จึงถูกคนร้ายจับทุ่มเข้าไปในกอไผ่ แม้กอไผ่จะทำให้เธอบาดเจ็บไม่เบา แต่มันก็ช่วยให้คนร้ายไม่สามารถแหวกพงหนามเข้ามาทำร้ายเธอได้อีก

วันที่ 9 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ด.ญ.นิด แซ่ภู่ อายุ 10 ขวบ ถูกคนร้ายหลอกไปจากงานวัด ใน ต.ทับสะแก ก่อนมีคนพบศพเธอถูกฆ่าผ่าท้องหัวใจกับตับหายไป !??

เดือนเศษๆ ต่อมา ด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่เล้า อายุ 9 ขวบ ชาว ต.ทับสะแก เช่นกัน ถูกฆ่าลักษณะเดียวกับรายที่ 2 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน

ถัดมาวันที่ 27 ตุลาคม ปีเดียวกัน ก็ถึงคิว ด.ญ.หงั่น แซ่ลี้ อายุ 10 ขวบ ถูกฆ่าที่ ต.สามร้อยยอด

วันที่ 28 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน คดีลักษณะเดียวกันนี้ก็มาโผล่ที่กรุงเทพฯ มื่อมีผู้พบศพ ด.ญ.ลี่จู แซ่ตั้ง อายุ 5 ขวบ ถูกฆ่าผ่าท้องบริเวณสถานีรถไฟสวนจิตรลดา

ล่วงเข้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2500 ด.ญ.ซิ่วจู แซ่ตั้ง อายุ 7 ขวบ ถูกฆ่าบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์


+ + + ฆาตกรวิปริต หรือ "แพะ" ?? + + +

ฆาตกรต่อเนื่องหยุดการทำงานไปเกือบ 1 ปีก่อนที่จะเกิดเหตุฆาตกรรม ด.ช.สมบุญ บุณยกาญจน์ อายุ 8 ขวบ ที่ ต.เขาไผ่ อ.เมืองระยอง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501 ซึ่งเป็นเหยื่อรายที่ 7 และศพที่ 6 คดีนี้เองตำรวจจับกุมคนร้ายได้คือ นายซีอุย แซ่อึ้ง คนงานในสวนของพ่อแม่ ด.ช.สมบุญ โดยตำรวจระบุในห้วงเวลานั้นว่าจับได้ ขณะที่ซีอุยพยายามทำลายศพ !!!

นี่คือข่าวครึกโครมยิ่งในช่วงนั้น และยิ่งตื่นตระหนกกันใหญ่เมื่อตำรวจแถลงว่านายซีอุย สารภาพว่าคดีฆ่าผ่าท้องเด็กที่ ต.ทับสะแก กรุงเทพฯ และนครปฐมรวม 5 รายก่อนหน้านี้ เป็นฝีมือของเขาเอง และเมื่อตำรวจพา ด.ญ.บังอร เหยื่อแรกแรกที่รอดตายมาได้มาดูตัว ก็ชี้ยืนยันว่าซีอุย คือคนร้ายที่พยายามสังหารเธอ !??

วันที่ 16 กันยายน 2502 ศาลตัดสินประหารชีวิตซีอุยด้วยการยิงเป้า และมอบศพให้แพทย์ ร.พ.ศิริราช นำไปศึกษาโครงสร้างทางสมอง และเก็บรักษาศพไว้จนทุกวันนี้

ในหลายสิบปีให้หลังมีผู้สนใจเรื่องราววิปริตของซีอุย พยายามค้นคว้าและพบว่าคดีนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลไม่น้อยถึงขนาดตั้งข้อสังเกตว่าซีอุยเป็นฆาตกรวิปริต หรือแค่แพะรับบาปเท่านั้น !??ประการหนึ่ง ซีอุยเป็นผู้รับสารภาพเองว่าเป็นฆาตกร ในขณะที่ตำรวจเองไม่มีหลักฐานใดๆ มัดตัวคนร้าย เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ปล่อยซีอุยลอยนวลอยู่นานหลายปี

การที่ตำรวจคลี่คลายคดีเก่าๆ ได้ มีหลักฐานเดียวคือคำสารภาพของซีอุยเท่านั้น !??


+ + +จับพิรุธคดีประวัติศาสตร์ + + +

น่าสนใจว่าซีอุยพูดไทยไม่ได้มาก ต้องให้การผ่านล่าม คำแปลและความเข้าใจของซีอุยเกี่ยวกับความผิดหรือคำสารภาพนั้นมีมากขนาดไหน มีการตั้งข้อสังเกตว่าซีอุยอาจจะสารภาพไปตามบท เพราะเข้าใจว่าเมื่อจบเรื่อง ตัวเองจะถูกส่งกลับเมืองจีนเท่านั้น

จากข่าวในห้วงเวลานั้นพบว่าคำรับสารภาพของซีอุยก็สับสน และบางเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเกิดเหตุอีกด้วย !??

ในจำนวน 6 ศพที่ซีอุยก่อเหตุ มีบางศพที่ไม่ได้ถูกควักหัวใจและตับออกมากิน ซึ่งผิดวัตถุประสงค์การฆ่าอย่างสิ้นเชิง ตำรวจแถลงว่าที่ไม่กินเพราะซีอุยบอกว่า ตับกับหัวใจเล็กเกินไป กินไม่อิ่มเลยไม่กิน !??

ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวซีอุย ไปทำแผนฯ บางคดีพิสดารและเหลื่อเชื่อเกินไป เช่น รายหนึ่งซีอุยให้การว่าฆ่าเด็กแล้วอุ้มวิ่งเข้าไปในสวนลึกหลายกิโล แถมยังแวะอาบน้ำอาบท่าระหว่างทางอีกด้วย ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวผิดวิสัยเกินไป

อีกจุดหนึ่งคือการลงมือระหว่างเหยื่อรายที่ 6 และรายที่ 7 ที่ทิ้งช่วงเวลาห่างกันถึง 1 ปี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซีอุยก่อเหตุถึง 6 คดีในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้นหรือคดีที่ ต.ทับสะแก ซึ่งซีอุยสารภาพว่าลงมือถึง 4 ครั้ง รายแรกทำไม่สำเร็จ แต่ก็ลงมือได้ในอีก 3 รายต่อมา

ตามปกติทั่วไปเมื่อก่อเหตุครั้งแรกไม่สำเร็จ ซีอุยน่าจะหลบหนีเพราะเด็กต้องจำหน้าได้ กลับกล้าอยู่ในพื้นที่เดิมและลงมือกับเหยื่ออีก 3 รายซ้อน ฯลฯ

แม้มีการตั้งข้อสังเกตหรือข้อสงสัยมากมาย แต่อย่างไรเสียคงไม่สามารถหาข้อยุติหรือตรวจสอบให้แน่ชัดได้แต่ก็น่าสนใจว่าหลังตำรวจจับกุมซีอุยได้ คดีฆ่าผ่าท้องเด็กก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย !??

เป็นภูมิแพ้อยู่หรือเปล่า?


เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่มิ้งฟืด-ฟาดไปทั้งวัน เพราะมีน้ำมูกไหลออกมาตลอดเวลา พอนอนตื่นมาก็เจ็บคออีก อาการเหล่านี้ทำให้เป็นหวัด เจ็บคอ ได้ง่ายๆ เลยนะ เลยคิดว่าสาเหตุมันอาจมาจากภูมิแพ้ก็ได้ ก็ลองไปหาข้อมูลมาฝากหนุ่มๆ เผื่อจะมีปัญหาเหมือนกัน ^^"

โรคที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการไวผิดปกติต่อสิ่งซึ่งสามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ ซึ่งปกติสารเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้กับคนปกติทั่วไป โรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นกับทุกวัย แต่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ไม่ใช่โรคติดต่อ

อวัยวะที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้
ทางลมหายใจ ถ้าสิ่งกระตุ้นผ่านเข้ามาทางลมหายใจ ตั้งแต่รูจมูกลงไปยังปอด ก็จะทำให้เป็นหวัด คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คันคอ เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ เสียงแหบแห้งและลงไปยังหลอดลม ทำให้หลอดลมตีบตันเป็นหอบหืด
ทางผิวหนัง
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางผิวหนัง จะทำให้เกิดผื่นคัน น้ำเหลืองเสีย
ทางอาหาร
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางอาหาร จะทำให้ท้องเสีย อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด เสียไข่ขาวในเลือด อาจทำให้เกิดอาการทางระบบอื่นๆ ได้ เช่น ลมพิษ หน้าตาบวม
ทางตา
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางตา จะทำให้เกิดอาการแสบตา คันตา หนังตาบวม น้ำตาไหล

แต่วันนี้พี่มิ้งขอพูดถึงภูมิแพ้ทางลมหายใจ (เพราะดูจะพบเจอบ่อยที่สุด) สารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้นั้นมีหลายอย่าง

1.ฝุ่นบ้าน ตัวไรฝุ่นบ้าน มักปะปนอยู่ในฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 มม.มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

2.แมลงต่างๆ แมลงที่มักอาศัยอยู่ภายในบ้าน เช่น แมลงสาบ แมงมุม มด ยุง ปลวก และแมลงที่อาศัยอยู่นอกบ้าน เช่น ผึ้ง แตน ต่อ มดนานาชนิด เป็นต้น

3.เกสรดอกหญ้า ดอกไม้ ตอกข้าว วัชพืช สิ่งเหล่านี้มักปลิวอยู่ในอากาศตามกระแสลม ซึ่งสามารถพัดลอยไปได้ไกลๆ หรืออาจเป็นลักษณะขุยๆ ติดตามมุ้งลวดหน้าต่าง เกสรดอกหญ้าที่ปลิวมาตามสายลม

4.ขนสัตว์ ขนของสัตว์เลี้ยงเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ เช่น ขนแมว ขนสุนัข ขนนก ขนเป็ด ขนไก่ ขนกระต่าง ขนนกหรือขนเป็ด ขนไก่ที่ตากแห้งใช้ยัดที่นอนและหมอน สำหรับนุ่น ฟองน้ำ ยางพารา ใยมะพร้าว เมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานานก็จะสามารถเป็นสารก่อภูมิแพ้ได้เช่นกันครับ


บางคนเชื่อว่า ถ้าเด็กเป็นโรหอบหืดตั้งแต่เล็กพอโตขึ้นอาจหายไปเองได ้และไม่จำเป็นต้องรักษาอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนัก มาดูแนวทางการรักษาภูมิแพ้กันดีกว่า

- การรักษาภูมิแพ้ที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ต้องใช้การรักษาโดยรับประทานยาแก้แพ้ อาจร่วมกับการใช้ยาพ่นจมูก หรือรักษาโดยวิธีการฉีดสารก่อภูมิแพ้ โดยฉีดสารที่คนไข้แพ้ในปริมาณ และความเข้มข้นน้อยๆ จากนั้นจะเพิ่มปริมาณและความเข้มข้นขึ้น เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวและสร้างภูมิคุ้มกันต่อสิ่งนั้นๆ ได้

- ทานยาแก้แพ้ต่อเนื่องนาน ๆ มีผลต่อร่างกายหรือไม่ ยาแก้แพ้ในปัจจุบันมีผลเสียต่อร่างกายน้อยมาก อย่างไรก็ตามถ้าอาการแพ้ดีขึ้นหรือในช่วงนั้นไม่มีอาการแพ้สามารถหยุดยาได้ แต่ เมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้นอีก สามารถกลับมารับประทานยาได้อย่างเดิม

- ยาพ่นจมูกแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
ยาที่ลดการบวมของโพรงจมูก ยานี้ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพราะจะทำให้โพรงจมูกแห้งมาก อาจทำให้เลือดกำเดาไหลได้

ยาที่ช่วยลดอาการแพ้ของโพรงจมูก ซึ่งเป็นยาที่มีเสตียรอยด์ สามารถใช้ต่อเนื่องได้ในระยะเวลานาน แต่ต้องใช้ในขนาดที่แพทย์กำหนด การใช้ในเด็กควรปรึกษาแพทย์


ยาที่เป็นช่วยให้โพรงจมูกชุ่มชื้น ไม่แห้ง ยานี้ไม่มีอันตรายใดๆ สามารถใช้ต่อเนื่องได้

5 สัตว์ที่สวย แต่อันตรายถึงชีวิต!

"สวยแต่รูป จูบไม่หอม" ดูท่าทางจะเป็นคำที่เหมาะสมสำหรับ "สัตว์ 5 ชนิด" นี้จริงๆ จ้ะ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของมันสวยงามดึงดูดความสนใจต่อผู้ที่ได้พบเห็น แต่ภายในความสวยกลับซ่อนพิษร้ายที่สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้แค่เพียงเฉียดใกล้เข้าไปใกล้นนิดเดียว โดยพี่ปัดขอเริ่มต้นที่.....

- แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish) : เห็นสีสันของแมงกะพรุนชนิดนี้แล้ว ต้องขอบอกสวยมากเลย แต่น้องๆ ชาว Dek-D.com รู้กันบ้างรึเปล่าจ๊ะว่าพิษของมันก็ร้ายแรงเช่นเดียวกัน เพราะแมงกะพรุนชนิดนี้มีเขี้ยวพิษอยู่ในเซลล์จำนวนกว่าล้านเซลล์ ซึ่งผู้ที่ถูกพิศจะมีอาการช็อค และหัวใจวาย วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ ใช้น้ำส้มสายชูราดลงไปที่บริเวณที่ถูกพิษ วิธีนี้จะช่วยเบาเทาพิษได้ หลังจากนั้นรีบหาส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

- งูจงอาง (King Cobra) : งูชนิดนี้ถือว่าเป็นงูที่มีขนาดลำตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันกินงูอื่น หนู กบ และตะกวดเป็นอาหาร พิษของมันสามารถฆ่าคนตายได้ในระยะเวลาสั้นๆ รวมทั้งช้างตัวเต็มวัยที่สามารถตายได้ภายใน 3 ชั่วโมง น่ากลัวมากเลยใช่ไหมจ๊ะ ผู้ที่โดนงูจงอางกัดจะมีอาการหนังตาตก พูดและกลืนน้ำลายลำบาก แขนขาอ่อ่นแรง หายใจติดขัด และหยุดหายใจในเวลาต่อมา วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ใช้เชือกรัดเหนือบาดแผลประมาณ 5- 15 ซม. อย่ารัดแน่นจนเกินไปพอให้นิ้วมือสอดเข้าไปได้ สาเหตุที่ต้องรัดเชือกนั้นเป็นเพราะเพื่อป้องกันไม่ให้พิษของงูดูดซึมเข้าไปในท่อน้ำเหลือง และเส้นเลือดดำที่จะเข้าไปหล่อเลี้ยงหัวใจ นอกจกานี้ยังต้องให้ผู้แวยนอนอยู่นิ่งๆ และจัดท่าบาดแผลให้อยู่ต่ำกว่าระดับหัวใจ ทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำสะอาด หรือแอลกอฮอล์ และทิงเจอร์ หลังจากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาล

- หอยเต้าปูนลายหินอ่อน (Marbled Cone Snail) : ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่า หอยมรณะ เป็นหอยอีกชนิดหนึ่งที่มีสีสันสวยงาม แต่ก็อันตรายสุดๆ เพราะพิษแค่หยดเดียวของมันสามารถฆ่าคนได้มากถึง 20 คน โดยผู้ที่ถูกพิษจะมีอาการ คือ รอบแผลจะซีด บวม เขียวซ้ำ รู้สึกชารอบๆ บาดแผล หลังจากนั้นจะมีอาการบวมแดง ตาพร่ามัว คลื่นไส้ อาเจียน พูดและหายใจติดขัด เจ็บหน้าอก ทำให้หัวใจ และเสียชีวิตได้ วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นทำเช่นเดียวกับโดนงูกัด



- ปลาหมึกแหวนน้ำเงิน (Blue Ringed Octopus) : ปลาหมึกชนิดนี้นอกจากจะมีสีสันที่สวยงามแล้ว มันยังมีขนาเล็กเท่าเพียงลูกกอล์ฟเท่านั้น ผู้ที่ถูกพิษจะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บปวดเท่าไหร่ แต่พิษของมันร้ายแรงมากเพราะจะเข้าไปทำลายระบบประสาททำให้รู้สอ่อนแอ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ระบบหายใจจะล้มหลว และเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มียาแก้พิษชนิดนี้เลย

- แมงป่องเดทธ์สตอล์คเกอร์ (Death Stalker Scorpion) : ผู้ที่โดนต่อยจะมีอาการปวด ไข้ขึ้น เพราะพิษของมันจะเข้าไปทำลายระบบประสาท ในกรณีที่ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กและคนชราจะทำให้เสียชีวิตได้ เพราะมีภูมิต้านทานต่ำ ส่วนในกรณีที่เป็นผู้ใหญ่ก็จะทำให้เป็นอัมพาตได้

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

คุณรู้จัก "ส้ม" กันดีแล้วหรือยัง ? ?


คุณรู้จัก "ส้ม" กันดีแล้วหรือยัง ถ้ายังตามมาเลยค่ะ

พูดถึง "ส้ม" หลายคนบอกว่า...ฉันรู้จักดี เพราะส้มเป็นผลไม้แสนฮิต มีให้เลือกหลายชนิด ที่สำคัญส้มไม่ได้มีเพียงแค่ความอร่อย ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายด้วย

ส้มเป็นผลไม้ตระกูล Citrus ที่ให้ทั้งรสเปรี้ยวและหวาน จึงอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย ที่เด่นที่สุดคือ ให้วิตามินซีสูง นอกจากนี้ ยังมีแคลเซียม วิตามินเอ บี โปแตสเซียม แคลเซียม ใยอาหาร ฟอสฟอรัส เหล็ก ซึ่งส้มแต่ละชนิดจะให้คุณค่าทางสารอาหารไม่ต่างกันมากนัก ส่วนคุณประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น

ดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ลดความเครียด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

เลือดออกตามไรฟัน และมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในร่างกาย

ในส้มมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันการอักเสบ และเลือดจับตัวเป็นก้อน

มีคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ไม่แห้งแตก และยังช่วยสมานแผลหลังผ่าตัด แผลไฟไหม้ ให้หายเร็วและแผลเรียบเนียนขึ้น


ส้ม...ลักษณะเด่นที่แตกต่าง

ส้มในบ้านเรามีหลายชนิด ทั้งส้มให้ความเปรี้ยวและส้มให้ความหวาน แต่ละชนิดก็มีลักษณะเด่นและการนำไปใช้แตกต่างกันไป อาทิเช่น

ส้มซันคิสต์ มีรสชาติอร่อยเข้มข้น เปลือกมีกลิ่นหอม จึงนิยมนำทั้งน้ำและเปลือกมาทำขนม ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้ เค้ก หรือแยม

ส้มเขียวหวาน มีเนื้อหวานฉ่ำ เหมาะสำหรับกินสดๆ หรือคั้นดื่ม เพราะเปลือกบางทำให้คั้นได้ง่าย

ส้มจุก มีรสชาติและสีใกล้เคียงกับส้มเช้ง คือ หวานอ่อนๆ จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือคนที่ต้องการลดน้ำหนักค่ะ

ส้มโอ เป็นส้มที่สามารถนำมาทำอาหารได้ทั้งคาว เช่น ยำส้มโอ ใส่ในข้าวยำน้ำบูดู ใส่ในสลัด หรือทำอาหารหวาน เช่น ส้มโอลอยแก้ว ส่วนเปลือกของส้มโอที่มีสีขาวนุ่ม รสชาติขมๆ อยู่ติดกับเปลือก ยังสามารถนำมาเชื่อมได้อีกค่ะ

ส้มจี๊ด คนไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมกินเพราะเปรี้ยวมาก แต่คนจีนนิยมกินโดยเฉพาะนำมาคั้นทำน้ำส้ม หรือนำมาอบแห้งค่ะ

ส้มจีน เป็นส้มที่กินสด หรือนิยมนำมาไหว้เจ้าหรือไหว้บรรพบุรุษ เพราะคำว่าส้มในภาษาจีนจะฟังเหมือนคำว่าทอง และสีก็เหมือนทองด้วย จึงถือเป็นผลไม้มงคลสำหรับชาวจีนค่ะ

เลมอน เป็นส้มที่มีรสชาติคล้ายมะนาว แต่จะมีรสหวานนิดๆ ส่วนใหญ่เป็นส้มที่ชาวต่างชาตินิยมนำมาทำอาหารแทนมะนาว เพราะไม่มีมะนาว หรือนำมาทำเป็นเครื่องดื่มในฤดูร้อน เพราะต่างประเทศไม่มีมะนาวนั่นเองค่ะ

มะนาว เป็นหนึ่งในตระกูลส้มที่ให้ความเปรี้ยวมากที่สุด จึงนำมาปรุงอาหารได้สารพัด เช่น ต้มยำ ยำต่างๆ น้ำพริก รวมทั้งเป็นส่วนผสมในน้ำสลัด ฯลฯ

มะกรูด เป็นหนึ่งในตระกูลส้มชนิดเดียวที่ไม่ได้นำน้ำหรือความเปรี้ยวมาปรุงอาหาร เพราะคนส่วนใหญ่จะนำกลิ่นหอมจากเปลือกมะกรูดมาใช้มากกว่า เช่น ใส่ในแกงมัสมั่น แกงเทโพ หรือทำหน้าหมี่กรอบ ส่วนน้ำมะกรูดนำมาทำเป็นยาสระผมค่ะ


ส้ม...กินอย่างไรให้เหมาะ

ส้มไม่ได้มีประโยชน์สำหรับผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียวนะคะ เพราะส้มยังมีประโยชน์กับเจ้าตัวเล็กของคุณอีกด้วย

สำหรับพ่อแม่ที่อยากให้เจ้าตัวเล็กดื่มน้ำส้มคั้น ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าต้องให้หลัง 6 เดือน เพราะเป็นช่วงที่สามารถให้อาหารเสริมกับเจ้าตัวเล็กได้แล้ว ที่สำคัญการให้น้ำส้มกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นวัยใดก็ตามควรผสมน้ำในปริมาณครึ่งต่อครึ่ง เนื่องจากส้มจะมีรสชาติเข้มข้นการให้น้ำส้มลูกโดยไม่ผสมอะไรเลย อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบดูดซึมของลูกได้ค่ะ

พอลูกโตขึ้นจึงค่อยๆ ลดปริมาณน้ำลง จนถึงอายุ 5 ขวบ แล้วค่อยให้น้ำส้มอย่างเดียว เนื่องจากน้ำส้มมีรสหวานมาก การผสมน้ำจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เจ้าตัวเล็กไม่ติดหวานตั้งแต่ตัวน้อยๆ ค่ะ

สำหรับผู้ที่เป็นโรคไตและเบาหวาน ถ้าคิดจะกินส้ม ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าควรกินด้วยความระมัดระวัง เพราะส้มเป็นผลไม้ที่ให้โปแตสเซียมและน้ำตาลสูง จึงควรกินเป็นผลเพราะจะมีกากใยดีกว่าเป็นน้ำส้มคั้น เพราะน้ำส้มคั้น 1 แก้วต้องใช้ส้มหลายผล

ส้ม...การเลือกซื้อ

การเลือกซื้อส้มที่มีรสหวาน รสชาติอร่อยนั้น ควรเลือกที่มีผิวเรียบเนียน เปลือกบาง เช่นเดียวกับมะนาวที่ผิวเรียบเนียน เปลือกบางก็จะให้น้ำเยอะ ถ้าเป็นส้มเขียวหวานก็จะหวานมาก ยกเว้นมะกรูดค่ะ เพราะธรรมชาติของมะกรูดผิวจะขรุขระไม่เสมอกันอยู่แล้ว

ทราบคุณประโยชน์ที่แตกต่างของส้มแต่ละชนิด รวมทั้งการเลือกซื้อเพื่อให้ได้ส้มที่คุณภาพดีกันแล้ว ผลไม้ตั้งโต๊ะของครอบครัวมื้อต่อไปต้องไม่พลาดส้มแน่นอนใช่มั้ยคะ

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

แต่ละวัน...คุณใช้"ธนบัตร"ราคาไหนบ้าง ? ?

แน่นอน คุณรู้ว่า "ธนบัตร" มีค่า แต่คุณรู้ไหมครับว่านอกจาก "ค่า" คือราคาของตัวเองแล้ว "ธนบัตร" ยังมี "คุณค่า"เพราะ "หลังธนบัตร" มีสิ่งดีๆที่สอนเราอยู่

แต่เราไม่เคย "อ่าน" นอกเหนือจากไม่ค่อยสังเกตุว่า "หลังธนบัตร" แต่ละราคาเป็นภาพของกษัตริย์องค์ไหน

ผมเลยขอนำ"คุณค่า"หลังธนบัตรมาบอก..




ธนบัตร ๒o บาท ...คุณรู้ไหมว่าเป็นภาพของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไหน

คำตอบก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล และ "คุณค่า" หลังธนบัตรนี่ มีข้อความว่า

"ถ้าคนไทยทุกคน ถือว่าตนเองเป็นเจ้าของชาติบ้านเมือง และต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี ด้วยความสุจริตและถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรมแล้ว ความทุกข์ยากของบ้านเมือง ก็จะผ่านพ้นไปได้"





มาถึงแบงก์ร้อย

ส่วนใหญ่คงจำกันแม่นว่า "หลังธนบัตร" สีแดงใบละร้อย เป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยะมหาราช แต่คุณเคยรู้ "คุณค่า" หลังธนบัตรนี้ไหม คำตอบนี่ครับ..

"ประเพณีทาสที่มีอยู่ในพระราชอาณาจักรสยาม ถึงเป็นวิธีทาสทำสารกรมธรรม์
ขายตัวด้วยใจสมัคร มิใช่ทาสเชลย ที่เป็นการกดขี่อย่างร้ายแรงก็จริง
แต่เป็นเครื่องกีดขวางทางเจริญ ประโยชน์และสุขสำราญ ของมหาชนอยู่อย่างหนึ่ง
ซึ่งจำเป็นจะต้องเลิกถอน อย่าให้มีประเพณีทาสในพระราชอาณาจักรนี้
กรุงสยามจึงจะมีความสมบูรณ์เท่าทันประเทศอื่น
"




แบงก์ ๕oo ล่ะ ใช้ธนบัตรสีม่วง รู้ไหมเป็นภาพพระองค์ไหน

แน่นอนว่าหลายคนคงนึกไม่ออก ..เพราะเป็น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชดำรัสไว้ในเราทราบคือ..

"การงานสิ่งใดของเขาที่ดี ควรจะเรียนร่ำเอาไว้ ก็เอาอย่างเขา
แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปเสียทีเดียว"



แบงก์ใหญ่ที่สุด ธนบัตรใบละ ๑ooo บาท

หลายคนทราบดีว่าเป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เคย
"อ่าน" สิ่งที่มี "คุณค่า" หลังธนบัตรไหม

เศรษฐกิจแบบพอเพียง … เศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้น หมายความว่าอุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง


นี่คือ"คุณค่า"หลังธนบัตรที่เราไม่ค่อยสังเกตุกัน

ซีอุย แซ่อึ้ง


ประวัติของซีอุย

ซีอุย แซ่อึ้ง เกิดปีระกา 2470 เป็นชาวจีน บิดาชื่อนาย ฮุนฮ้อ มารดาชื่อนาง ไป่ติ้ง อาชีพทำไร่ฐานะยากจน มีพี่น้องหลายคน ตอนเด็กๆ มักถูกรังแก จนพบชายชราแนะนำให้กินตับ และหัวใจของคน เพื่อที่จะได้มีพลังต่อสู้กับคนที่มารังแก หลังจากนั้น ซีอุย เริ่มฆ่าสัตว์ กิน เนื้อสด ตับ หัวใจ พอซีอุยเริ่มเป็นหนุ่มก็เริ่มฆ่าเด็กแหวะอก เฉือนหัวใจและตับ มันทำให้เขารู้สึกว่ากล้าสู้ และ อร่อย โดยใช้วิธีการฆ่าฝังร่องรอย

เมื่ออายุย่างเข้า 18 ปี ซีอุยถูกส่งเข้าประจำการที่หน่วยรบทหารราบกองพันที่ 8 ซีอุยฝึกและถูกส่งตัวไปรบในแนวหน้าจนได้รับบาดเจ็บเพื่อทหาต่างก็ล้มตาย อาการบาดเจ็บและหิวโหยทำให้ซีอุยเริ่ม ต้ม ตับ ไต หัวใจ ไส้พุง ศพ เพื่อนทหารที่เสียชีวิตหลังจากสงครามเพื่อนทหารรุ่นเดียวกัน ชวนซีอุยไปสมัครเข้าทำงานกับ บริษัทเดินเรือทะเล ทำได้อยู่ปีเศษๆ เพื่อนๆ ก็ชวนลอบเข้าเมืองไทย โดยหลบหนีจากเรือเดินทะเล ขณะที่นำสินค้าส่งที่ท่าเรือคลองเตย เมื่อ วันที่ 28 ธันวาคม 2489

ในระหว่างที่ใช้ชีวิตในประเทศไทย เขาต้องเร่ร่อนทำงานรับจ้างกลับไปกลับมาในสถานที่ต่างๆ อาทิ อ. ทับสะแก และ อ. สามร้อยยอด และ กรุงเทพฯ ซึ่งชีวิตของเขาได้รับแรงกดดัน ถูกเหยียดหยามดูหมิ่นจากคนรอบข้าง ถูกเรารัดเอาเปรียบจนในที่สุดก็นำไปสู่เหตุการณ์ที่ต้องน่าสะพรึงกลัวและทำให้ซีอุยพบจุดจบอย่างน่าสงสารเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2502


+ + + เดินสายฆ่าก่อนจนมุม + + +

วันที่ 10 เมษายน 2497 คดีแรกก็เกิดขึ้นเมื่อ ด.ญ.บังอร ภมรสุต อายุ 8 ขวบ ถูกคนร้ายดักจับขณะเดินออกมาซื้อของใน ตอนค่ำ ด.ญ.บังอร ซึ่งเป็นเหยื่อรายแรกและรายเดียวที่รอดตายมาได้ ระบุว่าถูกคนร้ายเป็นชายชาวจีน ตัดผมสั้นเกรียน รูปร่างสันทัด จับตัวจากแถวบ้านเข้าไปในป่า พยายามใช้มีดแทงคอ แต่เธอดิ้นจนมีดพลาดไม่ถูกจุดสำคัญ จึงถูกคนร้ายจับทุ่มเข้าไปในกอไผ่ แม้กอไผ่จะทำให้เธอบาดเจ็บไม่เบา แต่มันก็ช่วยให้คนร้ายไม่สามารถแหวกพงหนามเข้ามาทำร้ายเธอได้อีก

วันที่ 9 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ด.ญ.นิด แซ่ภู่ อายุ 10 ขวบ ถูกคนร้ายหลอกไปจากงานวัด ใน ต.ทับสะแก ก่อนมีคนพบศพเธอถูกฆ่าผ่าท้องหัวใจกับตับหายไป !??

เดือนเศษๆ ต่อมา ด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่เล้า อายุ 9 ขวบ ชาว ต.ทับสะแก เช่นกัน ถูกฆ่าลักษณะเดียวกับรายที่ 2 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน

ถัดมาวันที่ 27 ตุลาคม ปีเดียวกัน ก็ถึงคิว ด.ญ.หงั่น แซ่ลี้ อายุ 10 ขวบ ถูกฆ่าที่ ต.สามร้อยยอด

วันที่ 28 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน คดีลักษณะเดียวกันนี้ก็มาโผล่ที่กรุงเทพฯ มื่อมีผู้พบศพ ด.ญ.ลี่จู แซ่ตั้ง อายุ 5 ขวบ ถูกฆ่าผ่าท้องบริเวณสถานีรถไฟสวนจิตรลดา

ล่วงเข้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2500 ด.ญ.ซิ่วจู แซ่ตั้ง อายุ 7 ขวบ ถูกฆ่าบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์


+ + + ฆาตกรวิปริต หรือ "แพะ" ?? + + +

ฆาตกรต่อเนื่องหยุดการทำงานไปเกือบ 1 ปีก่อนที่จะเกิดเหตุฆาตกรรม ด.ช.สมบุญ บุณยกาญจน์ อายุ 8 ขวบ ที่ ต.เขาไผ่ อ.เมืองระยอง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501 ซึ่งเป็นเหยื่อรายที่ 7 และศพที่ 6 คดีนี้เองตำรวจจับกุมคนร้ายได้คือ นายซีอุย แซ่อึ้ง คนงานในสวนของพ่อแม่ ด.ช.สมบุญ โดยตำรวจระบุในห้วงเวลานั้นว่าจับได้ ขณะที่ซีอุยพยายามทำลายศพ !!!

นี่คือข่าวครึกโครมยิ่งในช่วงนั้น และยิ่งตื่นตระหนกกันใหญ่เมื่อตำรวจแถลงว่านายซีอุย สารภาพว่าคดีฆ่าผ่าท้องเด็กที่ ต.ทับสะแก กรุงเทพฯ และนครปฐมรวม 5 รายก่อนหน้านี้ เป็นฝีมือของเขาเอง และเมื่อตำรวจพา ด.ญ.บังอร เหยื่อแรกแรกที่รอดตายมาได้มาดูตัว ก็ชี้ยืนยันว่าซีอุย คือคนร้ายที่พยายามสังหารเธอ !??

วันที่ 16 กันยายน 2502 ศาลตัดสินประหารชีวิตซีอุยด้วยการยิงเป้า และมอบศพให้แพทย์ ร.พ.ศิริราช นำไปศึกษาโครงสร้างทางสมอง และเก็บรักษาศพไว้จนทุกวันนี้

ในหลายสิบปีให้หลังมีผู้สนใจเรื่องราววิปริตของซีอุย พยายามค้นคว้าและพบว่าคดีนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลไม่น้อยถึงขนาดตั้งข้อสังเกตว่าซีอุยเป็นฆาตกรวิปริต หรือแค่แพะรับบาปเท่านั้น !??ประการหนึ่ง ซีอุยเป็นผู้รับสารภาพเองว่าเป็นฆาตกร ในขณะที่ตำรวจเองไม่มีหลักฐานใดๆ มัดตัวคนร้าย เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ปล่อยซีอุยลอยนวลอยู่นานหลายปี

การที่ตำรวจคลี่คลายคดีเก่าๆ ได้ มีหลักฐานเดียวคือคำสารภาพของซีอุยเท่านั้น !??


+ + +จับพิรุธคดีประวัติศาสตร์ + + +

น่าสนใจว่าซีอุยพูดไทยไม่ได้มาก ต้องให้การผ่านล่าม คำแปลและความเข้าใจของซีอุยเกี่ยวกับความผิดหรือคำสารภาพนั้นมีมากขนาดไหน มีการตั้งข้อสังเกตว่าซีอุยอาจจะสารภาพไปตามบท เพราะเข้าใจว่าเมื่อจบเรื่อง ตัวเองจะถูกส่งกลับเมืองจีนเท่านั้น

จากข่าวในห้วงเวลานั้นพบว่าคำรับสารภาพของซีอุยก็สับสน และบางเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเกิดเหตุอีกด้วย !??

ในจำนวน 6 ศพที่ซีอุยก่อเหตุ มีบางศพที่ไม่ได้ถูกควักหัวใจและตับออกมากิน ซึ่งผิดวัตถุประสงค์การฆ่าอย่างสิ้นเชิง ตำรวจแถลงว่าที่ไม่กินเพราะซีอุยบอกว่า ตับกับหัวใจเล็กเกินไป กินไม่อิ่มเลยไม่กิน !??

ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวซีอุย ไปทำแผนฯ บางคดีพิสดารและเหลื่อเชื่อเกินไป เช่น รายหนึ่งซีอุยให้การว่าฆ่าเด็กแล้วอุ้มวิ่งเข้าไปในสวนลึกหลายกิโล แถมยังแวะอาบน้ำอาบท่าระหว่างทางอีกด้วย ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวผิดวิสัยเกินไป

อีกจุดหนึ่งคือการลงมือระหว่างเหยื่อรายที่ 6 และรายที่ 7 ที่ทิ้งช่วงเวลาห่างกันถึง 1 ปี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซีอุยก่อเหตุถึง 6 คดีในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้นหรือคดีที่ ต.ทับสะแก ซึ่งซีอุยสารภาพว่าลงมือถึง 4 ครั้ง รายแรกทำไม่สำเร็จ แต่ก็ลงมือได้ในอีก 3 รายต่อมา

ตามปกติทั่วไปเมื่อก่อเหตุครั้งแรกไม่สำเร็จ ซีอุยน่าจะหลบหนีเพราะเด็กต้องจำหน้าได้ กลับกล้าอยู่ในพื้นที่เดิมและลงมือกับเหยื่ออีก 3 รายซ้อน ฯลฯ

แม้มีการตั้งข้อสังเกตหรือข้อสงสัยมากมาย แต่อย่างไรเสียคงไม่สามารถหาข้อยุติหรือตรวจสอบให้แน่ชัดได้แต่ก็น่าสนใจว่าหลังตำรวจจับกุมซีอุยได้ คดีฆ่าผ่าท้องเด็กก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย !??

เป็นภูมิแพ้อยู่หรือเปล่า?


เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่มิ้งฟืด-ฟาดไปทั้งวัน เพราะมีน้ำมูกไหลออกมาตลอดเวลา พอนอนตื่นมาก็เจ็บคออีก อาการเหล่านี้ทำให้เป็นหวัด เจ็บคอ ได้ง่ายๆ เลยนะ เลยคิดว่าสาเหตุมันอาจมาจากภูมิแพ้ก็ได้ ก็ลองไปหาข้อมูลมาฝากหนุ่มๆ เผื่อจะมีปัญหาเหมือนกัน ^^"

โรคที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการไวผิดปกติต่อสิ่งซึ่งสามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ ซึ่งปกติสารเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้กับคนปกติทั่วไป โรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นกับทุกวัย แต่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ไม่ใช่โรคติดต่อ

อวัยวะที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้
ทางลมหายใจ ถ้าสิ่งกระตุ้นผ่านเข้ามาทางลมหายใจ ตั้งแต่รูจมูกลงไปยังปอด ก็จะทำให้เป็นหวัด คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คันคอ เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ เสียงแหบแห้งและลงไปยังหลอดลม ทำให้หลอดลมตีบตันเป็นหอบหืด
ทางผิวหนัง
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางผิวหนัง จะทำให้เกิดผื่นคัน น้ำเหลืองเสีย
ทางอาหาร
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางอาหาร จะทำให้ท้องเสีย อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด เสียไข่ขาวในเลือด อาจทำให้เกิดอาการทางระบบอื่นๆ ได้ เช่น ลมพิษ หน้าตาบวม
ทางตา
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางตา จะทำให้เกิดอาการแสบตา คันตา หนังตาบวม น้ำตาไหล

แต่วันนี้พี่มิ้งขอพูดถึงภูมิแพ้ทางลมหายใจ (เพราะดูจะพบเจอบ่อยที่สุด) สารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้นั้นมีหลายอย่าง

1.ฝุ่นบ้าน ตัวไรฝุ่นบ้าน มักปะปนอยู่ในฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 มม.มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

2.แมลงต่างๆ แมลงที่มักอาศัยอยู่ภายในบ้าน เช่น แมลงสาบ แมงมุม มด ยุง ปลวก และแมลงที่อาศัยอยู่นอกบ้าน เช่น ผึ้ง แตน ต่อ มดนานาชนิด เป็นต้น

3.เกสรดอกหญ้า ดอกไม้ ตอกข้าว วัชพืช สิ่งเหล่านี้มักปลิวอยู่ในอากาศตามกระแสลม ซึ่งสามารถพัดลอยไปได้ไกลๆ หรืออาจเป็นลักษณะขุยๆ ติดตามมุ้งลวดหน้าต่าง เกสรดอกหญ้าที่ปลิวมาตามสายลม

4.ขนสัตว์ ขนของสัตว์เลี้ยงเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ เช่น ขนแมว ขนสุนัข ขนนก ขนเป็ด ขนไก่ ขนกระต่าง ขนนกหรือขนเป็ด ขนไก่ที่ตากแห้งใช้ยัดที่นอนและหมอน สำหรับนุ่น ฟองน้ำ ยางพารา ใยมะพร้าว เมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานานก็จะสามารถเป็นสารก่อภูมิแพ้ได้เช่นกันครับ


บางคนเชื่อว่า ถ้าเด็กเป็นโรหอบหืดตั้งแต่เล็กพอโตขึ้นอาจหายไปเองได ้และไม่จำเป็นต้องรักษาอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนัก มาดูแนวทางการรักษาภูมิแพ้กันดีกว่า

- การรักษาภูมิแพ้ที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ต้องใช้การรักษาโดยรับประทานยาแก้แพ้ อาจร่วมกับการใช้ยาพ่นจมูก หรือรักษาโดยวิธีการฉีดสารก่อภูมิแพ้ โดยฉีดสารที่คนไข้แพ้ในปริมาณ และความเข้มข้นน้อยๆ จากนั้นจะเพิ่มปริมาณและความเข้มข้นขึ้น เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวและสร้างภูมิคุ้มกันต่อสิ่งนั้นๆ ได้

- ทานยาแก้แพ้ต่อเนื่องนาน ๆ มีผลต่อร่างกายหรือไม่ ยาแก้แพ้ในปัจจุบันมีผลเสียต่อร่างกายน้อยมาก อย่างไรก็ตามถ้าอาการแพ้ดีขึ้นหรือในช่วงนั้นไม่มีอาการแพ้สามารถหยุดยาได้ แต่ เมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้นอีก สามารถกลับมารับประทานยาได้อย่างเดิม

- ยาพ่นจมูกแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
ยาที่ลดการบวมของโพรงจมูก ยานี้ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพราะจะทำให้โพรงจมูกแห้งมาก อาจทำให้เลือดกำเดาไหลได้

ยาที่ช่วยลดอาการแพ้ของโพรงจมูก ซึ่งเป็นยาที่มีเสตียรอยด์ สามารถใช้ต่อเนื่องได้ในระยะเวลานาน แต่ต้องใช้ในขนาดที่แพทย์กำหนด การใช้ในเด็กควรปรึกษาแพทย์


ยาที่เป็นช่วยให้โพรงจมูกชุ่มชื้น ไม่แห้ง ยานี้ไม่มีอันตรายใดๆ สามารถใช้ต่อเนื่องได้

5 สัตว์ที่สวย แต่อันตรายถึงชีวิต!

"สวยแต่รูป จูบไม่หอม" ดูท่าทางจะเป็นคำที่เหมาะสมสำหรับ "สัตว์ 5 ชนิด" นี้จริงๆ จ้ะ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของมันสวยงามดึงดูดความสนใจต่อผู้ที่ได้พบเห็น แต่ภายในความสวยกลับซ่อนพิษร้ายที่สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้แค่เพียงเฉียดใกล้เข้าไปใกล้นนิดเดียว โดยพี่ปัดขอเริ่มต้นที่.....

- แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish) : เห็นสีสันของแมงกะพรุนชนิดนี้แล้ว ต้องขอบอกสวยมากเลย แต่น้องๆ ชาว Dek-D.com รู้กันบ้างรึเปล่าจ๊ะว่าพิษของมันก็ร้ายแรงเช่นเดียวกัน เพราะแมงกะพรุนชนิดนี้มีเขี้ยวพิษอยู่ในเซลล์จำนวนกว่าล้านเซลล์ ซึ่งผู้ที่ถูกพิศจะมีอาการช็อค และหัวใจวาย วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ ใช้น้ำส้มสายชูราดลงไปที่บริเวณที่ถูกพิษ วิธีนี้จะช่วยเบาเทาพิษได้ หลังจากนั้นรีบหาส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

- งูจงอาง (King Cobra) : งูชนิดนี้ถือว่าเป็นงูที่มีขนาดลำตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันกินงูอื่น หนู กบ และตะกวดเป็นอาหาร พิษของมันสามารถฆ่าคนตายได้ในระยะเวลาสั้นๆ รวมทั้งช้างตัวเต็มวัยที่สามารถตายได้ภายใน 3 ชั่วโมง น่ากลัวมากเลยใช่ไหมจ๊ะ ผู้ที่โดนงูจงอางกัดจะมีอาการหนังตาตก พูดและกลืนน้ำลายลำบาก แขนขาอ่อ่นแรง หายใจติดขัด และหยุดหายใจในเวลาต่อมา วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ใช้เชือกรัดเหนือบาดแผลประมาณ 5- 15 ซม. อย่ารัดแน่นจนเกินไปพอให้นิ้วมือสอดเข้าไปได้ สาเหตุที่ต้องรัดเชือกนั้นเป็นเพราะเพื่อป้องกันไม่ให้พิษของงูดูดซึมเข้าไปในท่อน้ำเหลือง และเส้นเลือดดำที่จะเข้าไปหล่อเลี้ยงหัวใจ นอกจกานี้ยังต้องให้ผู้แวยนอนอยู่นิ่งๆ และจัดท่าบาดแผลให้อยู่ต่ำกว่าระดับหัวใจ ทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำสะอาด หรือแอลกอฮอล์ และทิงเจอร์ หลังจากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาล

- หอยเต้าปูนลายหินอ่อน (Marbled Cone Snail) : ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่า หอยมรณะ เป็นหอยอีกชนิดหนึ่งที่มีสีสันสวยงาม แต่ก็อันตรายสุดๆ เพราะพิษแค่หยดเดียวของมันสามารถฆ่าคนได้มากถึง 20 คน โดยผู้ที่ถูกพิษจะมีอาการ คือ รอบแผลจะซีด บวม เขียวซ้ำ รู้สึกชารอบๆ บาดแผล หลังจากนั้นจะมีอาการบวมแดง ตาพร่ามัว คลื่นไส้ อาเจียน พูดและหายใจติดขัด เจ็บหน้าอก ทำให้หัวใจ และเสียชีวิตได้ วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นทำเช่นเดียวกับโดนงูกัด



- ปลาหมึกแหวนน้ำเงิน (Blue Ringed Octopus) : ปลาหมึกชนิดนี้นอกจากจะมีสีสันที่สวยงามแล้ว มันยังมีขนาเล็กเท่าเพียงลูกกอล์ฟเท่านั้น ผู้ที่ถูกพิษจะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บปวดเท่าไหร่ แต่พิษของมันร้ายแรงมากเพราะจะเข้าไปทำลายระบบประสาททำให้รู้สอ่อนแอ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ระบบหายใจจะล้มหลว และเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มียาแก้พิษชนิดนี้เลย

- แมงป่องเดทธ์สตอล์คเกอร์ (Death Stalker Scorpion) : ผู้ที่โดนต่อยจะมีอาการปวด ไข้ขึ้น เพราะพิษของมันจะเข้าไปทำลายระบบประสาท ในกรณีที่ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กและคนชราจะทำให้เสียชีวิตได้ เพราะมีภูมิต้านทานต่ำ ส่วนในกรณีที่เป็นผู้ใหญ่ก็จะทำให้เป็นอัมพาตได้

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

คุณรู้จัก "ส้ม" กันดีแล้วหรือยัง ? ?


คุณรู้จัก "ส้ม" กันดีแล้วหรือยัง ถ้ายังตามมาเลยค่ะ

พูดถึง "ส้ม" หลายคนบอกว่า...ฉันรู้จักดี เพราะส้มเป็นผลไม้แสนฮิต มีให้เลือกหลายชนิด ที่สำคัญส้มไม่ได้มีเพียงแค่ความอร่อย ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายด้วย

ส้มเป็นผลไม้ตระกูล Citrus ที่ให้ทั้งรสเปรี้ยวและหวาน จึงอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย ที่เด่นที่สุดคือ ให้วิตามินซีสูง นอกจากนี้ ยังมีแคลเซียม วิตามินเอ บี โปแตสเซียม แคลเซียม ใยอาหาร ฟอสฟอรัส เหล็ก ซึ่งส้มแต่ละชนิดจะให้คุณค่าทางสารอาหารไม่ต่างกันมากนัก ส่วนคุณประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น

ดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ลดความเครียด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

เลือดออกตามไรฟัน และมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในร่างกาย

ในส้มมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันการอักเสบ และเลือดจับตัวเป็นก้อน

มีคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ไม่แห้งแตก และยังช่วยสมานแผลหลังผ่าตัด แผลไฟไหม้ ให้หายเร็วและแผลเรียบเนียนขึ้น


ส้ม...ลักษณะเด่นที่แตกต่าง

ส้มในบ้านเรามีหลายชนิด ทั้งส้มให้ความเปรี้ยวและส้มให้ความหวาน แต่ละชนิดก็มีลักษณะเด่นและการนำไปใช้แตกต่างกันไป อาทิเช่น

ส้มซันคิสต์ มีรสชาติอร่อยเข้มข้น เปลือกมีกลิ่นหอม จึงนิยมนำทั้งน้ำและเปลือกมาทำขนม ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้ เค้ก หรือแยม

ส้มเขียวหวาน มีเนื้อหวานฉ่ำ เหมาะสำหรับกินสดๆ หรือคั้นดื่ม เพราะเปลือกบางทำให้คั้นได้ง่าย

ส้มจุก มีรสชาติและสีใกล้เคียงกับส้มเช้ง คือ หวานอ่อนๆ จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือคนที่ต้องการลดน้ำหนักค่ะ

ส้มโอ เป็นส้มที่สามารถนำมาทำอาหารได้ทั้งคาว เช่น ยำส้มโอ ใส่ในข้าวยำน้ำบูดู ใส่ในสลัด หรือทำอาหารหวาน เช่น ส้มโอลอยแก้ว ส่วนเปลือกของส้มโอที่มีสีขาวนุ่ม รสชาติขมๆ อยู่ติดกับเปลือก ยังสามารถนำมาเชื่อมได้อีกค่ะ

ส้มจี๊ด คนไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมกินเพราะเปรี้ยวมาก แต่คนจีนนิยมกินโดยเฉพาะนำมาคั้นทำน้ำส้ม หรือนำมาอบแห้งค่ะ

ส้มจีน เป็นส้มที่กินสด หรือนิยมนำมาไหว้เจ้าหรือไหว้บรรพบุรุษ เพราะคำว่าส้มในภาษาจีนจะฟังเหมือนคำว่าทอง และสีก็เหมือนทองด้วย จึงถือเป็นผลไม้มงคลสำหรับชาวจีนค่ะ

เลมอน เป็นส้มที่มีรสชาติคล้ายมะนาว แต่จะมีรสหวานนิดๆ ส่วนใหญ่เป็นส้มที่ชาวต่างชาตินิยมนำมาทำอาหารแทนมะนาว เพราะไม่มีมะนาว หรือนำมาทำเป็นเครื่องดื่มในฤดูร้อน เพราะต่างประเทศไม่มีมะนาวนั่นเองค่ะ

มะนาว เป็นหนึ่งในตระกูลส้มที่ให้ความเปรี้ยวมากที่สุด จึงนำมาปรุงอาหารได้สารพัด เช่น ต้มยำ ยำต่างๆ น้ำพริก รวมทั้งเป็นส่วนผสมในน้ำสลัด ฯลฯ

มะกรูด เป็นหนึ่งในตระกูลส้มชนิดเดียวที่ไม่ได้นำน้ำหรือความเปรี้ยวมาปรุงอาหาร เพราะคนส่วนใหญ่จะนำกลิ่นหอมจากเปลือกมะกรูดมาใช้มากกว่า เช่น ใส่ในแกงมัสมั่น แกงเทโพ หรือทำหน้าหมี่กรอบ ส่วนน้ำมะกรูดนำมาทำเป็นยาสระผมค่ะ


ส้ม...กินอย่างไรให้เหมาะ

ส้มไม่ได้มีประโยชน์สำหรับผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียวนะคะ เพราะส้มยังมีประโยชน์กับเจ้าตัวเล็กของคุณอีกด้วย

สำหรับพ่อแม่ที่อยากให้เจ้าตัวเล็กดื่มน้ำส้มคั้น ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าต้องให้หลัง 6 เดือน เพราะเป็นช่วงที่สามารถให้อาหารเสริมกับเจ้าตัวเล็กได้แล้ว ที่สำคัญการให้น้ำส้มกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นวัยใดก็ตามควรผสมน้ำในปริมาณครึ่งต่อครึ่ง เนื่องจากส้มจะมีรสชาติเข้มข้นการให้น้ำส้มลูกโดยไม่ผสมอะไรเลย อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบดูดซึมของลูกได้ค่ะ

พอลูกโตขึ้นจึงค่อยๆ ลดปริมาณน้ำลง จนถึงอายุ 5 ขวบ แล้วค่อยให้น้ำส้มอย่างเดียว เนื่องจากน้ำส้มมีรสหวานมาก การผสมน้ำจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เจ้าตัวเล็กไม่ติดหวานตั้งแต่ตัวน้อยๆ ค่ะ

สำหรับผู้ที่เป็นโรคไตและเบาหวาน ถ้าคิดจะกินส้ม ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าควรกินด้วยความระมัดระวัง เพราะส้มเป็นผลไม้ที่ให้โปแตสเซียมและน้ำตาลสูง จึงควรกินเป็นผลเพราะจะมีกากใยดีกว่าเป็นน้ำส้มคั้น เพราะน้ำส้มคั้น 1 แก้วต้องใช้ส้มหลายผล

ส้ม...การเลือกซื้อ

การเลือกซื้อส้มที่มีรสหวาน รสชาติอร่อยนั้น ควรเลือกที่มีผิวเรียบเนียน เปลือกบาง เช่นเดียวกับมะนาวที่ผิวเรียบเนียน เปลือกบางก็จะให้น้ำเยอะ ถ้าเป็นส้มเขียวหวานก็จะหวานมาก ยกเว้นมะกรูดค่ะ เพราะธรรมชาติของมะกรูดผิวจะขรุขระไม่เสมอกันอยู่แล้ว

ทราบคุณประโยชน์ที่แตกต่างของส้มแต่ละชนิด รวมทั้งการเลือกซื้อเพื่อให้ได้ส้มที่คุณภาพดีกันแล้ว ผลไม้ตั้งโต๊ะของครอบครัวมื้อต่อไปต้องไม่พลาดส้มแน่นอนใช่มั้ยคะ