วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทายใจจากของขวัญ

เครื่องสำอาง-น้ำหอม (สัญลักษณ์ของเสน่ห์และความปรารถนาดี)
เป็นคนที่มีรสนิยมดี มีเสน่ห์ มักชอบสร้างความประทับใจให้ผู้อื่น เข้ากับคนได้ง่าย รักสวยรักงาม ค่อนข้างสำอาง มีความหยิ่งทรนงในตนเอง ไม่ใช่คนเรียบง่ายและมักเป็นห่วงภาพลักษณ์ของตนเองเสมอ

เครื่องประดับ (ความหรูและความสำเร็จ)
ต่างหู แหวน กำไล สร้อยข้อมือ สร้อยข้อเท้า หรือจี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับชนิดใด แสดงว่าเป็นคนช่างสังเกต ช่างเลือก ช่างคิด ให้ความสนใจในการวางตัวและการสร้างภาพพจน์เป็นคนที่มีรสนิยม รักสวยรักงาม ชอบความโดดเด่น




อัลบั้มภาพ (ความทรงจำ)
เป็นคนที่ใส่ใจความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้อื่นเสมอ มีความละเอียดอ่อน แต่ไม่ใช่คนเจ้าระเบียบ เป็นคนละเอียดรอบคอบ เป็นคนให้ความใส่ใจกับคนอื่น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มักคำนึงถึงสิ่งดีๆ เป็นประโยชน์มากกว่าเรื่องไร้สาระ

เสื้อผ้า (ภาพลักษณ์)
เป็นคนมีความค่อนข้างนับถือตนเอง ชอบคิดชอบวางแผน ช่างสังเกต เป็นคนมีน้ำใจ เหมือนเป็นคนเรียบง่าย เป็นคนห่วงในเรื่องศักดิ์ศรี ชื่อเสียง




ถ้วยกาแฟ-ถ้วยชา (มิตรภาพ)
เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย ชอบความอบอุ่นความผูกพัน ถึงจะไม่ใช่คนละเอียดลึกซึ้ง แต่ก็ชอบคิดชอบฝัน รักอิสระ รักเพื่อน ชอบความเรียบง่ายมากกว่าอะไรที่เป็นทางการ หรือหลายขั้นตอน

กรอบรูป (คิดถึงและความทรงจำ)
เป็นคนที่ชอบจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านไป ค่อนข้างจะมีไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบงานศิลปะ ชอบตกแต่ง มีอารมณ์หัวแข็งบ้างบางครั้ง แต่ก็รู้จักใส่ใจคนอื่น เป็นคนอ่อนไหวแต่ไม่ใช่คนอ่อนแอ

8 สิ่งที่ "ควรทำ" ต้อนรับปีใหม่




ขอพรจากผู้ใหญ่ :: ในช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ ควรที่จะชวนครอบครัวไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่อย่างคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย และผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือนะจ๊ะ เพราะนอกจากจะได้ไปเยี่ยมเยือนพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขแล้ว ยังจะได้เป็นการขอพรปีใหม่จากพวกท่านด้วย

จัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ :: นัดแนะครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงให้พร้อม เพราะปีใหม่ปีนี้ เราจะจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์กันจ้ะ ออกแรงคนละไม้คนมือช่วยกันตกแต่งสถานที่ ทำอาหาร และอาจจะเพิ่มการจับฉลากของขวัญ หรือเกมสนุกๆ เข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มสีสันให้กับงานปาร์ตี้

จัดทริปไปเที่ยว :: ได้หยุดพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวทั้งที่ ก็ควรจัดทริปออกไปเที่ยวพักผ่อน เพื่อเป็นการชาร์ตพลังงานให้พร้อมเตรียมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีมะโรงนี้ โดยสถานที่จะไปนั้นก็เลือกเอาตามความชอบเลยจ้ะ จะขึ้นเหนือไปสัมผัสผัสลมหนาว หรือลงใต้ไปดำน้ำชมปะการังก็ได้ ขอเพียงทริปนี้ยกครอบครัวไปให้ครบทุกคนก็พอแล้วจ้ะ

ทำบุญเสริมสิริมงคล :: ถ้าคิดไม่ออกว่าปีใหม่ปีนี้จะไปไหนล่ะก็ เข้าวัดทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา หรือจะเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีก็ยิ่งดีจ้ะ ซึ่งในปัจจุบันมีวัดอยู่หลายแห่งที่จัดกิจกรรมนี้ เพื่อเป็นการเสริมสิริมงคล และเริ่มต้นสิ่งดีๆ ในปีมะโรงที่จะมาถึงนี้





จัดห้องให้สวยปิ้ง :: หลังจากที่ปล่อยให้ห้องนอนแสนรักกลายเป็นห้องที่แสนรกเหมือนรังหนูมาตลอดทั้งปี ตอนนี้ก็ถึงเวลาจัดห้อง ทำความสะอาด เคลียร์ข้าวของที่ไม่จำเป็นสักที เพื่อเป็นการฟื้นคืนห้องนอนให้กลับมาน่านอนเหมือนเดิม โดยสิ่งของที่ไม่จำเป็น อาจจะนำไปบริจาคให้กับองค์กรต่างๆ ก็ได้จ้ะ

ลืมเรื่องเก่าไปให้หมด :: ถ้าในปีเถาะ เจอเรื่องแย่ๆ มามากมาย ตอนนี้ก๊ถึงเวลา Delete เรื่องเหล่านั้นแล้วจ้ะ เพื่อที่ปีมะโรงที่จะมาถึง เราจะได้เตรียมรับแต่สิ่งดีๆ ที่เข้ามาในชีวิต

ส่งส.ค.ส.แทนความห่วงใย :: ช่วงเวลาดีๆ แบบนี้มันช่างเหมาะที่จะส่งความคิดถึง ความห่วงใย ไปถึงคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูง ดังนั้นปีใหม่ปีนี้ อย่าลืมส่งส.ค.ส. นะจ๊ะ และถ้าใครชื่นชอบเรื่องการประดิดประดอยก็ใช้โอกาสนี้แสดงฝีมือให้คนอื่นได้เห็นเลยจ้ะ

ตั้งเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ :: ปีใหม่ก็ต้องเริ่มต้นสิ่งดีๆ ใช่ไหม มาตั้งเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จในปีมะโรงนี้กันจ้ะ โดยเป้าหมายอาจจะเป็นทำเกรดเฉลี่ยสะสมให้ไม่ต่ำกว่า 3.40 หรือถ้าได้เหรียญ 10 มาก็จะหยอดใส่กระปุก เป็นต้น

ทายใจจาก...การส่องกระจก สังเกตตัวเองว่าชอบทำท่าไหนเวลาส่องกระจก

ท่าทางที่เราแสดงออกไปเมื่อยืนอยู่หน้ากระจกนั้น สามารถบ่งบอกนิสัยของเราได้ด้วย โดยถ้าแสดงสีหน้าแบบ...

ท่าทางทะเล้น :: เป็นคนขี้เล่น มีชีวิตที่สนุกสนาน สดใสตลอดเวลา มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เพื่อนฝูงมากมาย มีความห้าวหาญ ไม่กลัวใคร กล้าที่จะเผชิญกับปัญหาทุกรูปแบบ ไม่ชอบที่จะอยู่ภายใต้คำสั่งของใคร มีความเป็นตัวของตัวเองสูง

ส่งยิ้มให้กับตัวเอง :: มีนิสัยน่ารัก เป็นแม่พระในหมู่เพื่อนฝูงและคนรอบข้าง รักเพื่อน ชอบให้ความช่วยเหลือ คอยเป็นห่วงเป็นใย และพร้อมที่จะแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ให้กับคนรอบข้างอยู่เสมอ




ตีหน้าเครียด :: เป็นคนเอาการเอางาน จริงจังกับชีวิต ไม่ชอบที่จะปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ พยายามหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลา ไม่ชอบที่จะอยู่นิ่งเฉย และจะไม่ยอมทำสิ่งใดที่รู้ว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

แอบปลื้มตัวเองในกระจก :: มีอารมณ์ศิลปิน ช่างคิด ช่างฝัน ช่างจินตนาการ เป็นคนที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มีความทะเยอทะยานสูง เมื่อคิดหรือตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ก็จะมุมานะทำให้ถึงจุดหมายนั้นให้ได้

เขินอาย ไม่กล้าสบตาตัวเองในกระจก :: เป็นคนขี้อาย แต่มีความยึดมั่นในความคิดของตัวเอง มีอารมณ์สุนทรีย์ อ่อนโยน มีความเป็นตัวของตัวเอง ขยันหมั่นเพียร แต่ก็แอบมีมุมที่ดื้อซ่อนอยู่ในตัวเหมือนกัน

สำรวจตัวเองทุกกระเบียดนิ้ว :: เป็นคนรักสวยรักงาม พยายามเอาใจใส่ตัวเองให้ดูดีเสมอ รักความก้าวหน้า มีความพยายามที่จะผลักดันให้ไปถึงจุดที่สูงสุดที่ต้องการ คล่องแคล่ว ไม่ชอบที่จะอยู่ว่างเฉยๆ มักจะหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลา

25 ธ.ค. วันคริสต์มาส :)




คริสต์มาส (อังกฤษ: Christmas; อังกฤษโบราณ: Crīstesmæsse, หมายถึง "มิสซาของพระคริสต์") หรือ วันสมโภชพระคริสตสมภพ (อังกฤษ: Feast of the Nativity) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู มักจัดวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันหยุดทางศาสนาและวัฒนธรรมโดยประชากรโลกหลายพันล้านคน วันดังกล่าวเน้นปีพิธีกรรมของคริสต์ศาสนิกชนเป็นสำคัญ วันคริสต์มาสเป็นวันปิดเทศกาลเตรียมการรับเสด็จ (Advent) และวันเริ่มต้นเทศกาลพระคริสตสมภพ (Christmastide) สิบสองวัน คริสต์มาสเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศทั่วโลก และผู้ที่มิได้นับถือคริสต์เฉลิมฉลองมากขึ้น และเป็นส่วนสำคัญในคริสต์มาสและฤดูวันหยุด
วันที่พระเยซูประสูติจริง ๆ นั้น ซึ่งนักประวัติศาสตร์คะเนไว้ระหว่าง 2 ปีก่อน ค.ศ. และ ค.ศ. 7 ไม่เป็นที่ทราบ ในช่วงต้นถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 4 โบสถ์คริสต์ตะวันตกกำหนดวันคริสต์มาสครั้งแรกไว้ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งวันที่ดังกล่าวศาสนาคริสต์ทางตะวันออกได้รับไปภายหลัง มีการพัฒนาทฤษฎีเพื่ออธิบายว่าทางเลือกนั้น รวมถึงเป็นวันเก้าเดือนพอดีหลังการเฉลิมฉลองนางมารีย์รับการประสูติของพระเยซูของคริสต์ศาสนิกชน หรือถูกเลือกให้ตรงกับวันเหมายันของโรมัน หรือเทศกาลฤดูหนาวเพเกินโบราณบางอย่าง
วันการเฉลิมฉลองของศาสนาคริสต์ตะวันออกแต่เดิม คือ วันที่ 6 มกราคม โดยเชื่อมโยงกับวันฉลองการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ (Epiphany) และในปัจจุบัน วันดังกล่าวยังคงเป็นวันเฉลิมฉลองสำหรับศาสนจักรอะโพสโตลิคอาร์เมเนียและในอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จนถึง ค.ศ. 2011 ระหว่างปฏิทินเกรโกเรียนสมัยใหม่และปฏิทินจูเลียนที่เก่ากว่า มีวันที่ต่างกันอยู่ 13 วัน ผู้ที่ยังใช้ปฏิทินจูเลียนหรือเทียบเท่าต่อไปจึงเฉลิมฉลองวันที่ 25 ธันวาคมและ 6 มกราคมโดยประชากรโลกส่วนใหญ่ ในวันที่ 7 มกราคมและ 19 มกราคม ด้วยเหตุนี้ เอธิโอเปียรัสเซีย ยูเครนและมาเซโดเนียจึงเฉลิมฉลองคริสต์มาส ทั้งที่เป็นวันสมโภชของคริสต์ศาสนิกชนและที่เป็นวันหยุดราชการ ตามในปฏิทินเกรโกเรียนคือ วันที่ 7 มกราคม
ประเพณีการเฉลิมฉลองอันเป็นที่นิยมที่เหมือนกันในหลายประเทศมีการผสมผสานแนวคิดและกำเนิดก่อนคริสเตียน คริสเตียนและฆราวาส ประเพณีสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมในวันดังกล่าวมีการให้ของขวัญ เพลงคริสต์มาสและเพลงเทศกาล การแลกเปลี่ยนบัตรคริสต์มาส การตกแต่งโบสถ์ มื้อพิเศษ และการจัดแสดงการประดับตกแต่งหลายอย่าง รวมทั้งต้นคริสต์มาส แสงไฟ ฉากการประสูติของพระเยซู มาลัย พวงหรีด มิสเซิลโทและฮอลลี นอกเหนือจากนั้น บุคคลที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดและบ่อยครั้งแทนกันได้หลายคน เช่น ซานตาคลอส ฟาเธอร์คริสต์มาส นักบุญนิโคลัส และคริส คริงเกิล ตลอดจนชื่ออื่นทั้งหลาย เกี่ยวข้องกับการนำของขวัญไปให้แก่เด็กระหว่างเทศกาลคริสต์มาส และมีประเพณีและตำนานเป็นของตนเอง เพราะการให้ของขวัญและอีกหลายแง่มุมของเทศกาลคริสต์มาสที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งคริสต์ศาสนิกชนและผู้ที่มิใช่คริสต์ศาสนิกชน วันคริสต์มาสจึงเป็นเหตุการณ์สำคัญและช่วงลดราคาหลักสำหรับผู้ค้าปลีกและธุรกิจ ผลกระทบทางเศรษฐกิจของคริสต์มาสเป็นปัจจัยซึ่งเติบโตขึ้นคงที่ตลอดศตวรรษที่ผ่านมาในหลายภูมิภาคทั่วโลก

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แนะวิธีแก้เผ็ด...พริก




แนะวิธีแก้เผ็ด...พริก

ไม่ได้กำลังแนะนำให้คุณโต้ตอบใครที่เขาทำให้คุณเจ็บใจหรอกนะ แต่หมายถึงวิธีแก้ความเผ็ดเวลาที่คุณเผลอกินพริกเม็ดจิ๋ว แต่เผ็ดร้อนแรงยิ่งนักต่างหาก

ความเชื่อเก่า : ดื่มน้ำเย็นตามทันที เพื่อหวังดับความเผ็ดร้อนก่อนจะพ่นไฟเป็นมังกร

ผลที่ได้ : ไม่ได้ช่วยให้คุณหายเผ็ด แต่กลับกลายเป็นว่า การดื่มน้ำจะยิ่งไปกระจายความเผ็ดให้ทั่วปากมากขึ้นแทน

มาดูวิธีแก้เผ็ด (พริก) อย่างถูกวิธีกันดีกว่า

1. รับประทานข้าว ขนมปัง หรือจะดื่มนม จากนั้นค่อยอมลูกอมก็ได้เพราะความหวานในอาหาร เครื่องดื่ม หรือลูกอมเหล่านี้ จะช่วยดูดซับสารแคปไซซิน(Capsaicin) ที่เป็นตัวการให้เกิดความเผ็ดร้อน เมื่อลิ้นหรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไปสัมผัสเจ้าพริกเม็ดจิ๋วเข้า

2. ดื่มน้ำมะนาว หรือน้ำมะเขือเทศสด ๆ จะช่วยแก้เผ็ดได้ เพราะกรดจะไปทำปฏิกิริยากับสารดังกล่าว ซึ่งเป็นด่าง ทำให้ความเผ็ดแผลงอิทธิฤทธิ์น้อยลง

วิธี แก้ริมฝีปากดำ ปากแห้ง แตก

วิธีการแก้ไขได้ไม่ยากริมฝีปากคล้ำ




หาก สำรวจตัวเองจนได้คำตอบแล้วว่า ต้นตอของปัญหา ริมฝีปากดำคล้ำ แห้ง แตก และลอกเป็นขุย เกิดจากสาเหตุใด วิธีแก้ไขก็ไม่ใช้เรื่องยากเย็นอะไรเลย โดยปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ คือ

1. ดื่มน้ำมากๆ มากจนเพียงพอที่จะให้ความชุมชื้นถึงทุกส่วนของ ผิวหนัง รวมทั้งริมฝีปาก เพราะยิ่งอายุเพิ่มขึ้น เซลล์ในร่างกายจะเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง

2. เมื่อกินผักผลไม้เสร็จแล้ว ล้างปากให้สะอาดทุกครั้ง

3. เปลี่ยนยาสีฟันที่มีฟองมาก รสเผ็ดซ่า เป็นยี่ฮ้อที่มีฟองน้อยลง และเผ็ดน้อย หรือใช้ยาสีฟันเด็ก หรืออาจใช้วิธีทาวาสลินขาวเคลือบริมฝีปากก่อนแปรงฟัน เพื่อป้องกันฟองยาสีฟันรบกวนริมฝีปาก ถ้าไม่มีวาสลินขาวอาจใช้เบบี้ออยล์ (baby oil) แทนก็ได้

4. อย่าเลียริมฝีปากแม้ว่าจะช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื่นขึ้น (ชั่วคราว) แต่เมื่อความชื้นระเหยกลับ จะทำให้ริมฝีปากแห้งมากขึ้น

5. ทาริมฝีมากบ่อยๆ ด้วยวาสลินขาว แทนลิปกลอสหรือลิปมัน ที่แห้งหรือแข็งเกินไป หรืออาจใช้ลิปปาล์มที่มีสารจากธรรมชาติ และมีสารป้องกันแสงแดดอยู่ด้วย

ตั๋วรถเมล์ทายใจ

ทุกๆคน มีวิธีการเก็บตั๋วโดยสาร เก็บแบบไหนมาทายใจกันเลย


1. พับเป็นชิ้นเล็กๆ
2. พับเป็นนกตัวเล็กๆ
3. กำไว้ในมือ
4. เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์
5. ม้วนเป็นหลอดกลม
6. สอดไว้ในหนังสือ
7. เสียบไว้ตามเบาะรถ
8. เก็บไว้ที่แหวน หรือสายนาฬิกา



พับเป็นชิ้นเล็กๆ
ชีวิตของคุณช่างเรียบง่ายเสียเหลือเกิน ก็เพราะคุณไม่ค่อยอยากจะคิดอะไรให้มันมากมายนัก การได้ปลดปล่อยชีวิตไปเรื่อยๆ ถือเป็นความสุข เป็นคนมองโลกในแง่ดีและเกลียดคำว่าศัตรู แต่รักคำว่ามิตรภาพมากที่สุด

พับเป็นนก
โดยส่วนตัวแล้วคุณเปิดเผย แต่ก็มีบางครั้งที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองมากไปสักหน่อย ไม่ค่อยจะสนใจคนรอบข้างมากนัก บางครั้งไม่สนใจว่าสิ่งที่คุณกระทำจะกระทบกับใครบ้าง

กำไว้ในมือ
ความซื่อสัตย์คือหัวใจของคุณ คุณไม่ชอบก่อความเดือนร้อนให้ผู้อื่นและยังชอบทำอะไรด้วยตัวเองเสมอๆ อาศัยความเคยชินและความชำนาญเป็นที่ตั้ง ซึ่งบางสิ่งที่คุณทำก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าทำไม

เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์
คุณเป็นคนชอบเข้าสังคม มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมากๆ เข้ากับคนง่าย ชอบทำอะไรเป็นระเบียบ ที่สำคัญคุณเป็นคนที่น่าคบมากทีเดียว เพราะความที่คุณชอบที่จะให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆ อยู่เสมอ

ม้วนเป็นหลอดกลม
คุณเป็นคนมีจินตนาการสูงส่ง ช่างคิดช่างฝัน มีความโรแมนติกในเรื่องความรักมาก บางครั้งดูเหมือนจะเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว แต่เพราะคำว่าการให้อภัยมันมีค่ามาก คุณจึงไม่เคยคิดจะทำอะไรให้ใครต้องเดือนร้อน

สอดไว้ในหนังสือ
เป็นคนใจร้อนและอารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ ไม่ค่อยละเอียดรอบคอบ หลงเชื่อคนอื่นง่าย แบบนี้ต้องรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนรอบข้างแล้วนะ ที่สำคัญเพื่อตัวคุณเอง

เสียบไว้ตามเบาะรถ
คุณเป็นคนที่ไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกใครๆ มักจะทำอะไรตามความรู้สึกของตัวเองอยู่บ่อยๆ เพราะคุณยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ แต่ในส่วนลึกๆ แล้วคุณช่างเป็นคนขี้เหงามากๆ คุณอยากได้ความรัก ความสนใจจากคนรอบข้างมากๆ

เก็บไว้ที่แหวน หรือสายนาฬิกา
คุณสนใจเรื่องของคนอื่น เป็นคนที่เก็บความลับไม่อยู่ เพราะความที่คุณเป็นคนที่เปิดเผย ตรงไปตรงมา แต่ข้อดีของคุณคือชอบช่วยเหลือคนอื่น ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะช่วยได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิธีการสร้างสมาธิแบบเดิมๆ เช่น การนั่งสมาธิ การฟังเพลง น้องๆ อาจจะรู้อยู่แล้ว ดังนั้น เคล็ดลับของพี่มิ้นท์วันนี้ จึงเอาวิธีสร้างสมาธิด้วยสารพัดกลิ่นมาบอกต่อน้องๆ รับรองว่าเจ๋งจริงอะไรจริง สมาธิบรรเจิด แถมได้อยู่กับกลิ่นหอมๆ ด้วย โรแมนติกได้อีกอะ^^

ในทางตรงกันข้าม บางกลิ่นที่หอมๆ ก็ประโยชน์ต่อร่างกาย สรรพคุณของมัน จะช่วยสร้างสมาธิ ทำให้สมองผ่อนคลาย รู้สึกมีความสุข เจ้าสิ่งพวกนี้ คือ น้ำมันหอมระเหยนั่นเอง และพี่มิ้นท์ ก็กำลังจะพาน้องๆ มารู้จักกับ "กลิ่น" ที่มีพลังวิเศษ ช่วยให้ผ่อนคลาย อ่านหนังสือรู้เรื่องอย่างไม่รู้ตัว

"กลิ่น" ไหนบ้าง ที่มีประโยชน์

1) กลิ่นลาเวนเดอร์ ช่วยลดความเครียด ลดอาการปวดหัว ถ้าอ่านหนังสือแล้วรู้สึกมึนๆ ปวดหัว ก็ลองหากลิ่นนี้มาใช้ดู เพราะคุณสมบัติของกลิ่นนี้จะกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาท สามารถลดความกังวลและความตื่นเต้นได้ จะรู้สึกสงบลง ถ้าจะออกไปรายงานหน้าห้อง ลองพกกลิ่นนี้ไว้ด้วยก็ได้นะ เผื่อจะหายตื่นเต้น ฮ่าๆ แต่อย่าเผลอเอายากันยุง กลิ่นลาเวนเดอร์มาจุดล่ะ อันนี้น่าจะมึนหัวกว่าเดิม





2) กลิ่นโรสแมรี่ ช่วยให้สดชื่น แจ่มใส แก้ง่วง ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนเลือดในสมองดีขึ้น เป็นประโยชน์โดยตรงสำหรับสมอง ที่จะทำให้รับรู้และจดจำแม่นขึ้น อยากสร้างสมาธิให้จำแม่นขึ้น ต้องลองหากินนี้มาใช้นะ
3) กลิ่นซีตรัส แบบอ่อนๆ เช่น กลิ่นมะนาว เลมอน หรือกลิ่นพวกเกรปฟรุตต่างๆ จะให้ความรู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง เพราะลักษณะของกลิ่นจะให้ความรู้สึกสะอาด ๆ สร้างสมาธิได้ดีเหมือนกัน นอกจากนี้ยังคลายเครียดได้อีกด้วย
4) กลิ่นมินต์ (ไม่ใช่กลิ่นพี่มิ้นท์นะ อิอิ) ช่วยให้รู้สึกมีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า อยากอ่านหนังสือ เพราะโมเลกุลของมินต์มีผลต่อการสื่อสารของเซลล์ประสาท จึงเพิ่มพลังสมองได้ และยังมีสรรพคุณคล้ายๆ โรสแมรี่ คือช่วยให้ความจำดีขึ้นได้ด้วย
5) กลิ่นคาโมมายล์ ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง แจ่มใส มีสมาธิ ลดความเครียดได้เหมือนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สุขภาพดีง่ายๆด้วยการกิน

การรักษาสุขภาพ และการเอาใจใส่เรื่องการบริโภค ไม่เพียงแต่ทำให้รูปร่างดีเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ทำให้คุณเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างง่ายดาย และยังทำให้คุณห่างไกลจากโรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน ทั้งนี้การป่วยด้วยโรคต่างๆ มีส่วนมาจากการเลือกรับประทานอาหารด้วยเช่นกัน นอกจากนี้หากมีการออกกำลังควบคู่ไปด้วยยิ่งส่งผลให้ทั้งสุขภาพและรูปร่างของ คุณดูดีอยู่เสมอ

นี่คือหลักการง่ายๆของการรับประทานอาหารเพื่อการมีสุขภาพที่ดี

พึงระวังโรคที่มากับความเค็ม
การ บริโภคเกลือมากเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการอาจทำก่อให้เกิดโรคหัวใจ รวมถึงภาวะอุดตันของเส้นเลือด ด้านองค์การอาหารแนะนำว่า ร่างกายต้องการปริมาณเกลือในแต่ละวันเพียง 6 กรัมเท่านั้น ดังนั้นจึงพึงระวังโรคร้ายที่แฝงมากับเกลือจากผลิตภัณฑ์ของอาหารในรูปแบบ ต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ร่างกายได้รับเกลือมากเกินความต้องการ

ทั้งนี้ การชิมอาหารก่อนการเติมเครื่องปรุงเพิ่มนั้น อาจทำให้คุณไม่ปรารถนาที่จะเติมเกลือเพิ่มลงไป หรือไม่อย่างนั้นคุณอาจใช้เครื่องปรุงสมุนไพรให้มีรสชาติจัดจ้านแทน

ระวังโรคอ้วนจู่โจม
หาก คุณเป็นคนที่มีรูปร่างอ้วนมากเกินไป จากการเลือกรับประทานแต่อาหารที่มีไขมันสูงนั้น อาจส่งผลให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด และเป็นโรคหัวใจได้เช่นกัน อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพนั้น มักพบในอาหารจำพวก พาย พาสทรีส์ บิสกิต ดังนั้นทางที่ดี จึงควรเลือกบริโภคอาหารที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันตับปลา ถั่ว หรือ อโวคาโด อาหารเหล่านี้ สามารถลดปริมาณไขมันในเส้นเลือดได้
การเลือกรับประทานอาหารช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้ดีได้
การ รับประทานผัก และ ผลไม้ ให้ติดจนเป็นนิสัยทุกวัน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากจะทำให้คุณได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลาย การรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณ 80 กรัมต่อวันนั้นยิ่งส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน อย่างเช่น ทานองุ่นวันละ 1 กำมือ พริกวันละครึ่งเม็ด หรือลูกพลัมขนาดกลางอีกวันละ 2 ผล ควรพยายามทานผัก ผลไม้ทุกวัน และทุกมื้อ

เริ่มจากแครอทและมันเทศ เต็ม ไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งนี้การเพิ่มรสชาติด้วยพริกไทยดำ หรือเนยอีกเพียงเล็กน้อย สามารถทานคู่กับไส้กรอก หรือเนื้อได้อร่อยอย่างน่ามหัศจรรย์

อโวคาโด ถึงแม้จะเป็นผลไม้ที่มีไขมันมากที่สุด แต่สามารถทานได้เป็นประจำทุกวัน เนื่องจากไขมันของอโวคาโด เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และสามารถลดไขมันในเส้นเลือดได้ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินอี วิตามินบี6 และแร่ธาตุ

ผักโขม นับเป็นแหล่งรวมวิตามินซี ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรคต่างๆ ตั้งแต่โรคเหน็บชาไปจนถึงโรคเกี่ยวกับสมอง
นอก จากผักจะเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหารแล้ว ผักยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเพิ่มรสชาติให้กับอาหารอีกด้วย ดังนั้น ในการรับประทานอาหารทุกมื้อ จึงไม่ควรมองข้มที่จะใส่ผักลงไปในอาหารทุกจาน ทั้งในอาหารจำพวกพาสต้า สตูว์ หรือแกงกะหรี่ เพิ่ม ถั่ว ข้าวโพดอ่อน หรือแครอท ลงในพาย เติมสัปปะรด พริกไทย ในพิซซ่า รวมถึงใส่เห็ดลงในลาซาญญ่า และคาเนลโลนี เพื่อช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับอาหารและทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีโดยไม่รู้ตัวอีก ด้วย...

ที่มา hellomagazine.com

doppelganger…ภูตเงา หรือ ผีคนเป็น


ดอพเพลแกงเกอร์ (เยอรมัน: doppelganger) เป็นความเชื่อ โดย doppel มีความหมายเดียวกับคำว่า double ในภาษาอังกฤษหรือแปลได้ว่า “ซ้ำสอง” ส่วนคำว่า g?nger หมายถึง “goer” มีคำเรียกอีกอย่างว่า evil twin (แฝดปีศาจ) หรือ bilocation (การปรากฏตนในสองสถานที่) ซึ่งมีที่มาจากเรื่องเล่าขานพื้นบ้านของเยอรมัน

นิยามกว้าง ๆ ของดอพเพลแกงเกอร์ กล่าวถึงปรากฏการณ์ที่มีการพบเห็นบุคคลหนึ่งผู้ในเวลาเดียวกันแต่ต่างสถานที่ ศัพท์นี้ได้ถูกนำมาใช้มากที่สุดกับกรณีของฝาแฝดผู้ชั่วร้าย ซึ่งปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปในวรรณกรรมและภาพยนตร์แนวลึกลับต่างๆ โดยทั่วไปแล้วดอพเพลแกงเกอร์ถูกถือเป็นสัญญาณแห่งความโชคร้าย ความเจ็บป่วยหรือภยันตรายจะเกิดขึ้นหากเพื่อนฝูงหรือเครือญาติได้พบเห็น ในขณะที่การพบเห็นดอพเพลแกงเกอร์ของตนจะนำมาซึ่งความตาย ถึงกระนั้น รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ที่ว่านี้นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นไปในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงดังกล่าว เนื่องจากเรื่องราวและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับคำนี้มีขอบเขตที่กว้างกว่านั้นมาก

ดอพเพลแกงเกอร์ เป็นคำที่ใช้เรียกกรณีที่มนุษย์คนหนึ่งได้ปรากฏตัวตนเพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกคนหนึ่ง ซึ่งจะมีลักษณะภายนอกเหมือนกันทุกประการ

ตามเรื่องราวที่เล่าขานกันมาดอพเพลแกงเกอร์นั้นจะไม่มีเงาของตัวเอง รวมทั้งไม่มีภาพสะท้อนบนกระจกหรือผิวน้ำ มันอาจจะให้คำแนะนำอะไรบางอย่างกับบุคคลต้นแบบของมันด้วยเจตนาร้าย ซึ่งยุแยงให้เกิดความเข้าใจผิดต่าง ๆ หรืออาจจะปรากฏตัวต่อหน้าญาติมิตรเพื่อทำให้เกิดความสับสน และมันอาจจะปรากฏตัวในลักษณะที่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ยามที่บุคคลต้นแบบของมันเจ็บไข้ได้ป่วย

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าปรากฏการณ์ดอพเพลแกงเกอร์นั้นเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใด ความเชื่อบางประเภทนั้นยึดหลักที่ว่า มนุษย์ทุกคนบนโลกจะมีฝาแฝดของตนอยู่ หากบุคคลนั้นเป็นคนดี ฝาแฝดก็จะชั่วร้าย หากบุคคลนั้นเป็นคนชั่วร้าย ฝาแฝดก็จะเป็นไปในทางกลับกัน และการที่ฝาแฝดทั้งสองมาพบกันนั้นก็จะยังผลให้ทั้งคู่ต้องพบกับจุดจบของชีวิต บ้างก็เชื่อว่าดอพเพลแกงเกอร์เป็นภูตผีปีศาจในรูปแบบหนึ่งที่จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อบ่งบอกถึงลางร้าย หากพวกมันไม่ได้ นำพามาซึ่งลางร้ายเสียเอง นอกเหนือไปจากนี้แล้ว บุคคลบางกลุ่มมีความเห็นเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ว่านี้ว่า น่าจะเป็นรูปแบบหนึ่งของการใช้พลังจิตที่มีชื่อเรียกว่า “Out-of-Body Experience” หรือ “Astral Projection” ในกรณีนี้ มีการกล่าวอ้างว่ามีหลายคนพบเห็นพราหมณ์บางคนหลายสถานที่ในเวลาเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่พราหมณ์ผู้นั้นกำลังนอนอยู่

บางความเชื่อก็ว่าดอพเพลแกงเกอร์นั้นจะยืนอยู่หลังเจ้าของตลอดเวลา มีความว่องไวในการหลบหลีกสูงจนแม้หากหันหน้าเร็วยังไงก็ไม่ทันมัน นอกจากนี้มันยังเลียนแบบทำทุกอย่างตามเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสีหน้า การเลียนเสียงซึ่งมันจะพูดออกมาพร้อมกับเจ้าของเอง เสียงของมันคล้ายกับเจ้าของจนดูดกลืนเข้าไปด้วยกัน

ชาวต่างชาติบางกลุ่มเชื่อว่าดอพเพลแกงเกอร์ คือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาเพื่อคอยช่วยเหลือมนุษย์เราไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไป เพราะมันจะรับฟังสิ่งที่เราพูดทุกอย่าง แม้แต่สิ่งที่ผู้อื่นไม่อยากฟัง และตอบคำถามที่ใคร ๆ ไม่สนใจจะตอบโดยการสร้างรอยพิมพ์คำตอบเหล่านั้นขึ้นมาในจิตใต้สำนึกของเรา ในบางครั้งก็ช่วยเหลือเราด้วย เช่น เมื่อถึงคราวคับขัน เรามักจะรอดตายอย่างหวุดหวิดแบบฉิวเฉียด ทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม นั่นเป็นเพราะเจ้าดอพเพลแกงเกอร์ พุ่งออกมาเร็วกว่าและหยุดยั้งเราเอาไว้ได้

สุนัขและแมว สามารถเห็นเงาดอพเพลแกงเกอร์ของเราได้ ด้วยเหตุนี้แมวจึงมักจะมองข้ามไหล่ของเข้าของ ราวกับว่ามีใครหรืออะไรอยู่ตรงนั้น และบางทีสุนัขก็มักจะลุกขึ้นมาเห่าตามหลังเจ้าของตัวเอง นั่นก็เป็นเพราะมันเห็นสิ่งแปลกปลอมนั่นเอง สำหรับคนหนุ่มสาวแล้วเรื่องดอพเพลแกงเกอร์ อาจจะฟังดูไม่เข้าท่า แต่บางครั้งคนเฒ่าคนแก่ก็นั่งคุยคนเดียวได้เป็นตุเป็นตะได้ทั้งวัน เหมือนพวกเขากำลังคุยอยู่กับใครบางคน

ข้างต้นดูเหมือนว่าดอพเพลแกงเกอร์ จะเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ แต่ก็มีความเชื่อหลายอย่างที่นับว่าน่ากลัวทีเดียว นั่นคือ หากดอพเพลแกงเกอร์ได้รับแรงกระทบจากความอาฆาตแค้นและความพยาบาทจากเจ้าของ มันจะทอดทิ้งร่างไปชั่วคราวเพื่อทำการแก้แค้นด้วยตัวของมันเอง เช่นก่อดคีเลวร้ายต่าง ๆ ในรูปลักษณ์ของเรา ทั้งที่เราก็อยู่เฉย ๆ และอาจจะแย่ยิ่งกว่านั้น หากมันไม่ไปก่อเรื่องด้วยตัวเอง แต่กลับยืมมือเจ้าของมาทำเสียเอง โดยบังคับให้เราคิด หรือทำ อย่างที่มันต้องการ โดยผิดวิสัยความเป็นตัวเราอย่างสิ้นเชิง…

สรุป ดอพเพลแกงเกอร์ คือ ความเชื่อที่ว่า คนเรามีเงา หรือ ตัวตน ของเราในอีกรูปแบบหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกัน แต่อาจมีนิสัยที่ตรงข้ามกัน อาจปรากฏตัวตามที่ต่าง ๆ พร้อม ๆ กับเรา และทำพฤติกรรมต่าง ๆ ในนามของเรา บ้างก็เชื่อว่าเป็นผู้คอยช่วยเหลือเจ้าของร่าง บ้างก็เชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุร้าย แต่โดยทั่วไปเชื่อว่า หากดอพเพลแกงเกอร์ของบุคคลใด ๆ ถูกพบเห็น จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับบุคคลนั้นถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว

ตัวอย่าง ปรากฏการณ์ดอพเพลแกงเกอร์จากทั่วโลก

หญิงสาวชาวโปรตุเกสคนหนึ่งเล่าว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่เธอกำลังขนของย้ายบ้าน เธอได้เห็นพี่ชายของเธอมาช่วยขนของ ซึ่งในเวลานั้นพี่ชายของเธอไปรบ จึงน่าจะอยู่ที่สนามรบ หลังจากที่ขนของย้ายบ้านเสร็จ พี่ชายของเธอก็หายตัวไป และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีนายทหารมาแจ้งข่าวให้เธอทราบว่า พี่ชายของเธอได้เสียชีวิตในสนามรบเสียแล้ว

ที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า เขาได้เห็นตัวเองในสวนสาธารณะ ซึ่งเขาคิดว่าคงเป็นคนที่หน้าตาเหมือนกัน จึงไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก และในตอนเย็นวันเดียวกันนั้นเอง เขาได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง แต่เขารอดชีวิตมาได้ ถึงกระนั้นก็ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายเดือนทีเดียว

ชายอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ขณะที่เขาเที่ยวอยู่ที่ตุรกี เขาได้เห็นเพื่อนของเขาเดินเข้าไปในโบสถ์ที่เคยมาเที่ยวด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่เพื่อนของเขานอนป่วยและรักษาตัวอยู่ที่ประเทศเยอรมัน

ว่ากันว่า คนที่ได้เห็น ดอพเพลแกงเกอร์ของตนเอง ร่างกายจะค่อย ๆ ทรุดโทรมลงและพบกับความตายภายใน 1 ปี...



อ้างอิงจาก : http://th.wikipedia.org/wiki
ขอขอบคุณ : http://lonesomebabe.spaces.live.com

ขอบคุณที่รับชมค่ะ^^~



Credit : Indepencil.com

เคล็ดลับบำรุงสมองให้จำแม่นขึ้น


ในช่วงนี้น้องๆหลายๆคนกำลังเข้าสู่การเตรียมตัวสอบFinal หรือเตรียมตัวสอบเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัย ปุ๋มปิ๋มจะมาเผยเคล็ดลับในการบำรุงสมองที่ช่วยในส่วนของการจำรายละเอียดต่างๆให้ดีขึ้น ด้วยการ กิน!! อาหารที่มีประโยชน์และที่อาหารที่สมองต้องการ มีดังนี้

ก่อนอื่นเราต้องรู้กันก่อนว่าสมองต้องการสารอาหารอะไรบ้างที่ช่วยในการจำ!!

+ วิตามินบี ได้แก่ วิตามินบี1 บี2 บี6 บี12 ไนอะซิน แพนโธทีนิคและกรดโฟลิค เป็นกลุ่มของวิตามินที่มีความจำเป็นต่อเส้นประสาทป้องกันสมองเสื่อม ความจำเลอะเลือน และความสมบูรณ์ของอวัยวะ ต่าง ๆ

- วิตามิน B1 มีมากในเมล็ดข้าวต่าง ๆ ที่ไม่ได้ขัดให้ขาว เช่น ข้าวซ้อมมือ หรือข้าวแดง ข้าวโอ๊ต เนื้อหมู ตับ ถั่ว รำข้าว และยีสต์ที่ตายแล้ว

- วิตามิน B2 พบในอาหารประเภท เครื่องใน เช่น ตับ ไต (เซี่ยงจี๊) น้ำนม และนมเปรี้ยว (โยเกิร์ต) ผักใบเขียว และ ปลา

- วิตามิน B6 มีในปลา เป็ด ไก่ เนื้อสัตว์ กล้วย ลูกพรุน ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืชไม่ขัดขาว อะโวคาโด ข้าวโพด

- วิตามิน B12 มีอยู่ในเนื้อสัตว์ต่างๆ อาหารทะเล นมและผลิตภัณฑ์จากนม เนยแข็ง

- ไนอะซิน หรือ กรดนิโคตินิก หรือเรียกอีกอย่างว่า วิตามินB3 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ มีสภาพคงทนกว่าวิตามินบี 1 และ บี 2 หลายเท่าตัว มีความทนทานต่อความร้อน แสงสว่าง กรด ด่าง ไนอาซินเป็นวิตามินตัวเดียวที่ร่างกายสังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโน พบมากในเนื้อสัตว์ เนื้อปลา เป็ด ไก่ ถั่ว เครื่องในสัตว์ มันฝรั่ง ธัญพืช นม ยีสต์ ไข่ ผักสีเขียว

- แพนโธทีนิค หรือ วิตมินB5 ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน รักษาระดับพลังงาน และลดความเครียด พบมาใน นมผึ้ง บริเวอรส์ยีสต์ ตับและไต นัต ธัญพืชไม่ขัดขาวและไข่

- กรดโฟลิก มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์ใหม่ ๆ ช่วยให้โครงสร้างสมองสมบูรณ์ ช่วยในการดูดซึมน้ำตาลและโปรตีน และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือด มีมากในผักใบเขียวจัด เช่น ผักโขม บล็อกโคลี่ เห็ด ตับ ถั่วที่มีสีเขียว มันฝรั่ง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลมีล ส้ม ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง ตับ นม ไข่ โยเกิร์ต

+ ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง การขาดธาตุเหล็กจะทำให้สมาธิสั้น ไอคิวลดลง
การเสริมธาตุเหล็กสำหรับผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้าย ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์
ใช้ความคิด เพิ่มทักษะในการใช้คำพูด อาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่ เนื้อสัตว์ ตับ เครื่องใน อาหารทะเล

โคลีน เป็นองค์ประกอบที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมองและสารเคมีในเซลล์สมองที่ชื่อว่า อะเซทิลโคลีน ซึ่งควบคุมความจำ อาหารที่มีโคลีนสูง คือ ไข่แดง ตับ ถั่วลิสง เนยถั่ว บรูเออส์ยีส ส่วนที่มีในปริมาณเล็กน้อยได้แก่ มันฝรั่ง มะเขือเทศ ขนมปังโฮลวีท นม ส้ม ดอกกะหล่ำ และแตงกวา

สารแอนตี้ออกซิแดนท์ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม พืชที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระได้แก่ สารโอพีซีสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากใบแปะก้วย กรดไลโปอิคและสารฟลาโวนอยด์ในผัก ผลไม้ เช่น องุ่น ผลไม้ประเภทเบอร์รี ชาเขียว

** มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พบว่า ผู้ที่บริโภควิตามินซีสูงมีผลการทดสอบด้านสมาธิ ความจำ และการคำนวณดีที่สุด

น้ำมันปลา หรือโอเมก้า 3 ช่วยป้องกันความจำเสื่อม ปลาที่มีโอเมก้า 3 มาก ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาค้อด ปลาซาร์ดีน และปลาแมคคอเรล **ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารแนะนำให้บริโภคเนื้อปลาสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

ถ้ารู้กันเช่นนี้เราควรหาวิธีที่ช่วยบำรุงสมองที่เหนื่อยล้ากลับมาเฟรซอีกครั้งด้วยอาหารที่มีคุณประโยชน์ดีๆเหล่านี้กันนะคะ และสำหรับคนที่ไม่มีเวลาหรือเร่งรีบจริงๆ เราก็สามารถหา เครื่องดื่มบำรุงสมอง ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดมาดื่มในช่วงเช้าก่อนทานอาหารเช้าทุกวันนะคะ และที่สำคัญที่สุด การพักผ่อนนอบหลับเป็นวิธีบำรุงสมองชั้นเยี่ยมเลยทีเดียวจ๊า ^^

Credit http://www.thoondd.com/content.php?id=952

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กินขนมหวาน ทำให้เป็นสิวได้หรือไม่


มีรายงานว่าไม่พบสิวในคนบางกลุ่มซึ่งกินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ จึงมีการตั้งทฤษฎีการได้รับน้ำตาลน้อยว่า เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลน้อยระดับอินซูลินในเลือดจะต่ำ และภาวะน้ำตาลน้อยยับยั้งการผลิตแอนโดรเจน

ส่วนอาหารที่มีน้ำตาลสูงทำให้มีอินซูลินในเลือดสูงขึ้น ซึ่งภาวะนี้นำไปสู่การมี insulin-like growth factor 1 (IGF-1) ในเลือดสูงขึ้น ซึ่งพบว่า IGF-1 ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วและหนาตัวขึ้น จึงทำให้เกิดก้อนไขมันอุดตันในรูขุมขนและเกิดสิวตามมา นอกจากนั้น IGF-1 และอินซูลิน ยังกระตุ้นการผลิตแอนโดรเจน ที่ทราบกันดีว่าเป็นตัวเพิ่มการผลิตไขมัน

มีการศึกษาทำในผู้ชายอายุ 15-25 ปีที่เป็นสิวจำนวน 43 ราย แบ่งผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ให้กินอาหารตามปกติ กลุ่มที่ 2 ให้กินอาหารที่ให้น้ำตาลต่ำ เป็นเวลาต่อเนื่องกันนาน 12 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่ได้อาหารที่ให้น้ำตาลต่ำผู้ป่วยมีน้ำหนักลดลง และปริมาณสิวลดลงโดยการนับจำนวนสิวทั้งหมด ปัจจุบันจึงเชื่อว่าการกินขนมหวานที่มีน้ำตาลสูงน่าจะกระตุ้นให้สิวกำเริบ ได้จริง

ถูกผีอำ' อยากรู้ว่าผีอำเกิดจากอะไร ไม่ได้เป็นผีจริงๆ ใช่ไหมคะ


ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ไขข้อสงสัยในวิทยาศาสตร์รอบตัว จากเว็บไซต์ สสวท. ว่า ความจริงแล้วอาการผีอำ คือ ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้าโดยเฉพาะหลังจากทำงานหรือดูหนังสือ แม้กระทั่งดูโทรทัศน์ เมื่อเข้านอนด้วยความล้า และเกิดการประสานกันระหว่างสารเคมีกับสภาพชีวเคมีของร่างกาย ทำให้เกิดอาการทั้งกดทั้งค้าง ทำให้เราขยับเขยื้อนไม่ไหว ในขณะนั้นความจริงแล้วกำลังตื่นอยู่ สมองทำงานได้ แต่ร่างกายเราขยับเขยื้อนไม่ไหว เหมือนมีคนมาจับเราอยู่ จึงคิดเลยเถิดว่ามีผีมาจับตัวเรา

น.พ.เทอดศักดิ์ เดชคง นายแพทย์เชี่ยวชาญ กลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เขียนไว้ในเว็บไซต์ หมอชาวบ้าน ว่าผีอำเป็นปัญหาในการนอน เกิดอาการในสภาวะคล้ายๆ กับการฝัน ขณะที่ถูกผีอำคนๆ นั้นจะอยู่ในสภาวะที่ขยับตัวไม่ได้

สภาวะการหลับมี 2 ระยะ คือ non-REM เป็นช่วงที่หลับ แต่ตาไม่ได้กลอกไปมา ยังพอมีกำลังขยับตัวได้ พลิกตัวได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเราจะลุกขึ้นมาได้ แต่ในภาวะหลับตาแบบตากระตุก หรือ REM sleep จะมีการฝัน กล้ามเนื้อต่างๆ จะผ่อนคลายหมด ขยับตัวไม่ได้ยกเว้นต้องตื่นในช่วงเวลาเอง ถ้ามีสิ่งเร้าอะไรที่มาทำให้เราไม่สบาย เช่น อาจจะมีหมอนข้างมาวางอยู่บนตัวหรือขา หรืออาจจะนอนในท่าที่ไม่สบาย อยากจะออกจากสถานการณ์นั้น แต่ว่าทำไม่ได้เพราะกล้ามเนื้อมันคลายไปหมดแล้ว ก็จะเป็นสภาวะที่รู้สึกเหมือนกับว่าใครมากดทับ สักพักหนึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง

คนที่มีอาการ 'ผีอำ' ไม่ได้เป็นความผิดปกติทางจิตใจ แต่เป็นสิ่งที่บ่งบอกในเบื้องต้นว่าเริ่มมีภาวะความเครียด ซึ่งไม่ได้เกิดอาการนี้ทุกๆ วัน ยกเว้นบางคนที่เป็นมาก แสดงว่าปัญหาเยอะ แล้วมักจะเก็บไปฝัน ถ้าตื่นขึ้นมานิดหนึ่งก็จะรู้สึกว่าขยับตัวไม่ได้ ตกอยู่ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น

วิธีการจัดการเมื่อถูกผีอำ คือ ผ่อนคลายความเครียดก่อนนอนสัก 1-2 ชั่วโมง อย่าไปทำอะไรที่ตื่นเต้น เช่น ดูโทรทัศน์ เล่นเกม อาจจะผ่อนคลายก่อนนอนด้วยการอาบน้ำอุ่น หรือดื่มนมอุ่นๆ โดยเฉพาะนมถั่วเหลือง จะทำให้หลับสบายขึ้น หรืออาจจะใช้วิธีสะกดจิตเข้าช่วยโดยการโปรแกรมจิตใหม่

รายที่อาการมากๆ แพทย์จะจ่ายยาคลายเครียดหรือยาต้านเศร้า จะทำให้หลับสนิทขึ้นโดยไม่ฝันมากนัก เพราะคนที่ผีอำจะฝันปนอยู่ด้วย เมื่อฝันน้อยลงจะลดอาการผีอำได้

หลักง่ายๆ เวลาโดนผีอำให้นอนเฉยๆ สักพักอาการจะหายไปเอง

ผู้ใหญ่มักจะเตือนว่าอย่านอนตอนโพล้เพล้เพราะจะถูกผีอำ น.พ.เทอดศักดิ์บอกว่าในทางวิทยาศาสตร์เวลาเย็นๆ หรือโพล้เพล้เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของแสง การเปลี่ยนแปลงของแสงนั้นเป็นสิ่งแวดล้อมอย่างหนึ่งที่ทำให้มีปัญหาในการนอน ถ้าเรานอนตอนกลางคืนหรือกลางวันไปเลยจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้านอนช่วงโพล้เพล้อาจจะหลับไม่สบาย หลับไม่สนิท

ผีอำ จึงไม่ใช่ผีเข้า อย่างที่เข้าใจผิดกันมา และสามารถแก้ไขได้โดยทำใจให้สบายก่อนนอน

รู้ไปโม้ด - nachart@yahoo.com

เคล็ดลับ วิธีแก้นิสัยขี้ลืม ด้วยตัวเอง แบบง่าย


ตั้งสมาธิ สาเหตุ หนึ่งที่ทำให้หลงลืมบ่อยเพราะไม่มีสมาธิ หรือมีสารพัดเรื่องเข้ามาแทรกแซงอยู่ตลอดเวลา อย่าให้มีอะไรมากวนสมาธิบ่อยนัก จัดเวลาช่วงหนึ่งงดรับโทรศัพท์และติดป้ายห้ามรบกวนไว้ที่โต๊ะ หาเวลานั่งเงียบๆ หลับตา หายใจเข้าช้าๆ เพื่อให้เกิดความสงบ




จดโน้ต ถ้าทำงานที่มีความซับซ้อนหรือมีหลายงาน ควรรีบโน้ตสั้นๆ ว่าจะทำอะไรต่อไป ส่วนที่ชอบลืมแล้วลืมอีกควรจดโน๊ตต่างๆ เพื่อช่วยเตือนความจำอีกที




ใส่ใจ การ ที่คนเราลืมอะไรบ่อยๆ อาจะเป็นเพราะไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนั้น ถ้าใครพูดอะไรด้วยแล้วลืม หรือจำชื่อคนไม่ค่อยได้ ลองหันมาสนใจตั้งใจฟังสักนิด ก็จะช่วยให้จำได้ดีขึ้น




ท่องจำ การท่องเป็นวิธีช่วยจำที่ตรงไปตรงมาที่สุด เด็กนักเรียนจำคำศัพท์ต่างๆ ได้ดีขึ้น เพราะท่องจำเนี่ยแหละ ถ้าหมั่นท่องสิ่งที่ต้องทำบ่อยๆ ได้จากการฟัง ได้ดีขึ้น


พูดออกเสียง เคยสังเกตไหมว่าเราสามารถจดจำเรื่องต่างๆ ได้จากการฟัง การพูด ออกมาทำให้เราได้ยินเสียงของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้จำง่ายขึ้น


พูดคุยหรือเล่าให้คนอื่นฟัง ก็เป็นการช่วยจำทางหนึ่ง และการเล่าให้คนอื่นฟังรู้เรื่อง ตัวเราเองต้องเข้าใจเรื่องนั้นอย่างดีและจำได้ดี ถ้าอยากจำเรื่องที่ประชุม สัมมนา หรืออบรมได้ดีขึ้นลองพูดคุยหรือเล่าให้เพื่อนฟัง


ทำ mind mapping ถ้า จะทำโครงการต่างๆ ลองเริ่มจากการเขียนแผนผังใส่หัวข้อต่างๆ ลงไป มีหัวข้อหลักและรายละเอียดด้วยก็จะทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมดและช่วยจำได้ ที่สำคัญนอนหลับให้พอ ถ้านอนเต็มอิ่มก็จะช่วยให้จำดีขึ้น



ขอบคุณสกิดดอทคอม

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กินไอศกรีมนั้นดีกว่ากินมื้อเที่ยงเป็นไหนๆ


สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบการกินไอศกรีมแต่กลัวอ้วน อาจจะต้องดีใจจากข้อมูลจากประเทศอิตาลี ที่ขึ้นชื่อเรื่องไอศกรีมโฮมเมดว่า

การกินไอศกรีมนั้นดีกว่ากินมื้อเที่ยงเป็นไหนๆ เพราะย่อยง่าย และทำให้สดชื่นพร้อมลุยงานต่อในช่วงบ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครอยากลดความอ้วนละก็ แนะนำให้กินไอศกรีมผลไม้แทนมื้อเที่ยงสักอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

ข้อดีต่อไปคือ ไอศกรีมเชอร์เบทดับกระหายได้ดีกว่าน้ำ เพราะมีน้ำซึ่งจับตัวเป็นน้ำแข็งอยู่ร้อยละ 65-70 แถมมีแคลอรี่น้อยกว่าน้ำอัดลมด้วย นอกจากนี้ไอศกรีมยังช่วยลดความเครียดได้ เพราะช่วยลดอุณหภูมิร่างกายและทำให้ผ่อนคลายอีก



แต่น้องๆ ที่อยู่ในวัยเรียน แนะนำว่า กินมื้อเที่ยงด้วยก็ดีนะคะ เพราะเดี๋ยวไม่มีอะไรไปบำรุงสมอง ลดอ้วนเฉพาะมื้อเย็นดีที่สุดนะคะ

ภาพจาก http://everybodylikessandwiches.com

The Flannan Isles lighthouse keepers


หนึ่งในกรณีของการหายสาบสูญที่น่าพิศวงก็คือกรณีเหตุเกิดที่เกาะฟรานแนน ซึ่งเป็นเกาะเล็กแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากสกอตแลนด์ประมาณ 20 ไมล์ โดยเกาะแห่งนี้มีสิ่งก่อสร้างที่เป็นจุดเด่นก็คือประภาคารสูงกว่า 23 เมตร ที่สร้างขึ้นระหว่าง 1895 และ 1899 และสถานที่แห่งนี้เองได้เกิดเรื่องลึกลับขึ้น เมื่อในวันที่ 15 ธันวาคม 1900 เรือกลไฟที่ผ่านเกาะแห่งนี้ในสภาพอากาศเลวร้ายได้สังเกตว่าแสงไฟจากประภาคาร ไม่ได้ส่องนำทางให้แก่เรือของพวกเขา ทั้งที่ในประภาคารเวลานั้นมีเจ้าหน้าที่ประภาคารสามคนผลัดเปลี่ยนเวรอยู่ ต่เนื่องด้วยตอนนั้นสภาพอากาศเลวร้ายทำให้พวกเขาไม่ได้ขึ้นไปตรวจสอบ จนกระทั้งวันต่อเมื่อมีตรวจสอบประภาคารก็พบว่ายามทั้งสามคนได้หายตัวไปอย่าง ลึกลับโดยทิ้งหน้าที่ของพวกเขาเอาไว้ ที่น่าลึกลับก็คือประตูทางเข้าประภาคารได้ถูกปิดลง นาฬิกาหยุด เตียงถูกทำลาย เครื่องครัวของทุกคนสะอาดแสดงว่าเขาน่าจะหายไปหลังอาหารค่ำ แม้หลายฝ่ายจะมีการค้นหาสามยามดังกล่าวจากหน้าผาหรือในน้ำแต่ก็ล้มเหลว หลายคนเชื่อว่าสามคนที่หายไปนั้นเกิดจากพายุจากสภาพอากาศที่เลวร้าย หรือจากปรากฏการณ์ลึกลับเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว งูทะเลยักษ์คาบไปกิน หรือไม่ก็ทั้งสามถูกลักพาตัวโดยสายลับต่างชาติ

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วันดื่มนมโลก World Milk Day


วันดื่มนมโลก (World Milk Day) ตรงกับวันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี

องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ หรือ The Food and Agriculture Organization หรือ FAO กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี เป็น 'วันดื่มนมโลก' (World Milk Day) เพื่อให้ประเทศต่างๆ และองค์กรที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริโภคนม ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์และกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของการบริโภคนม ด้วยการให้ความรู้และคุณประโยชน์ของนมให้แก่ประชาชน โดย ปัจจุบันมีมากกว่า 35 ประเทศทั่วโลก ที่ได้มีการจัดกิจกรรมวันดื่มนมโลก

'นม' เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแท้จริง มูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ (International Osteoporosis Foundation หรือ IOF) ระบุว่านมและผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ เป็นอาหารพร้อมบริโภคที่หาได้ง่าย จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีแร่ธาตุแคลเซียมสูงที่สุด ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง โดยเป็นแคลเซียมที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีที่สุดและยังเป็นแหล่งรวม สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะให้ทั้งโปรตีนและเกลือแร่ที่สำคัญ เช่น ฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน นมช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง การสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกตั้งแต่อายุยังน้อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกแตกหักได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น

ธาตุอาหารใน 'นม' ทั้งโปรแตสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ล้วนมีส่วนช่วยไม่ให้ความดันโลหิตสูงเกินกว่าปกติ เพื่อสุขภาพฟันที่ดี โดยปกติเนื้อฟันมีสารเคลือบที่ถือเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดในร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยแคลเซียม ฟันจึงต้องการแคลเซียมเพื่อช่วยเสริมสร้างให้ฟันแข็งแรงมีสุขภาพดี นมอุดมด้วยแคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อฟัน มีโปรตีนที่ช่วยให้ฟันเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยเคลือบผิวฟันอีกด้วย ช่วยคุมน้ำหนัก หลายๆ คนหลีกเลี่ยงไม่ดื่มนมเพราะเชื่อว่านมทำให้อ้วน แต่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นนมสด นมพร่องไขมัน หรือนมไม่มีไขมัน มีปริมาณไขมันแค่เพียง 3.9%, 1.7%, และ 0.3% เท่านั้น

นอกจากนี้ 'นม' ยังเป็นเครื่องดื่มที่มอบความสดชื่นไม่แตกต่างจากน้ำดื่ม การดื่มนมเพียงหนึ่งหรือสองแก้วจะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นและยังทำให้ได้รับ คุณค่าสารอาหารที่ร่างกายต้องการอีกด้วย นม 1 กล่อง เท่ากับทุกคุณค่าของสารอาหารที่ร่างกายต้องการ แคลเซียม สร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟันวิตามินบี 12 ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงคาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานกับร่างกายแมกนีเซียม สร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อฟอสฟอรัส สร้างพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย และทำให้กระดูกแข็งแรงโปรแตสเซียม ช่วยรักษาระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ โปรตีนสร้างเสริมการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ วิตามินบี 2 ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ช่วยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ภาพจาก http://www.worldmilkday.com/
ข้อมูลจาก http://news.showded.com/221289_1-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-world-milk-day

โดนัท เดย์ National Donut Day


วันโดนัทแห่งชาติ หรือ National Doughnut Day ตรงกับวันศุกร์แรก ของเดือนมิถุนายน ของทุกปี เป็นวันสำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในวันนี้จะมีการแจกโดนัทฟรี ตามร้านต่างๆ ให้ได้ไปรับประทานกัน

วันโดนัทแห่งชาติ มีที่มาจากหน่วยบรรเทาทุกทหารในชิคาโก้ เมื่อปี 1938 เพื่อเป็นเกียรติแก่หญิงสาวที่ไปเสิร์ฟโดนัทให้ทหารในระหว่าง สงครามโลก ครั้งที่ 1

ซึ่งต่อมา ร้านโดนัทนับพันร้านค้าในสหรัฐอเมริกา ก็ได้เสนอให้มีการแจกโดนัทฟรีในวันนี้ เมื่อปี 2009 ไม่ว่าจะเป็นร้านโดนัทอิสระ หรือว่าร้านแบบเฟรนไชส์

ที่มา http://news.voicetv.co.th/global/11508.html

ความเป็นมาวันฮาโลวีน


ความเป็นมาวันฮาโลวีน
วันฮาโลวีน เรามักจะคุ้นเคยเรียกกันเป็นภาษาปากว่า วันปล่อยผี ในวันดังกล่าวมักมีการจัดตกแต่งบ้านเรือน ร้านค้า โดยใช้ฟักทองที่คว้านเป็นรูปผี หรือใช้วัสดุอื่น ๆ ประดิษฐ์เป็นตัวผีหรือทำให้มีหน้าตาเป็นผีเพื่อสร้างบรรยากาศให้กลายเป็นงานรื่นเริง วันฮาโลวันมีที่มาอย่างไร และเหตุใดจึงเรียกเช่นนั้นในเรื่องนี้ คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล แห่งราชบัณฑิตยสถาน ได้จัดทำคำอธิบายถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของ “ฮาโลวีน” ไว้ดังนี้


ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Evs ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำ Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่า ๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ)

คำ Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ คำ All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Chrismas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)

การสมโภชนักบุญทั้งหลายเริ่มโดยสันตะปาปาโบนีเฟสที่ 4 (Boniface IV ครองอำนาจ ค.ศ. ๖๐๘–๖๑๕) โดยกำหนดวันที่ ๑๓ พฤษภาคมของทุกปี ตั้งแต่ ค.ศ. ๖๑๓ เป็นต้นมา สาเหตุเนื่องจากเป็นวันเปิดโบสถ์แพนทีอัน (Pantheon) อันเป็นโบสถ์สรรพเทพของชาวโรมันมาแต่เดิม และจักรพรรดิโฟกัส (Phocas) ยกให้เป็นของคริสต์ศาสนา ต่อมา สันตะปาปากรีโกรีที่ ๔ (Gregory IV ครองอำนาจ ค.ศ. ๘๒๗–๘๔๔) เปลี่ยนเป็นวันที่ ๑ พฤศจิกายน ตั้งแต่ ค.ศ. ๘๓๕ เป็นต้นมา

ชาวคาทอลิกขณะนั้นถือว่าวันฮาโลวีนมีความสำคัญคู่เคียงกันกับวันคริสต์มาสและวันอีสเตอร์จึงเริ่มงานตั้งแต่วันก่อนหรือวันสุกดิบ ขณะนั้นเกาะอังกฤษยังรับอำนาจของสันตะปาปาอยู่ ชาวอังกฤษจึงรับนโยบายของสันตะปาปาไปปฏิบัติตาม



ด้วยเหตุที่ชาวเผ่าเคลต์ของเกาะอังกฤษ (ไอร์แลนด์และสกอตแลนด์) ถือเอาวันที่ ๑ พฤศจิกายน เป็นวันต้นฤดูหนาวและเป็นวันขึ้นปีใหม่ (Samhoin) มาเป็นเวลานานแล้ว โดยจัดพิธีเป็น ๒ วัน คือวันสุกดิบ (๓๑ ตุลาคม) เป็นวันทำบุญเลี้ยงผี ซึ่งเชื่อกันว่าทั้งคืนจะมีผีออกเพ่นพ่านรับส่วนบุญ เมื่อจัดทำพิธียกอาหารทำบุญแล้วก็ปิดประตูหน้าต่างอยู่แต่ในบ้านอธิษฐานขอให้ผีไปที่ชอบ ๆ วันรุ่งขึ้น (๑ พฤศจิกายน) เป็นวันปีใหม่ ได้ทำพิธีบูชาเทพเจ้าตามด้วยการรื่นเริงตามประเพณี เมื่อชนพวกนี้ยอมรับนับถือศาสนาคริสต์แล้วก็ยังคงปฏิบัติประเพณีนี้ต่อมา ครั้นได้รับนโยบายจากสันตะปาปาแล้ว ผู้นำศาสนาก็หาวิธีแทรกพิธีกรรมของศาสนาคริสต์เข้ากับประเพณีเดิม วันสุกดิบจึงกลายเป็นวันทำบุญให้วิญญาณของผู้ล่วงลับที่อาจจะยังไม่ได้ขึ้นสวรรค์ คือวิญญาณที่ยังใช้โทษใช้บาปกรรมของตนยังไม่หมดสิ้น ยังอยู่ในแดนชำระ (purgatory) จึงทำพิธีสวดอ้อนวอนขอพระเป็นเจ้าเมตตาให้ได้ขึ้นสวรรค์เร็วขึ้น

วิญญาณเหล่านี้จึงไม่น่ากลัวเหมือนผีที่เร่ร่อนขอส่วนบุญ เมื่อชาวบ้านหันมานับถือศาสนาคริสต์แล้วก็ไม่เชื่อเรื่องผีมาขอส่วนบุญอีก แต่ก็ยังถ่ายทอดประเพณีนี้ต่อไป โดยปรับให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ คือคืนวันสุกดิบถือเป็นคืนเล่นผี มีผู้แต่งตัวสมมุติเป็นผีออกเพ่นพ่านขอส่วนบุญ ใครที่ไม่ชอบแต่งตัวเป็นผีก็ยินดีจัดเลี้ยงต้อนรับผีในครอบครัวของตน โดยคว้านฟักทองหรือใช้วัสดุอื่นทำให้มีหน้าตาเป็นผี สร้างบรรยากาศให้มีผีในบ้านต้อนรับผีนอกบ้าน กลายเป็นงานสนุกสนานรื่นเริงที่มีบรรยากาศแปลก วันรุ่งขึ้นจึงเป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และต่ออีกวันหนึ่งจึงเป็นวันทำบุญให้วิญญาณในแดนชำระ

เมื่อชาวไอริชและชาวสกอตอพยพไปตั้งหลักแหล่งในสหรัฐอเมริกาก็นำเอาประเพณีนี้ไปปฏิบัติ ปรากฏว่าถูกใจชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ จึงปฏิบัติตามกันอย่างจริงจังตลอดมา และตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ เป็นต้นมาก็กลายเป็นเทศกาลประจำชาติมาจนทุกวันนี้

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เงาะโรงเรียน ทำไมไม่เป็นเงาะอาชีวะหรือเงาะมหาวิทยาลัย


ก็เพราะเงาะพันธ์นี้ไม่ได้ปลูกในวิทยาลัยอาชีวะหรือในมหาวิทยาลัยนะสิ

เงาะโรงเรียนหรือเงาะพันธุ์โรงเรียน เป็นเงาะพันธุ์ที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน เงาะในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ตลอดทั้งเกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะอินเดียตะวันออก ก็ไม่มีประเทศใดที่มีเงาะคุณภาพดีเท่ากับเงาะพันธุ์โรงเรียน แม้แต่ในมาเลเซียซึ่งเราได้เมล็ดเงาะพันธุ์นี้มา จึงกล่าวได้ว่าเงาะพันธุ์โรงเรียนเป็นเงาะพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้

คำว่า "โรงเรียน" หมายถึง โรงเรียนนาสาร อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานีเงาะต้นแม่พันธุ์มีเพียงต้นเดียว ปลูกด้วยเมล็ดเมื่อปี พ.ศ.2469 โดยชาวจีนผู้หนึ่งมีสัญชาติมาเลเซีย ชื่อ Mr. K. Wong มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่เมืองปีนัง บุคคลผู้นี้ได้เข้ามาทำเหมืองแร่ดีบุกที่หมู่บ้านเหมืองแกะ ตำบลนาสาร อำเภอบ้านนาสาร ตรงกันข้ามกับโรงเรียนนาสาร เมื่อ Mr. K. Wong มาทำเหมืองแร่ก็ซื้อที่ดินริมทางรถไฟด้านทิศตะวันตก ใกล้กับสถานีรถไฟนาสารเป็นเนื้อที่ 18 ไร่ แล้วสร้างบ้านพักบนที่ดินดังกล่าว เมื่อสร้างบ้านเสร็จ Mr. K. Wong ก็นำพันธุ์(เมล็ด)เงาะมาจากเมืองปีนัง(ขณะนี้เงาะพันธุ์นี้ที่เมืองปีนึงไม่มีแล้ว) มาปลูกข้างบ้านพักจำนวน 4 ต้น ต่อมาปรากฏว่าเงาะมีลูกเป็นสีเหลืองบ้าง แดงบ้าง รสเปรี้ยวบ้าง หวานบ้าง เฉพาะต้นที่ 2 นับจากทิศตะวันออกมีลักษณะพิเศษกว่าต้นอื่น คือ เนื้อสุกแล้วเปลือกผลเป็นสีแดง แต่แม้สุกจัดเท่าไหร่ก็ตาม ขนที่ผลยังมีสีเขียวอยู่ รูปผลค่อนข้างกลม เนื้อกรอบ หวาน หอม เปลือกบาง เงาะต้นนี้คือ "เงาะพันธุ์โรงเรียน"

สาเหตุที่เรียกว่าเงาะพันธุ์โรงเรียน เพราะในปี พ.ศ.2479 Mr. K. Wong ต้องเลิกล้มกิจการเหมืองแร่และเดินทางกลับไปอยู่ที่เมืองปีนังภูมิลำเนาเดิม จึงขายที่ดินดังกล่าวพร้อมด้วยบ้านพักให้แก่กระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการ) แผนกธรรมการ อำเภอบ้านนา (อำเภอบ้านนาสาร) ทางราชการจึงปรับปรุงบ้านพักใช้เป็นอาคารเรียน และย้ายโรงเรียนนาสารซึ่งขณะนั้นตั้งอยู่ที่วัดนาสารมาอยู่อาคารดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 พฤศจิการยน พ.ศ.2479 แต่เงาะพันธุ์โรงเรียนในขณะนั้นยังมิได้แพร่หลายแต่ประการใด เนื่องจากการส่งเสริมทางการเกษตรยังไม่ดีพอ ในปี พ.ศ.2489-2498 มีบุคคลตอนกิ่งไปขายพันธุ์เพียง 3-4 รายเท่านั้น

ครั้นถึงปี พ.ศ.2500-2501 ได้มีกรรมวิธีแพร่พันธุ์เกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่ง คือการทาบกิ่ง มีการทาบกิ่งเงาะต้นนี้ไปเป็นจำนวนมาก ในระยะเดียวกันนั้น เงาะที่มาจากจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส คือเงาะพันธุ์ยาวี เจ๊ะโมง เปเราะ ก็เข้ามาแพร่หลายพอสมควร ประชาชนเห็นว่าเงาะต้นนี้ยังไม่มีชื่อ จึงชักชวนกันเรียกเงาะต้นนี้ว่า "เงาะพันธุ์โรงเรียน" เพราะต้นแม่พันธุ์อยู่ที่โรงเรียนนาสาร

ปี พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯมาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้นำชาวสวนเงาะผู้หนึ่งได้ทูลเกล้าฯถวายเงาะพันธุ์โรงเรียน และขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานชื่อพันธุ์เงาะนี้เสียใหม่ พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสว่า "ชื่อเงาะพันธุ์โรงเรียนดีอยู่แล้ว" นับแต่นั้นมา ไม่มีใครกล้าที่จะเปลี่ยนชื่อเงาะพันธุ์นี้อีกต่อไป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : 108 ซองคำถาม

ติ่งหูมีไว้ทำอะไร


คำถามนี้บางคนอาจตอบได้ทันทีว่า ติ่งหูก็มีไว้ใส่ตุ้มหูน่ะซี

แต่นักวิชาการด้านสรีรวิยาและพัฒนาการของมนุษย์สันนิษฐานว่า บรรพบุรุษของเราเมื่อครั้งยังเดินสี่ขา มีติ่งหูที่ใหญ่กว่านี้เพื่อปกป้องอันตรายที่อาจเกิดแก่รูหูได้ แต่ดูเหมือนว่าติ่งหูจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดี จึงถูกลดขนาดให้เล็กลงอย่างในปัจจุบัน

ส่วนนักมนุษวิทยาอธิบายไว้ว่า ติ่งหูเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้ามบรรดานักวิชาการและนักทฤษฏีทั้งหลายต่างก็ต้องเผชิญปัญหาเรื่องการหาเหตุผล มาอธิบายว่า ทำไมอวัยวะหลาย ๆ ส่วนในร่างกายมนุษย์ที่ดูจะไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไหร่ จึงไม่หดหายไปจากร่างกายมนุษย์เสียเลย แต่ยังคงติดอยู่กับตัวมนุษย์ครบถ้วน

คล้ายกับว่าธรรมชาติพยายามเก็บรักษารายละเอียดทางพันธุกรรมเอาไว้ให้ครบถ้วนแม้ว่าสิ่งนั้นจะขัดแย้งกับการคัดเลือกตามธรรมชาติก็ตาม ร่างกายมนุษย์จึงเป็นเสมือนพิพิธภัณท์ที่เก็บสะสมมรดกแห่งวิวัฒนาการของ มนุษย์นั่นเอง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: 108 ซองคำถาม

รู้จักส้ม


รู้จักส้ม
พืชจำพวกส้มและมะนาวอยู่ในสุกล Citrus วงศ์ Rutaceae พืชสกุลนี้จะมีผลชนิดพิเศษที่ไม่เหมือนใครในโลก ผลชนิดนี้มีชื่อทางการว่า Hesperidium กล่าวคือเปลือกนอกคล้ายหนังข้างในมีเนื้อรับประทานได้ซึ่งแบ่งออกเป็นออกเป็นห้องเล็ก ๆ หรือกลีบ ตั้งแต่แปดกลีบขึ้นไปในกลีบมีถุงเล็ก ๆ รวมเป็นก้อน แต่ละถุงบรรจุเมล็ด และน้ำผลไม้ที่มีคุณค่ายอดยิ่ง แต่ทุกวันนี้มีส้มและมะนาวสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีเมล็ดเกิดขึ้นแล้ว
พืชตระกูลส้มที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีได้แก่ ส้ม orange (C. sinensis) เกรพฟรุด (C. paradisi), ส้มเขียวหวาน (Mandarin orange or Tangerine) (C" reticulata), มะนาวฝรั่ง และมะนาวไทย lemon (C.limon) and lime (C. aurantifolia and C. latifolia) ส้มเช้ง ส้มโอ shaddock, or pummelo, (C. maxima)
ส้มปลูกขึ้นในเขตร้อนและอบอุ่นเท่านั้น และปริมาณความต้องการบริโภคส้มและมะนาวของโลกพุ่งสูงอย่างน่าตกใจหลังปี ค.ศ. 1890 เมื่อแพทย์ค้นพบการรักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือ scurvy โดยการดื่มน้ำส้มหรือมะนาวเพียงวันละแก้ว



ส้มกับโรค Scurvy
Scurvy หรือที่เรียกเป็นไทยว่าโรคลักปิดลักเปิด เป็นโรคจาการขาดสารอาหารอันดับแรกที่มนุษย์รู้จัก เกิดจากการขาดวิตามินซีซึ่งมีในผักผลไม้สดโดยเฉพาะอย่างยิ่งส้มและมะนาว
วิตามินซีเป็นสารอาหารที่จำเป็นมากสำหรับมนุษย์ ขณะที่สัตว์ส่วนใหญ่และพืชสามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้จากน้ำตาลกลูโคส วิตามินซีช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อการได้รับวิตามินซีปริมาณเพียงพอจึงช่วยให้แผลหายได้เร็ว และในทางกลับกัน การขาดวิตามินซีทำให้แผลหายช้า แพทย์หลายท่านจึงนิยมจ่ายวิตามินซีชนิดเม็ดพร้อมยารักษาแผล แต่ผมอยากแนะนำให้รับประทานน้ำส้ม ซึ่งจะได้วิตามินซีและสาร สำคัญอื่น ๆ พร้อมด้วย
อาการของโรค Scurvy คือเหงือกบวม มีเลือดออกตามไรฟันถ้าเป็นมาก ฟันถึงกับหลุดร่วงได้มีจ้ำเลือดเห็นเป็นสีเขียวใต้ผิวหนัง ปวดข้อ แขนขาเคลื่อนไหวลำบาก แผลหายช้า เลือดจาง เป็นต้น
บันทึกที่เป็นหลักฐานว่ามนุษย์รู้จักโรค Scurvy คือช่วงสงครามครูเสด และในช่วยปลายศตวรรษที่ 15 scurvy กลายเป็นสาเหตุการตายและทุพลภาพที่ สำคัญในชาวเรือ
จนถึงปี ค.ศ. 1753 เริ่มค้นพบว่า สาเหตุของโรคน่าจะมาจากการกินอาหารไม่ถูกต้อง โดยศัลยแพทย์เจมส์ลินด์ ได้แสดงให้เห็นว่า Scurvy อาจหายได้ด้วยการกินน้ำส้ม หรือมะนาว นับแต่นั้นมา โรค Scurvy ก็ค่อยลดความรุนแรงลง ขณะที่ส้มและมะนาวกลายเป็นที่ต้องการของคนทั้งโลก ทุกวันนี้เราพบโรคขาดวิตามินซีได้ในคนแก่ที่ได้รับอาหารไม่ถูกต้อง หรือเลือกรับประทานอาหาร และในเด็กทารกที่ไม่ได้ทานนมมารดาและไม่มีการเสริมด้วยน้ำส้มสด
แม้ผู้ที่มีอาการ Scurvy ขั้นรุนแรง หากได้ทานวิตามินซี 100 มก. หรือเท่ากับส้มสด 2-3 ผล ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์อาการจะทุเลารวดเร็ว


วิตามินซี-สารจำเป็นของมนุษย์
ส้มและมะนาว เป็นแหล่งให้วิตามินซีที่ดีมากสำหรับมนุษย์เพราะส้มหนึ่งผลทั่ว ๆ ไปจะให้วิตามินซีถึงประมาณ 70 มก. ซึ่งมากเกินพอสำหรับความต้องการใน 1 วัน แต่เนื่องจากการที่มันไม่ถูกสะสมไว้ในร่างกายเราจึงต้องได้รับวิตามินซีทุกวัน
ผลไม้ไทย ๆ ที่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีวิตามินซีสูงสุดที่ผมจำได้ คือ ฝรั่ง ฝรั่ง 1 ลูกให้วิตามินซีสูงถึง 120 มก.


ส้มกับโรคหัวใจ
ดังได้กล่าวแล้วว่าส้มและมะนาวให้วิตามินซีในปริมาณสูง บัดนี้มีรายงานผลการค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างวิตามินซีกับโรคหัวใจที่น่าติดตามคือ รายงานเรื่อง Vitamin C may protect against heart at tack, stroke. โดย Stenson J. ใน Medical Tribune 1995 Jul 13;36(13):21 ว่าผลการศึกษาสองชิ้นจากอังกฤษสนับสนุนความเชื่อที่ว่า อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น น้ำส้มจะช่วยป้องหันโรคหัวใจได้ งานวิจัยที่หนึ่ง นักวิจัยพบว่าการได้รับวิตามินซี 60 มก. ต่อวัน (เท่ากับส้มหนึ่งผล) มีความสัมพันธ์กับการลดความเข้มข้นของไฟบริโนเจนในปริมาณที่ทำให้อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจชนิด ischmic heart disease ลดลงราวร้อยละ 10 การศึกษาชิ้นที่สอง พบว่า
คนสูงอายุที่มีระดับวิตามินซีในกระแสเลือดต่ำมีโอกาสเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้บ่อยกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนสูงอายุที่ต้องอยู่ตามลำพัง จัดหาอาหารเองซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับโภชนาการที่ไม่ถูกต้อง ในอังกฤษจำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ในฤดูหนาวเมื่อเทียบกับฤดูอื่น ๆ โรคสำคัญของฤดูหนาว คือ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคระบบทางเดินหายใจ พวกเขาแนะนำให้ผู้สูงอายุรับประทานผักและผลไม้สดมาก ๆ เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากโรคหัวใจและยังให้ข้อสังเกตว่า
การป้องกันโรคหัวใจอาจไม่ได้เป็นผลจากวิตามินซีตัวเดียวโดด ๆ แต่อาจมีสาร สำคัญอื่น ๆ ในผลไม้ที่ให้ผลทีว่า ดังนั้นการรับประทานผักและผลไม้สดย่อมดีกว่าวิตามินซีชนิดเม็ด
นอกจากนี้งานวิจัย Vitamin C and risk of death from stroke and coronary heart disease in cohort of elderly people ของ Gale CR, Martyn CN, Winter PD, Cooper ใน BMJ 1995 Jun 17;310(6994):1563-6 ซึ่งศึกษาประวัติย้อนหลังไปถึง 20 ปีในผู้สูงอายุ 720 คนทั้งหญิงและชายได้ตอกย้ำความคิดที่ว่า พืชผักที่อุดมด้วยวิตามินซีสามารถลดอัตราเกิดโรคหัวใจในผู้สูงอายุได้เช่นกัน โดยพวกเขาพบว่า อัตราตายจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ จะสูงสุดในกลุ่มที่มีระดับวิตามินซีในกระแสเลือดต่ำสุด


ประโยชน์ของไลมอนอยด์ (limonoids) เป็นสารประกอบทางชีววิทยาที่พบเป็นปริมาณมาก ในผลไม้ตระกูลส้ม และมีฤทธิ์นานาประการ รวมทั้งมีผลเป็นสารต่อต้านมะเร็งด้วย ในการทดลองกับเซลล์มะเร็งของมนุษย์ และเซลล์เนื้องอกในสัตว์ทดลองพบว่า สารดังกล่าวนี้มีประสิทธิภาพในการสู้รบ กับมะเร็งในช่องปาก คอ ปอด กระเพาะอาหาร ลําไส้ ผิวหนัง ตับ และเต้านม ไลมอนอยด์

โดยพบอยู่เฉพาะในพืชสองตระกูล เท่านั้น คือ พืชตระกูลส้ม และตระกูลมะฮอกกานี ในธรรมชาติ สารดังกล่าวทําหน้าที่ป้องกันพืชจากบรรดาศัตรูที่มุ่งร้าย ตัวอย่างง่ายๆ ที่ชาวไร่ชาวสวน ใช้ประโยชน์กันอยู่แล้ว ก็คือสารประเภทไลมอนอยด์ซึ่ง สกัดจากพืชในกลุ่มสะเดา (Neem) ซึ่งก็เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลมะฮอกกานี


ประโยชน์ของน้ำมันผิวส้ม
-ผิวพรรณ ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและเนื่อเยื่อรักษาแผลต่างๆ ลดริ้วรอยความเหี่ยวย่น
-ระบบหมุนเวียนและกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลการเต้นของหัวใจ
-กล้ามเนื้อและข้อต่อ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ
-ระบบทางเดินหายใจแก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ
-ระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการดูดซึมวิตามินซี ทำให้มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสได้ดี แก้ไข้
-ระบบทางเดินอาหาร แก้อาการเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะที่เกิดจากความเครียดแก้ท้องเสีย แก้ท้องผูก กระตุ้นน้ำดีทำให้ย่อยไขมันได้ดี ทำให้เจริญอาหาร
-ระบบสืบพันธุ์ แก้ปวดประจำเดือน
-ระบบปัสสาวะ ขับเหงื่อ ทำให้ขับสารพิษได้ดี
-ระบบประสาทและจิตใจ ช่วยให้คลายเครียด หายซึมเศร้า หดหู่ แจ่มใสขึ้น ช่วยให้รู้สึกหายเหนื่อย นอนหลับ ฟื้นฟูพลังงานและสุขภาพ

ที่มา : วารสาร หมออนามัย คอลัมน์ ตู้ยาสอ. หน้า 57 ฉบับที่ 2 ปีที่ 9 เดือน กันยายน-ตุลาคม พ.ศ. 2542

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เคล็ดลับการทำข้อสอบวิชาเฉพาะแพท


ทันตแพทย์สม สุจีรา www.Tutorsom.com

บทความก่อนหน้านี้ วิเคราะห์คะแนนวิชาเฉพาะแพทย์ http://www.unigang.com/Article/8411

แนวข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์ http://www.unigang.com/Article/8083

เรียนแพทย์ดีอย่างไรตอนที่ 2 http://unigang.com/Article/7807

เรียนแพทย์ดีอย่างไรตอนที่ 1 http://www.unigang.com/Article/7771

มีข่าวออกมาว่า ข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์ในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแนวไปจากเดิม ซึ่งไม่มีใครรู้ว่า ข้อสอบจะเป็นอย่างไร เพราะถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด

จากสถิติปีก่อนๆ คะแนนสอบเข้าแพทย์เฉือนกันที่ทศนิยม หลายๆคนแพ้เพียงนิดเดียว ก็สอบไม่ติดแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพราะหมายถึงวิถีชีวิตทั้งชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล คะแนนของวิชาเฉพาะแพทย์จึงสำคัญ เพราะมีค่าน้ำหนักถึง 30ใน 100คะแนนของการสอบเข้า ดังนั้นไม่ว่าออกสอบจะออกอย่างไร น้องควรมีเทคนิคการทำข้อสอบวิชานี้ไว้ให้อุ่นใจ

คำว่า DOCTOR สื่อให้เห็นคุณสมบัติของแพทย์ 6ประการตามตัวอักษรคือ D=Decision การตัดสินใจ O=Optimism มองโลกในแง่ดี C=Care ดูแล เสียสละ T=Teacher สอนเป็น O=Observation ช่างสังเกต R=Responsibility มีความรับผิดชอบ ไม่ว่าข้อสอบจะเป็นแบบใด จะต้องมีการทดสอบคุณสมบัติเหล่านี้ของนักเรียน

คำตอบในวิชาเฉพาะแพทย์ ไม่เฉพาะเจาะจงเหมือนคำตอบในวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ หรือ เคมี แต่จะมีเพียงตัวเลือกเดียวที่คะแนนสูงที่สุด น้องต้องเลือกตัวเลือกนั้น โดยวิเคราะห์ตามคุณสมบัติ 6ประการ เช่น คำถามที่ว่า “ท่านคิดอย่างไรกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” ก.เป็นผลงานรัฐบาลเก่า ไม่ควรสนับสนุน ข.เป็นโครงการที่หมอทำงานหนักขึ้น ค. เป็นโครงการที่หลักการดี ง.ไม่ควรทำเพราะซ้ำซ้อนกับระบบประกันสังคม จ.เป็นโครงการที่ทำให้หมอลาออกจำนวนมาก โจทย์ข้อนี้ต้องการวัด Optimismดังนั้นถ้านักเรียนตอบข้อ ก. ข. หรือ จ. แสดงให้เห็นถึงการมองโลกในแง่ร้าย จะไม่ได้คะแนน

อีกตัวอย่าง นางกุ้งกลับจากสัมมนาพร้อมนางก้อย ปรากฏว่าระหว่างทางนางก้อยขับรถชนคนแก่ โดยที่ไม่มีใครเห็น แล้วจะหนี ถ้าคุณเป็นนางกุ้งจะทำอย่างไร ก. แจ้งความแล้วบอกว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ข. บอกให้ก้อยมอบตัว

ค.โทรบอกแม่ก้อย แล้วให้แม่ตัดสินใจ ง. ขอลงจากรถไปช่วยคนแก่ก่อน จ.เก็บไว้เป็นความลับ รู้กันแค่สองคน ข้อนี้ต้องตอบข้อ ง. เป็นการวัดคุณสมบัติ CARE



ส่วนคำถามที่วัดความรับผิดชอบ ต้องระวังอยู่อย่างหนึ่ง คือ ความรับผิดชอบของแพทย์ไม่ได้ครอบจักรวาล ดังนั้นใครที่คิดว่าตอบแบบพระเวสสันดร จะได้คะแนนสูง เป็นความเข้าใจที่ผิด เช่น โจทย์ถามว่า เมื่อมีวัยรุ่นท้องนอกสมรสมาขอทำแท้งกับท่าน ท่านควรทำเช่นไร ก.นัดพ่อแม่ของเด็กมาคุยเพื่อช่วยกันวิเคราะห์หาทางออก ข.เรียกแฟนของวัยรุ่นคนนั้นมาแล้วโน้มน้าวให้แสดงความรับผิดชอบ ค.บอกเด็กว่าอย่าทำแท้ง หมอจะช่วยดูแลและหาสถานรับเลี้ยงเด็กให้ ง.ไม่ทำแท้งให้ และส่งให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ดูแลต่อ จ. แนะนำให้ไปสถานที่คุมกำเนิดของเอกชนแทน คำตอบ ข้อ ก. ข. และ ค. อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของหมอ ดังนั้น ข้อที่เหมาะสมที่สุดคือ ข้อ ง. ซึ่งหลายคนอาจตอบข้อ ก. ข. หรือ ค. แต่ความจริงแล้วข้อเหล่านั้นคะแนนไม่สูง ( วิธีการให้คะแนนของวิชาเฉพาะแพทย์ก็ถูกเก็บเป็นความลับเช่นกัน แต่เข้าใจว่า ตอบได้เพียงข้อละตัวเลือก แต่ละตัวเลือกจะมีคะแนนต่างๆกันไป รวมทั้งมีคะแนนติดลบด้วย)

ข้อสอบปีที่ผ่านมา ออกแบบวัด Decision และ Observation โดยให้กรณีตัวอย่างมายาวมากประมาณเกือบหนึ่งหน้ากระดาษ แล้วให้วิเคราะห์สถานการณ์นั้น ส่วนคุณสมบัติด้าน Teacher มักจะออกในรูปของการวิเคราะห์ทัก๋ษะทำงานกลุ่ม การเป็นผู้นำกลุ่ม เพราะแพทย์ต้องทำงานเป็นทีม และต้องสอนบุคลากรที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา

คำถามที่วัด การมองโลกในแง่ดี จะรวมไปถึงการควบคุมอารมณ์ด้วย แพทย์ที่มองโลกในแง่ดีจะไม่มีอารมณ์ ดังนั้น คำตอบที่แสดงออกถึงความมีอารมณ์จะไม่ใช่คำตอบที่ถูก เช่น ประโยคใดน่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้ฟังมากที่สุด ก.มัวโอ้เอ้ เดี๋ยวก็ตกรถกันหมดหรอก ข.เร็วๆหน่อยสิทำอะไรช้าจัง ค.ใครๆเขารออยู่ รู้ไหม ง.ช้านัก เดี๋ยวปล่อยให้อยู่ที่นี่ซะเลย จ. เร็วเข้าเถอะ เดี๋ยวไม่ทันรถออก คำตอบที่ไม่มีอารมณ์คือข้อ จ.

มีคุณสมบัติของแพทย์อีกมากมาย ที่สามารถนำมาออกเป็นข้อสอบได้ ไม่ใช่เฉพาะตัวย่อจาก DOCTOR ซึ่งถ้าน้องๆมีคุณสมบัติตรงตามที่ กสพท.ต้องการ ก็จะได้คะแนน ข้อสอบวิชานี้ถูกจัดทำขึ้นตามหลักจิตวิทยาชั้นสูงโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้น อย่าคิดว่าจะหลอกข้อสอบได้ ในทางกลับกันต้องระวังถูกข้อสอบหลอกถาม แต่อย่างไรก็ตาม นับว่าเป็นโชคดีของนักเรียนรุ่นปัจจุบัน ที่มีวิชาเฉพาะแพทย์ เพราะทำให้นักเรียนที่เรียนเก่งไม่มาก สามารถสอบเข้าแพทย์ได้ง่ายขึ้น นั่นเพราะความเป็นคนดีสำคัญกว่าความเป็นคนเก่ง แพทย์ที่ดีแต่ไม่เก่ง จะสามารถพัฒนาตนเองจนกลายเป็นคนเก่งได้ในอนาคต แต่แพทย์ที่เป็นคนเก่งแต่ไม่ดี โอกาสที่จะพัฒนาจิตใจให้กลายเป็นคนดี จะยากกว่ามาก

สพฐ.วิจัยแท็บเล็ต 5รร."หนูทดลอง

พฐ.ทำโครงการวิจัยโรงเรียนประถมนำร่องใช้แท็บเล็ตก่อนแจก โดยให้ รร.สาธิต มศว และ รร.ในสังกัด สพฐ.อีก 4 โรง ทดลองใช้นำร่อง เริ่มทำวิจัยเทอม 2 นี้ก่อนสรุปผล


นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินนโยบายแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนเพื่อใช้เป็น เครื่องมือทางการศึกษา ตามนโยบาย One PC Tablets per child ของรัฐบาลว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร ไปคัดเลือกห้องเรียนประถมในโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร ระดับประถม อย่างน้อย 2 ห้อง เพื่อตั้งเป็นห้องเรียนตัวอย่างทำการวิจัยเปรียบเทียบให้เห็นข้อดี-ข้อเสีย ระหว่างห้องเรียนที่เรียนผ่านแท็บเล็ต และห้องที่ไม่ได้เรียนผ่านแท็บเล็ต ทั้งนี้ จะมีการจัดทำวิจัยนำร่องในโรงเรียนทั้งหมด 5 โรง ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร 1 โรง และโรงเรียนในสังกัดของ สพฐ. อีก 4 โรง ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการคัดเลือกผ่านการกำหนดคุณสมบัติของโรงเรียนที่สอด คล้องกับการวิจัย อาทิ จะต้องมีห้องเรียนประถมเพื่อการวิจัยอย่างน้อย 2 ห้อง ทั้งช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.3) และช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-ป.6) เป็นต้น


เลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า การวิจัยครั้งนี้จะเริ่มวิจัยในช่วงภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 และจะมีการสรุปผลหลังจบภาคเรียน อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ สพฐ.ไม่ทำการวิจัยในทุกช่วงชั้นนั้น เพราะผู้วิจัยกังวลว่าอาจจะเกินการควบคุม เพราะต้องส่งครูและทีมงานด้านคอมพิวเตอร์จากส่วนกลางลงไปมาก ดังนั้น จึงจำกัดแค่ 2 ช่วงชั้นเท่านั้น ทั้งนี้ ในส่วนเครื่องแท็บเล็ตที่จะนำมาใช้ในการวิจัยนั้น จากการหารือร่วมกับกระทรวงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า จะใช้วิธีการรับบริจาคแท็บเล็ตในการวิจัยแทนการจัดซื้อ ซึ่งก็ได้กำหนดสเปกขั้นต่ำไว้แล้ว โดยดูจากวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลัก.

หมอเก่ง มศว ชนะการแข่งขัน เกมหมอยอดนักสืบ


นิสิตแพทย์ตะลันต์ เทพอารีย์ รัฐพร บำรุงผล และพิชามญฐ์ อินกอง นิสิตคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ชนะการแข่งขัน รายการ The symptom เกมหมอยอดนักสืบ สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ช่อง 9 อสมท. ได้รับเงินรางวัล 100,000 ซึ่งนิสิตแพทย์ทั้ง 3 คน ได้ขอมอบเงินรางวัลดังกล่าวให้แก่ มูลนิธิการแพทย์สยามบรมราชกุมารี โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี คณะแพทยศาสตร์ มศว ต่อไป เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2554

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิธีการเผ้าระวังอาการโรคข้อเข่าเสื่อม


ข้อเข่าเสื่อม อาการเสื่อมตามสภาพ หรือการสึกกร่อน ของกระดูกอ่อนผิวข้อที่ผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะเพศหญิง แต่ในปัจจุบันด้วยรูปแบบการใช้ชีวิต ที่หนักหน่วง เช่น การเล่นกีฬาผิดท่า การขึ้นลงบันได้บ่อยๆ หรือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดปัจจัย เสี่ยงเพิ่มขึ้น หากมีอาการ ปวดข้อเข่า ข้อเข่าขัด รู้สึกเมื่อยตึงที่น่อง มีเสียงลั่นที่ข้อเวลาเดินหรือเคลื่อนไหว เดินไม่สะดวก หากปล่อยไว้นานจนถึงระยะรุนแรง อาจถึงขั้นเดินไม่ได้

ด้วยพัฒนาการทางการแพทย์ และเทคโนโลยีแบบแผลเล็กเจ็บน้อย Minimally Invasive Surgery ช่วยให้การรักษาการผ่าตัดข้อเข่าเทียมง่ายยิ่งขึ้น ช่วยให้เสียเลือดน้อย ฟื้นตัวเร็ว ความเสียหายต่อเนื้อเยื้อภายในน้อยลง อาการปวดหลังผ่าตัดน้อยกว่า ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ปกติเร็วขึ้น พร้อมด้วยมาตรฐานการรักษาโรคเฉพาะทางระดับสากล โรคข้อเข่าเสื่อม แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสหสาขาวิชา ที่ได้รับการรับรองจาก JCI สถาบันรับรองคุณภาพระดับสากลแห่งสหรัฐอเมริกา

Minimally Invasive Surgery
คือพัฒนาการทางการแพทย์ และเทคโนโลยีแบบแผลเล็กเจ็บน้อย ที่ช่วย ให้การรักษาการผ่าตัดข้อเข่าเทียมง่ายยิ่งขึ้น เสียเลือดน้อย ฟื้นตัวเร็ว อาการปวดหลังผ่าตัดน้อยกว่า ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ปกติเร็วขึ้น พร้อมด้วย มาตรฐาน การรักษาโรคเฉพาะทางระดับสากล โรคข้อเข่าเสื่อมแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสหสาขาวิชา ที่ได้รับการรับรองจาก JCI สถาบันรับรองคุณภาพระดับสากลแห่งสหรัฐอเมริกา

คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือไม่ ใช่ ไม่ใช่
1. เพศชาย หญิง อายุ 40 ปีขึ้นไป
2. มีน้ำหนักตัวมาก (ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 25)
3. มีกิจวัตรการทำงาน ที่ต้องเดินอยู่ตลอดเวลา
4. มีอาการเข่ายืด ฝืด หรืองอ ลำบาก
5. มีเสียงดังก๊อบ แกร๊บ ที่เข่าขณะเคลื่อนไหว
6. มีอาการปวดที่ข้อเข่า หรือขาเวลาเดิน หรือลงบันได
7. มีอาการปวด เจ็บแปล๊บ ที่ข้อเข่าเวลาเดิน
8. มีอาการปวดข้อเข่าเวลานอน
9. มีปัญหาปวดข้อเข่าเวลาใส่ถุงเท้า รองเท้า หรือขณะลุกนั่ง
10. มีอาการปวดปวมอักเสบที่ข้อเข่า
11. ไม่สามารถเดินได้ปกติ ต้องเดินโยกตัว
12. ขาโก่งงอผิดรูป

สัญญาณเตือนภัย!
หากคุณมีอาการเหล่านนี้มากกว่า 3 ข้อขึ้นไป คุณอาจมีความเสี่ยงต่อโรคข้อเข่าเสื่อม หากปล่อยไว้นานจนถึงระยะรุนแรง อาจเป็นหนักขั้นเดินไม่ได้ เพื่อชะลอความเสื่อมให้ช้าลง และได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ให้สามารถดำเนินคุณภาพชีวิตได้ตามปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ครั้งแรกในประเทศไทย
มาตรฐานการรักษาระดับสากล การดูแลรักษาโรคเฉพาะทางสำหรับผู้ป่วย โรคข้อเข่าเสื่อม (Disease or Condition Specific Care Certification Osteoarthritis of the Knee) ได้รับการรับรองจาก JCI สถาบันรับรองคุณภาพระดับสากลแห่งสหรัฐอเมริกา

นพ.บัญญัติ เกตุมาลาศิริ
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ

หลายพื้นที่ยังประสบภัยปัญหาน้ำท่วม บางที่อาจพบเจอปัญหา ทากดูดเลือด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้แนะนำวิธีการแก้ปัญหา เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ห้ามดึงออก เพราะเลือดจะหยุดยาก จี้ตัวทากด้วยธูปติดไฟหรือไม้ขีดติดไฟ โรยเกลือป่นบนตัวทาก หรือใช้น้ำส้มสายชู เหล้าหรือน้ำมันราดตัวทาก ทากจะหลุดออกมา ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ แล้วปิดแผลด้วยผ้าก๊อซหรือแผ่นปิดแผลสำเร็จรูป

สาวผมมัน ต้องสระผมทุกวันหรือเปล่า..?


สาวๆ หลายคนคงจะประสบกับปัญหาเส้นผมมัน จนทำให้สูญเสียความมั่นใจ ไปได้เหมือนกัน ซึ่งสาวๆ บางคนก็เลี่ยงโดยการเกล้าผมบ้าง รัดผมบ้าง เพื่อปกปิดสภาพเส้นผมที่มันเยิ้ม ลีบแบน จัดทรงยาก เหนียวเหนอะหนะ และอาจจะมีอาการของผมร่วงร่วมด้วยค่ะ จนบางทีก็อดหงุดหงิดใจใม่ได้ ในวันที่อยากจะปล่อยผมยาวสลวยในอารมณ์สบายๆ บ้าง แถมการมีสภาพเส้นผมมันนั้นทำให้เจ้าพวกสิ่งสกปรกจำพวกฝุ่นละอองต่างๆ มาเกาะที่หนังศีรษะได้มากกว่าคนอื่นๆ แต่จริงๆ แล้วก็มีข้อดีอยู่บ้างค่ะ

เพราะสาวผมมันนั้นมักจะไม่ค่อยเจอกับปัญหาเส้นผมแตกปลายสักเท่าไหร่...เอาเป็นว่าเรามารู้จัก และหาวิธีดูแลเส้นผมมันกับวิธีตามแบบฉบับสบายอารมณ์ ให้เป็นสาวผมสลวยกันดีกว่าค่ะ
สาวๆ ทราบไหมคะว่า สภาพผมมันนั้นเกิดจากการที่ต่อมไขมันที่บริเวณหนังศีรษะ ซึ่งอยู่บริเวณรากผม ผลิตไขมันออกมามากเกินไป แต่จริงๆ แล้วไขมันนี้มีประโยชน์ต่อเส้นผมมากเลยนะคะ เพราะทำให้เส้นผมแข็งแรง ไม่แห้งแตกปลาย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผมมันนั้นมักจะเกิดมาจากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งสาวๆ ก็ต้องสังเกตุตัวเองให้ดีๆ ค่ะว่ามีสาเหตุเกิดมาจากอะไร เช่น ฮอร์โมนไม่ปกติ พันธุกรรม รับประทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ อยู่ในบริเวณร้อนชื้นอยู่เป็นประจำ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม

ในภาวะที่มีอาการผมร่วงร่วมด้วนั้น ซึ่งจริงๆ แล้วนั้นการที่มีสภาพเส้นผมมันตามธรรมชาติจะไม่สามารถทำให้เกิดผมร่วงมากสักเท่าไหร่ แต่การที่สีการสะสมไขมันบริเวณหนังศีรษะมากๆ นั้นจะสามารถไปอุกตันบริเวณรอบๆ รากผมทำให้การไหลเวียนของเลือด การนำพาสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงรากผมได้ไม่ดี และอาจจะทำให้เชื้อโรคบริเวณหนังศีรษะมีมากขึ้น ทำให้การทำงานของรากขนผิดปกติไป เกิดอาการผมร่วง และผมขึ้นใหม่ได้น้อยลง ทำให้ผมบางลงเรื่อยๆ เกิดศีรษะล้านตามมาได้ในที่สุด

ผมมันอยู่ใช่ไหม มาฟังทางนี้ดีกว่า

1. สระผมทุกวัน ด้วยแชมพูที่มีค่า PH เป็นกรดอ่อนๆ (PH ประมาณ 5.5 - 6.5) จะช่วยลดหนังศีรษะมันได้ดี หรือใช้แชมพูสูตรสำหรับผู้ที่มีผมมันโดยเฉพาะ แชมพูสำหรับผมมันจะมีสารฟอกค่อนข้างแรง และในขณะสระผมควรทิ้งแชมพูไว้ประมาณ 5 นาที หลีกเลี่ยงการถูขยี้หนังศีรษะ แล้วจึงล้างออก ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผม เนื่องจากมีไขมันที่ผลิตขึ้นมาบนหนังศีรษะแล้วแต่ถ้าหากมีผมแตกปลาย ควรใช้ครีมนวดผมที่ปลายเท่านั้น

2. ล้างผมด้วยน้ำเย็น สาวๆ ที่มีปัญหาเส้นผมมันมากๆ ควรจะใช้น้ำเย็น หรือน้ำธรรมดาสระผม เนื่องจากน้ำเย็นจะช่วยปิดเกร็ดผม และรักษาความชุ่มชื้น ทำให้ผมนุ่ม และช่วยปิดรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะอีกด้วย

3. หลีกเลี่ยงการจัดแต่งทรงผม เพราะการใช้น้ำมันใส่ผม ครีมแต่งผม หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ต่างๆ โดยเฉพาะที่ทำจากกรีเซอรีนหรือซีรีโคน (glycerin and silicone) จะทำให้ผมมันมากขึ้นไปอีก

4. ลดผมมันด้วยสูตรธรรมชาติ โดยผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วนในน้ำ 4 ส่วน ใช้ล้างผมครั้งสุดท้าย หรืออาจใช้น้ำมะนาวผสมน้ำ แทนน้ำส้มสายชูในการล้างผม จะช่วยให้ลดความมันของเส้นผมได้ดี และปลอดภัยต่อหนังศีรษะอีกด้วย

5. ลดอาหารที่มีไขมันมากๆ กินอาหารพวกวิตามินบี เกลือแร่ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ นมถั่วเหลือง พืชตระกูลถั่ว ควรหาเวลาพักผ่อน ทำใจให้สบาย เนื่องจากความเครียดจะส่งผลต่อระบบการที่โลหิตหมุนเวียนไปเลี้ยงหนังศีรษะ

6. ไม่ควรหวีผมบ่อยเกินไป เนื่องจากการหวีผมบ่อยมากเกินไปจะกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามาก ควรใช้มือในการสางผมก็พอ

7. ทางเลือกใหม่ ใช้แชมพูจากธรรมชาติดีที่สุด ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีสารประกอบจากธรรมชาติ เช่น ส้ม มะกรูด มะนาว มะม่วง อาจจะมีการผสมน้ำยาฆ่าเชื้อ (Antiseptic) ลงไปในแชมพู เพื่อลดการเจริญของแบคทีเรียที่มีอยู่บริเวณรากผม อาจจะมีส่วนผสมของ Zinc PCA (สังกะสี พีซีเอ) ซึ่งจะควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน และลดการผลิตน้ำมันลง

เพียงเท่านี้ก็บอกลาผมมัน มาเป็นสาวผมสลวย สวยได้ทุกวัน มั่นได้ทุกทรงกันแล้วล่ะค่ะ

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

5 สิ่ง ที่ผู้หญิงมัก(แกล้ง)ลืม

5 สิ่ง ที่ผู้หญิงมัก(แกล้ง)ลืม



แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ไลฟ์สไตล์และหน้าที่การงานที่มีการแข่งขันสูงขึ้น เวลาส่วนตัวมีน้อยลง ผู้หญิงอาจ "ลืม" อะไรไปหลายอย่างซึ่งเป็นสิ่งสำคัญใกล้ตัว และยังเป็นปัจจัยที่บั่นทอนและทำลายความมั่นใจของตัวเองไปโดยไม่ทันรู้ตัว

โลชั่นบำรุงผิว วาสลีน เฮลธี้ ไวท์ ประมวลข้อมูลอินไซด์ของหญิงยุคใหม่พบว่า มี 5 สิ่งหลักๆ ที่ผู้หญิงเรามักจะลืม (หรือพยายามลืม) ให้ความสำคัญ ได้แก่

1. ลืมดูกระเป๋าตังค์ โดยเฉพาะเมื่อเห็นป้ายเซล! มือไม้จะอ่อนเหมือนโดนสะกดจิตให้พุ่งเข้าไปหาของเซลอย่างไม่ทันคิด แต่ช็อปเพลินเกินห้ามใจขนาดไหนก็อย่าลืมตรวจดูสินค้าว่าหมดอายุเมื่อไหร่ แล้วมีตำหนิหรือคุณภาพคุ้มกับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ อย่ามัวแต่รูดบัตรเครดิตเพลินจนเกินลิมิต ต้องหมั่นดูแลวินัยทางการเงินของตัวเองด้วย ถึงจะทั้งสวยและสมาร์ต

2. ลืมวัดรอบเอว ข้อนี้จะลืมกันบ่อยโดยเฉพาะเมื่อเห็นขนมหวานหรืออาหารถูกปาก จนทำให้ออกอาการ "คาดไม่ถึง" เพราะเข็มขัดเริ่มสั้นเกินไป ต้องเสียเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่อีก จนไม่กล้าชั่งน้ำหนัก เสียทั้งบุคลิกและสุขภาพ โรคภัยจะถามหา ลำบากต้องมาอดอาหารรีดน้ำหนักวุ่นวาย ถ้ารักจะกินก็ต้องอย่าลืมหลัก "แคลอรี-อิน แคลอรี-เอาต์" จะได้มีสุขภาพดีพร้อมหุ่นสวยให้หนุ่มๆ มองจนเหลียวหลัง

3. ลืมอายุ พออายุเลข 2 ปลายๆ ใกล้จะขึ้นเลข 3 สาวๆ ก็อยากจะหยุดนับเอาเสียดื้อๆ โดยเฉพาะสาวโสด พอมีใครถามอายุขนาดนี้ทำไมยังไม่แต่งงานก็เครียดและคิดมาก จนทำให้มีกามาประทับรอยเท้าที่หน้าโดยไม่รู้ตัว

วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้คุณสาวๆ ดูอ่อนกว่าวัยจนใครๆ ก็ลืมอายุที่แท้จริงคือหมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพกายและจิตใจ ส่วนภายนอกก็ไม่ควรลืมดูแลเสื้อผ้า หน้า ผม ให้เหมาะกับกาลเทศะ คงความอ่อนเยาว์และเสน่ห์ให้ยั่งยืน

4. ลืมบท (บาท) สาวๆ ยุคนี้ทำงานก็เก่ง ตัดสินใจเด็ดขาดในทุกเรื่อง แต่จะมาตกม้าตายตรงที่ลืมนึกไปว่าบางเรื่องในชีวิตส่วนตัวไม่อาจได้ดังใจคิด หัดนึกถึงใจหนุ่มๆ บ้างว่าเขาก็ต้องการคู่คิดหรือคู่ครอง เก็บบทบาทผู้ปกครองเอาไว้ใช้ยามคับขันบ้าง รู้จักบริหารเสน่ห์ ให้เขาสวมบทบาทฮีโร่บ้าง

5. ลืมตัว หมายถึงลืมดูแลผิวพรรณร่างกายในส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือจากผิวหน้า ด้วยความรีบเร่งและให้ความสำคัญกับผิวหน้ามากกว่าผิวกาย เมื่อเวลาผ่านไป ความแตกต่างระหว่างผิวหน้าและกาย โดยเฉพาะส่วนคอ มือ ข้อศอก หัวเข่า หรือผิวที่ถูกแดดคล้ำเสีย ผิวที่เสี่ยงต่อรอยเหี่ยวย่น ต่างๆ เหล่านี้ กลับไม่สอดคล้องกับผิวหน้า อาจทำให้เสียความมั่นใจในการแต่งกายที่ต้องเผยผิว

5 พฤติกรรมบอกว่าคุณติดอินเตอร์เน็ตเข้าแล้ว

5 พฤติกรรมบอกว่าคุณติดอินเตอร์เน็ตเข้าแล้ว



1.นั่งๆ อยู่ ก็รู้สึกอยากออนไลน์ทั้งที่มีงาน มีภารกิจอื่นที่ต้องทำ

2.อยากหยุด หรืออยากลดการใช้อินเตอร์เน็ตแต่ก็ทำไม่ได้สักที และบางทีถึงขั้นหงุดหงิด ซึมเศร้า โมโห เมื่อหยุดใช้อินเตอร์เน็ต (ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องใช้)

3.ออนไลน์นานเกินกว่าความตั้งใจเมื่อเริ่มเล่นตอนแรก

4.ความสัมพันธ์กับครอบครัว หรือกับเพื่อนบางคน บางกลุ่มลดลง

5.เมื่อรู้สึกเศร้า ผิดหวัง ท้อแท้ มักออนไลน์เพื่่อหนีปัญหา หรือปลดปล่อยความรู้สึกเหล่านั้น

วิธีหนีโรคคอมพิวเตอร์

1. การใช้งานคอมพิวเตอร์ 1-2 ชั่วโมง ควรหยุดพัก 10-15 นาที ทั้งหลับตา มองต้นไม้ บริหารดวงตาด้วยการกลอกตาเป็นวงกลม 5-6 รอบ ใช้นิ้วนางแตะหัวตาแต่ละข้าง คลึง กดจุด 1-2 วินาที

2. ตั้งจอคอมพิวเตอร์ห่างจากสายตา 20-24 นิ้ว ระดับต่ำกว่าสายตาเล็กน้อย เพื่อลดการตกของจุดรวมแสง ส่วนความสว่างควรอยู่ที่ประมาณ 3 เท่าของแสงแวดล้อม

3.จัดท่านั่งให้ถูกต้อง เช่น เวลาพิมพ์ข้อศอกกับคีย์บอร์ดอยู่ในระดับเดียวกัน ขาสองข้างวางเรียบกับพื้น นั่งตัวตรง อย่าให้ข้อมือโก่ง โค้งผิดปกติ เวลาใช้เมาส์ตัวอักษรที่เล็กที่สุดที่คุณสามารถอ่านได้ ใช้ตัวอักษรสีดำ บนพื้นสีขาวเป็นหลัก หลีกเลี่ยงพื้นสีเข้ม

4. ควรออกกำลังกาย เช่น กำมือ คลายมือ นวดไหล่ ต้นคอ ยืดแขน ลุกขึ้นยืนขยับตัวเป็นระยะ ๆ

5. หมั่นทำความสะอาดปัดฝุ่น เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค

เลขนำโชคประจำราศี

เลขมงคลนำโชคประจำราศีเกิด



ราศีเมษ (21 มี.ค. – 20 เม.ย.) เลขนำโชค คือ 1, 4, 9 เลขตัดโชค คือ 2


ราศีพฤษภ (21 เม.ย. – 21 พ.ค.) เลขนำโชค คือ 4, 5, 6, 7, 1 เลขตัดโชค คือ 8


ราศีเมถุน (22พ.ค. – 21มิ.ย.) เลขนำโชค คือ 5, 9, 4, 3, 6 เลขตัดโชค คือ 3


ราศีกรกฎ(22มิ.ย. - 23ก.ค.) เลขนำโชค คือ 2, 7, 8, 0 เลขตัดโชค คือ 1


ราศีสิงค์(24ก.ค. – 23ส.ค.) เลขนำโชค คือ 8 , 9, 3, 1 เลขตัดโชค คือ 6


ราศีกันย์ (24ส.ค. – 23ก.ย.) เลขนำโชค คือ 4 , 5, 0, 6, 9 เลขตัดโชค คือ 3


ราศีตุล(24ก.ย. – 23ต.ค.) เลขนำโชค คือ 3, 6, 7 ลขตัดโชค คือ 8


ราศีพิจิก(24ต.ค. – 22พ.ย.) เลขนำโชค คือ 3 , 4, 5, 1 เลขตัดโชค คือ 2


ราศีธนู(23พ.ย. – 21ธ.ค.) เลขนำโชค คือ 5 , 9, 1, 2 เลขตัดโชค คือ 7


ราศีมังกร(22ธ.ค. – 20 ม.ค.) เลขนำโชค คือ 1, 2, 8 เลขตัดโชค คือ 7


ราศีกุมภ์(21ม.ค. – 19ก.พ.) เลขนำโชค คือ 1, 7, 5, 4 เลขตัดโชค คือ 8


ราศีมีน(20ก.พ. – 20มี.ค.) เลขนำโชค คือ 2, 6, 9 เลขตัดโชค คือ 3

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ลางบอกเหตุ : ตาเขม่น


เรื่องตาเขม่นตามความเป็นจริงแล้ว เขม่นได้หลายส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก แขน ขา หรือแม้กระทั่งตา ดังนั้นการเขม่นตาจะแบ่งออก เป็น 3 ช่วง มีอะไรบ้างมาดูกัน

หากเขม่นตาในช่วงเช้า - บ่าย คนโบราณกล่าวไว้ว่า

- หากเป็นข้างขวา จะมีโชค ลาภ ได้รับข่าวดี เรียกว่า จะสมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คอย

- หากเขม่นที่ตาซ้าย ท่านว่าจะมีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน เช่น มีการทะเลาะกัน เกิดขึ้น หรือจะต้องสูญเสียของรักบางอย่างไป

- ถ้าเขม่นตาไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวาในช่วงเวลาเย็น ถือว่ามีโชคมีลาภ จะได้พบญาติสนิทมิตรรักเดินทางมาหา

ถ้าเป็นในช่วงกลางคืน

- การเขม่นตาขวา จะได้ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิดขึ้น

- ถ้าหากเขม่นตาซ้าย จะมีโชคลาภจากเพื่อน จะสมหวังสิ่งที่รอคอย เรียกว่า ขวาร้าย-ซ้ายดี

การเขม่นตานี้เชื่อกันว่า เป็นลางบอกเหตุที่แม่นยำมาก ท่านให้ถือเวลาที่จะเกิดเหตุไม่ดีและร้ายภายใน 3 วันอย่างแน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทายใจจากของขวัญ

เครื่องสำอาง-น้ำหอม (สัญลักษณ์ของเสน่ห์และความปรารถนาดี)
เป็นคนที่มีรสนิยมดี มีเสน่ห์ มักชอบสร้างความประทับใจให้ผู้อื่น เข้ากับคนได้ง่าย รักสวยรักงาม ค่อนข้างสำอาง มีความหยิ่งทรนงในตนเอง ไม่ใช่คนเรียบง่ายและมักเป็นห่วงภาพลักษณ์ของตนเองเสมอ

เครื่องประดับ (ความหรูและความสำเร็จ)
ต่างหู แหวน กำไล สร้อยข้อมือ สร้อยข้อเท้า หรือจี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับชนิดใด แสดงว่าเป็นคนช่างสังเกต ช่างเลือก ช่างคิด ให้ความสนใจในการวางตัวและการสร้างภาพพจน์เป็นคนที่มีรสนิยม รักสวยรักงาม ชอบความโดดเด่น




อัลบั้มภาพ (ความทรงจำ)
เป็นคนที่ใส่ใจความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้อื่นเสมอ มีความละเอียดอ่อน แต่ไม่ใช่คนเจ้าระเบียบ เป็นคนละเอียดรอบคอบ เป็นคนให้ความใส่ใจกับคนอื่น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มักคำนึงถึงสิ่งดีๆ เป็นประโยชน์มากกว่าเรื่องไร้สาระ

เสื้อผ้า (ภาพลักษณ์)
เป็นคนมีความค่อนข้างนับถือตนเอง ชอบคิดชอบวางแผน ช่างสังเกต เป็นคนมีน้ำใจ เหมือนเป็นคนเรียบง่าย เป็นคนห่วงในเรื่องศักดิ์ศรี ชื่อเสียง




ถ้วยกาแฟ-ถ้วยชา (มิตรภาพ)
เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย ชอบความอบอุ่นความผูกพัน ถึงจะไม่ใช่คนละเอียดลึกซึ้ง แต่ก็ชอบคิดชอบฝัน รักอิสระ รักเพื่อน ชอบความเรียบง่ายมากกว่าอะไรที่เป็นทางการ หรือหลายขั้นตอน

กรอบรูป (คิดถึงและความทรงจำ)
เป็นคนที่ชอบจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านไป ค่อนข้างจะมีไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบงานศิลปะ ชอบตกแต่ง มีอารมณ์หัวแข็งบ้างบางครั้ง แต่ก็รู้จักใส่ใจคนอื่น เป็นคนอ่อนไหวแต่ไม่ใช่คนอ่อนแอ

8 สิ่งที่ "ควรทำ" ต้อนรับปีใหม่




ขอพรจากผู้ใหญ่ :: ในช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ ควรที่จะชวนครอบครัวไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่อย่างคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย และผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือนะจ๊ะ เพราะนอกจากจะได้ไปเยี่ยมเยือนพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขแล้ว ยังจะได้เป็นการขอพรปีใหม่จากพวกท่านด้วย

จัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ :: นัดแนะครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงให้พร้อม เพราะปีใหม่ปีนี้ เราจะจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์กันจ้ะ ออกแรงคนละไม้คนมือช่วยกันตกแต่งสถานที่ ทำอาหาร และอาจจะเพิ่มการจับฉลากของขวัญ หรือเกมสนุกๆ เข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มสีสันให้กับงานปาร์ตี้

จัดทริปไปเที่ยว :: ได้หยุดพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวทั้งที่ ก็ควรจัดทริปออกไปเที่ยวพักผ่อน เพื่อเป็นการชาร์ตพลังงานให้พร้อมเตรียมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีมะโรงนี้ โดยสถานที่จะไปนั้นก็เลือกเอาตามความชอบเลยจ้ะ จะขึ้นเหนือไปสัมผัสผัสลมหนาว หรือลงใต้ไปดำน้ำชมปะการังก็ได้ ขอเพียงทริปนี้ยกครอบครัวไปให้ครบทุกคนก็พอแล้วจ้ะ

ทำบุญเสริมสิริมงคล :: ถ้าคิดไม่ออกว่าปีใหม่ปีนี้จะไปไหนล่ะก็ เข้าวัดทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา หรือจะเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีก็ยิ่งดีจ้ะ ซึ่งในปัจจุบันมีวัดอยู่หลายแห่งที่จัดกิจกรรมนี้ เพื่อเป็นการเสริมสิริมงคล และเริ่มต้นสิ่งดีๆ ในปีมะโรงที่จะมาถึงนี้





จัดห้องให้สวยปิ้ง :: หลังจากที่ปล่อยให้ห้องนอนแสนรักกลายเป็นห้องที่แสนรกเหมือนรังหนูมาตลอดทั้งปี ตอนนี้ก็ถึงเวลาจัดห้อง ทำความสะอาด เคลียร์ข้าวของที่ไม่จำเป็นสักที เพื่อเป็นการฟื้นคืนห้องนอนให้กลับมาน่านอนเหมือนเดิม โดยสิ่งของที่ไม่จำเป็น อาจจะนำไปบริจาคให้กับองค์กรต่างๆ ก็ได้จ้ะ

ลืมเรื่องเก่าไปให้หมด :: ถ้าในปีเถาะ เจอเรื่องแย่ๆ มามากมาย ตอนนี้ก๊ถึงเวลา Delete เรื่องเหล่านั้นแล้วจ้ะ เพื่อที่ปีมะโรงที่จะมาถึง เราจะได้เตรียมรับแต่สิ่งดีๆ ที่เข้ามาในชีวิต

ส่งส.ค.ส.แทนความห่วงใย :: ช่วงเวลาดีๆ แบบนี้มันช่างเหมาะที่จะส่งความคิดถึง ความห่วงใย ไปถึงคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูง ดังนั้นปีใหม่ปีนี้ อย่าลืมส่งส.ค.ส. นะจ๊ะ และถ้าใครชื่นชอบเรื่องการประดิดประดอยก็ใช้โอกาสนี้แสดงฝีมือให้คนอื่นได้เห็นเลยจ้ะ

ตั้งเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ :: ปีใหม่ก็ต้องเริ่มต้นสิ่งดีๆ ใช่ไหม มาตั้งเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จในปีมะโรงนี้กันจ้ะ โดยเป้าหมายอาจจะเป็นทำเกรดเฉลี่ยสะสมให้ไม่ต่ำกว่า 3.40 หรือถ้าได้เหรียญ 10 มาก็จะหยอดใส่กระปุก เป็นต้น

ทายใจจาก...การส่องกระจก สังเกตตัวเองว่าชอบทำท่าไหนเวลาส่องกระจก

ท่าทางที่เราแสดงออกไปเมื่อยืนอยู่หน้ากระจกนั้น สามารถบ่งบอกนิสัยของเราได้ด้วย โดยถ้าแสดงสีหน้าแบบ...

ท่าทางทะเล้น :: เป็นคนขี้เล่น มีชีวิตที่สนุกสนาน สดใสตลอดเวลา มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เพื่อนฝูงมากมาย มีความห้าวหาญ ไม่กลัวใคร กล้าที่จะเผชิญกับปัญหาทุกรูปแบบ ไม่ชอบที่จะอยู่ภายใต้คำสั่งของใคร มีความเป็นตัวของตัวเองสูง

ส่งยิ้มให้กับตัวเอง :: มีนิสัยน่ารัก เป็นแม่พระในหมู่เพื่อนฝูงและคนรอบข้าง รักเพื่อน ชอบให้ความช่วยเหลือ คอยเป็นห่วงเป็นใย และพร้อมที่จะแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ให้กับคนรอบข้างอยู่เสมอ




ตีหน้าเครียด :: เป็นคนเอาการเอางาน จริงจังกับชีวิต ไม่ชอบที่จะปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ พยายามหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลา ไม่ชอบที่จะอยู่นิ่งเฉย และจะไม่ยอมทำสิ่งใดที่รู้ว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

แอบปลื้มตัวเองในกระจก :: มีอารมณ์ศิลปิน ช่างคิด ช่างฝัน ช่างจินตนาการ เป็นคนที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มีความทะเยอทะยานสูง เมื่อคิดหรือตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ก็จะมุมานะทำให้ถึงจุดหมายนั้นให้ได้

เขินอาย ไม่กล้าสบตาตัวเองในกระจก :: เป็นคนขี้อาย แต่มีความยึดมั่นในความคิดของตัวเอง มีอารมณ์สุนทรีย์ อ่อนโยน มีความเป็นตัวของตัวเอง ขยันหมั่นเพียร แต่ก็แอบมีมุมที่ดื้อซ่อนอยู่ในตัวเหมือนกัน

สำรวจตัวเองทุกกระเบียดนิ้ว :: เป็นคนรักสวยรักงาม พยายามเอาใจใส่ตัวเองให้ดูดีเสมอ รักความก้าวหน้า มีความพยายามที่จะผลักดันให้ไปถึงจุดที่สูงสุดที่ต้องการ คล่องแคล่ว ไม่ชอบที่จะอยู่ว่างเฉยๆ มักจะหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลา

25 ธ.ค. วันคริสต์มาส :)




คริสต์มาส (อังกฤษ: Christmas; อังกฤษโบราณ: Crīstesmæsse, หมายถึง "มิสซาของพระคริสต์") หรือ วันสมโภชพระคริสตสมภพ (อังกฤษ: Feast of the Nativity) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู มักจัดวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันหยุดทางศาสนาและวัฒนธรรมโดยประชากรโลกหลายพันล้านคน วันดังกล่าวเน้นปีพิธีกรรมของคริสต์ศาสนิกชนเป็นสำคัญ วันคริสต์มาสเป็นวันปิดเทศกาลเตรียมการรับเสด็จ (Advent) และวันเริ่มต้นเทศกาลพระคริสตสมภพ (Christmastide) สิบสองวัน คริสต์มาสเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศทั่วโลก และผู้ที่มิได้นับถือคริสต์เฉลิมฉลองมากขึ้น และเป็นส่วนสำคัญในคริสต์มาสและฤดูวันหยุด
วันที่พระเยซูประสูติจริง ๆ นั้น ซึ่งนักประวัติศาสตร์คะเนไว้ระหว่าง 2 ปีก่อน ค.ศ. และ ค.ศ. 7 ไม่เป็นที่ทราบ ในช่วงต้นถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 4 โบสถ์คริสต์ตะวันตกกำหนดวันคริสต์มาสครั้งแรกไว้ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งวันที่ดังกล่าวศาสนาคริสต์ทางตะวันออกได้รับไปภายหลัง มีการพัฒนาทฤษฎีเพื่ออธิบายว่าทางเลือกนั้น รวมถึงเป็นวันเก้าเดือนพอดีหลังการเฉลิมฉลองนางมารีย์รับการประสูติของพระเยซูของคริสต์ศาสนิกชน หรือถูกเลือกให้ตรงกับวันเหมายันของโรมัน หรือเทศกาลฤดูหนาวเพเกินโบราณบางอย่าง
วันการเฉลิมฉลองของศาสนาคริสต์ตะวันออกแต่เดิม คือ วันที่ 6 มกราคม โดยเชื่อมโยงกับวันฉลองการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ (Epiphany) และในปัจจุบัน วันดังกล่าวยังคงเป็นวันเฉลิมฉลองสำหรับศาสนจักรอะโพสโตลิคอาร์เมเนียและในอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จนถึง ค.ศ. 2011 ระหว่างปฏิทินเกรโกเรียนสมัยใหม่และปฏิทินจูเลียนที่เก่ากว่า มีวันที่ต่างกันอยู่ 13 วัน ผู้ที่ยังใช้ปฏิทินจูเลียนหรือเทียบเท่าต่อไปจึงเฉลิมฉลองวันที่ 25 ธันวาคมและ 6 มกราคมโดยประชากรโลกส่วนใหญ่ ในวันที่ 7 มกราคมและ 19 มกราคม ด้วยเหตุนี้ เอธิโอเปียรัสเซีย ยูเครนและมาเซโดเนียจึงเฉลิมฉลองคริสต์มาส ทั้งที่เป็นวันสมโภชของคริสต์ศาสนิกชนและที่เป็นวันหยุดราชการ ตามในปฏิทินเกรโกเรียนคือ วันที่ 7 มกราคม
ประเพณีการเฉลิมฉลองอันเป็นที่นิยมที่เหมือนกันในหลายประเทศมีการผสมผสานแนวคิดและกำเนิดก่อนคริสเตียน คริสเตียนและฆราวาส ประเพณีสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมในวันดังกล่าวมีการให้ของขวัญ เพลงคริสต์มาสและเพลงเทศกาล การแลกเปลี่ยนบัตรคริสต์มาส การตกแต่งโบสถ์ มื้อพิเศษ และการจัดแสดงการประดับตกแต่งหลายอย่าง รวมทั้งต้นคริสต์มาส แสงไฟ ฉากการประสูติของพระเยซู มาลัย พวงหรีด มิสเซิลโทและฮอลลี นอกเหนือจากนั้น บุคคลที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดและบ่อยครั้งแทนกันได้หลายคน เช่น ซานตาคลอส ฟาเธอร์คริสต์มาส นักบุญนิโคลัส และคริส คริงเกิล ตลอดจนชื่ออื่นทั้งหลาย เกี่ยวข้องกับการนำของขวัญไปให้แก่เด็กระหว่างเทศกาลคริสต์มาส และมีประเพณีและตำนานเป็นของตนเอง เพราะการให้ของขวัญและอีกหลายแง่มุมของเทศกาลคริสต์มาสที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งคริสต์ศาสนิกชนและผู้ที่มิใช่คริสต์ศาสนิกชน วันคริสต์มาสจึงเป็นเหตุการณ์สำคัญและช่วงลดราคาหลักสำหรับผู้ค้าปลีกและธุรกิจ ผลกระทบทางเศรษฐกิจของคริสต์มาสเป็นปัจจัยซึ่งเติบโตขึ้นคงที่ตลอดศตวรรษที่ผ่านมาในหลายภูมิภาคทั่วโลก

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แนะวิธีแก้เผ็ด...พริก




แนะวิธีแก้เผ็ด...พริก

ไม่ได้กำลังแนะนำให้คุณโต้ตอบใครที่เขาทำให้คุณเจ็บใจหรอกนะ แต่หมายถึงวิธีแก้ความเผ็ดเวลาที่คุณเผลอกินพริกเม็ดจิ๋ว แต่เผ็ดร้อนแรงยิ่งนักต่างหาก

ความเชื่อเก่า : ดื่มน้ำเย็นตามทันที เพื่อหวังดับความเผ็ดร้อนก่อนจะพ่นไฟเป็นมังกร

ผลที่ได้ : ไม่ได้ช่วยให้คุณหายเผ็ด แต่กลับกลายเป็นว่า การดื่มน้ำจะยิ่งไปกระจายความเผ็ดให้ทั่วปากมากขึ้นแทน

มาดูวิธีแก้เผ็ด (พริก) อย่างถูกวิธีกันดีกว่า

1. รับประทานข้าว ขนมปัง หรือจะดื่มนม จากนั้นค่อยอมลูกอมก็ได้เพราะความหวานในอาหาร เครื่องดื่ม หรือลูกอมเหล่านี้ จะช่วยดูดซับสารแคปไซซิน(Capsaicin) ที่เป็นตัวการให้เกิดความเผ็ดร้อน เมื่อลิ้นหรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไปสัมผัสเจ้าพริกเม็ดจิ๋วเข้า

2. ดื่มน้ำมะนาว หรือน้ำมะเขือเทศสด ๆ จะช่วยแก้เผ็ดได้ เพราะกรดจะไปทำปฏิกิริยากับสารดังกล่าว ซึ่งเป็นด่าง ทำให้ความเผ็ดแผลงอิทธิฤทธิ์น้อยลง

วิธี แก้ริมฝีปากดำ ปากแห้ง แตก

วิธีการแก้ไขได้ไม่ยากริมฝีปากคล้ำ




หาก สำรวจตัวเองจนได้คำตอบแล้วว่า ต้นตอของปัญหา ริมฝีปากดำคล้ำ แห้ง แตก และลอกเป็นขุย เกิดจากสาเหตุใด วิธีแก้ไขก็ไม่ใช้เรื่องยากเย็นอะไรเลย โดยปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ คือ

1. ดื่มน้ำมากๆ มากจนเพียงพอที่จะให้ความชุมชื้นถึงทุกส่วนของ ผิวหนัง รวมทั้งริมฝีปาก เพราะยิ่งอายุเพิ่มขึ้น เซลล์ในร่างกายจะเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง

2. เมื่อกินผักผลไม้เสร็จแล้ว ล้างปากให้สะอาดทุกครั้ง

3. เปลี่ยนยาสีฟันที่มีฟองมาก รสเผ็ดซ่า เป็นยี่ฮ้อที่มีฟองน้อยลง และเผ็ดน้อย หรือใช้ยาสีฟันเด็ก หรืออาจใช้วิธีทาวาสลินขาวเคลือบริมฝีปากก่อนแปรงฟัน เพื่อป้องกันฟองยาสีฟันรบกวนริมฝีปาก ถ้าไม่มีวาสลินขาวอาจใช้เบบี้ออยล์ (baby oil) แทนก็ได้

4. อย่าเลียริมฝีปากแม้ว่าจะช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื่นขึ้น (ชั่วคราว) แต่เมื่อความชื้นระเหยกลับ จะทำให้ริมฝีปากแห้งมากขึ้น

5. ทาริมฝีมากบ่อยๆ ด้วยวาสลินขาว แทนลิปกลอสหรือลิปมัน ที่แห้งหรือแข็งเกินไป หรืออาจใช้ลิปปาล์มที่มีสารจากธรรมชาติ และมีสารป้องกันแสงแดดอยู่ด้วย

ตั๋วรถเมล์ทายใจ

ทุกๆคน มีวิธีการเก็บตั๋วโดยสาร เก็บแบบไหนมาทายใจกันเลย


1. พับเป็นชิ้นเล็กๆ
2. พับเป็นนกตัวเล็กๆ
3. กำไว้ในมือ
4. เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์
5. ม้วนเป็นหลอดกลม
6. สอดไว้ในหนังสือ
7. เสียบไว้ตามเบาะรถ
8. เก็บไว้ที่แหวน หรือสายนาฬิกา



พับเป็นชิ้นเล็กๆ
ชีวิตของคุณช่างเรียบง่ายเสียเหลือเกิน ก็เพราะคุณไม่ค่อยอยากจะคิดอะไรให้มันมากมายนัก การได้ปลดปล่อยชีวิตไปเรื่อยๆ ถือเป็นความสุข เป็นคนมองโลกในแง่ดีและเกลียดคำว่าศัตรู แต่รักคำว่ามิตรภาพมากที่สุด

พับเป็นนก
โดยส่วนตัวแล้วคุณเปิดเผย แต่ก็มีบางครั้งที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองมากไปสักหน่อย ไม่ค่อยจะสนใจคนรอบข้างมากนัก บางครั้งไม่สนใจว่าสิ่งที่คุณกระทำจะกระทบกับใครบ้าง

กำไว้ในมือ
ความซื่อสัตย์คือหัวใจของคุณ คุณไม่ชอบก่อความเดือนร้อนให้ผู้อื่นและยังชอบทำอะไรด้วยตัวเองเสมอๆ อาศัยความเคยชินและความชำนาญเป็นที่ตั้ง ซึ่งบางสิ่งที่คุณทำก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าทำไม

เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์
คุณเป็นคนชอบเข้าสังคม มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมากๆ เข้ากับคนง่าย ชอบทำอะไรเป็นระเบียบ ที่สำคัญคุณเป็นคนที่น่าคบมากทีเดียว เพราะความที่คุณชอบที่จะให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆ อยู่เสมอ

ม้วนเป็นหลอดกลม
คุณเป็นคนมีจินตนาการสูงส่ง ช่างคิดช่างฝัน มีความโรแมนติกในเรื่องความรักมาก บางครั้งดูเหมือนจะเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว แต่เพราะคำว่าการให้อภัยมันมีค่ามาก คุณจึงไม่เคยคิดจะทำอะไรให้ใครต้องเดือนร้อน

สอดไว้ในหนังสือ
เป็นคนใจร้อนและอารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ ไม่ค่อยละเอียดรอบคอบ หลงเชื่อคนอื่นง่าย แบบนี้ต้องรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนรอบข้างแล้วนะ ที่สำคัญเพื่อตัวคุณเอง

เสียบไว้ตามเบาะรถ
คุณเป็นคนที่ไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกใครๆ มักจะทำอะไรตามความรู้สึกของตัวเองอยู่บ่อยๆ เพราะคุณยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ แต่ในส่วนลึกๆ แล้วคุณช่างเป็นคนขี้เหงามากๆ คุณอยากได้ความรัก ความสนใจจากคนรอบข้างมากๆ

เก็บไว้ที่แหวน หรือสายนาฬิกา
คุณสนใจเรื่องของคนอื่น เป็นคนที่เก็บความลับไม่อยู่ เพราะความที่คุณเป็นคนที่เปิดเผย ตรงไปตรงมา แต่ข้อดีของคุณคือชอบช่วยเหลือคนอื่น ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะช่วยได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิธีการสร้างสมาธิแบบเดิมๆ เช่น การนั่งสมาธิ การฟังเพลง น้องๆ อาจจะรู้อยู่แล้ว ดังนั้น เคล็ดลับของพี่มิ้นท์วันนี้ จึงเอาวิธีสร้างสมาธิด้วยสารพัดกลิ่นมาบอกต่อน้องๆ รับรองว่าเจ๋งจริงอะไรจริง สมาธิบรรเจิด แถมได้อยู่กับกลิ่นหอมๆ ด้วย โรแมนติกได้อีกอะ^^

ในทางตรงกันข้าม บางกลิ่นที่หอมๆ ก็ประโยชน์ต่อร่างกาย สรรพคุณของมัน จะช่วยสร้างสมาธิ ทำให้สมองผ่อนคลาย รู้สึกมีความสุข เจ้าสิ่งพวกนี้ คือ น้ำมันหอมระเหยนั่นเอง และพี่มิ้นท์ ก็กำลังจะพาน้องๆ มารู้จักกับ "กลิ่น" ที่มีพลังวิเศษ ช่วยให้ผ่อนคลาย อ่านหนังสือรู้เรื่องอย่างไม่รู้ตัว

"กลิ่น" ไหนบ้าง ที่มีประโยชน์

1) กลิ่นลาเวนเดอร์ ช่วยลดความเครียด ลดอาการปวดหัว ถ้าอ่านหนังสือแล้วรู้สึกมึนๆ ปวดหัว ก็ลองหากลิ่นนี้มาใช้ดู เพราะคุณสมบัติของกลิ่นนี้จะกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาท สามารถลดความกังวลและความตื่นเต้นได้ จะรู้สึกสงบลง ถ้าจะออกไปรายงานหน้าห้อง ลองพกกลิ่นนี้ไว้ด้วยก็ได้นะ เผื่อจะหายตื่นเต้น ฮ่าๆ แต่อย่าเผลอเอายากันยุง กลิ่นลาเวนเดอร์มาจุดล่ะ อันนี้น่าจะมึนหัวกว่าเดิม





2) กลิ่นโรสแมรี่ ช่วยให้สดชื่น แจ่มใส แก้ง่วง ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนเลือดในสมองดีขึ้น เป็นประโยชน์โดยตรงสำหรับสมอง ที่จะทำให้รับรู้และจดจำแม่นขึ้น อยากสร้างสมาธิให้จำแม่นขึ้น ต้องลองหากินนี้มาใช้นะ
3) กลิ่นซีตรัส แบบอ่อนๆ เช่น กลิ่นมะนาว เลมอน หรือกลิ่นพวกเกรปฟรุตต่างๆ จะให้ความรู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง เพราะลักษณะของกลิ่นจะให้ความรู้สึกสะอาด ๆ สร้างสมาธิได้ดีเหมือนกัน นอกจากนี้ยังคลายเครียดได้อีกด้วย
4) กลิ่นมินต์ (ไม่ใช่กลิ่นพี่มิ้นท์นะ อิอิ) ช่วยให้รู้สึกมีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า อยากอ่านหนังสือ เพราะโมเลกุลของมินต์มีผลต่อการสื่อสารของเซลล์ประสาท จึงเพิ่มพลังสมองได้ และยังมีสรรพคุณคล้ายๆ โรสแมรี่ คือช่วยให้ความจำดีขึ้นได้ด้วย
5) กลิ่นคาโมมายล์ ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง แจ่มใส มีสมาธิ ลดความเครียดได้เหมือนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สุขภาพดีง่ายๆด้วยการกิน

การรักษาสุขภาพ และการเอาใจใส่เรื่องการบริโภค ไม่เพียงแต่ทำให้รูปร่างดีเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ทำให้คุณเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างง่ายดาย และยังทำให้คุณห่างไกลจากโรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน ทั้งนี้การป่วยด้วยโรคต่างๆ มีส่วนมาจากการเลือกรับประทานอาหารด้วยเช่นกัน นอกจากนี้หากมีการออกกำลังควบคู่ไปด้วยยิ่งส่งผลให้ทั้งสุขภาพและรูปร่างของ คุณดูดีอยู่เสมอ

นี่คือหลักการง่ายๆของการรับประทานอาหารเพื่อการมีสุขภาพที่ดี

พึงระวังโรคที่มากับความเค็ม
การ บริโภคเกลือมากเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการอาจทำก่อให้เกิดโรคหัวใจ รวมถึงภาวะอุดตันของเส้นเลือด ด้านองค์การอาหารแนะนำว่า ร่างกายต้องการปริมาณเกลือในแต่ละวันเพียง 6 กรัมเท่านั้น ดังนั้นจึงพึงระวังโรคร้ายที่แฝงมากับเกลือจากผลิตภัณฑ์ของอาหารในรูปแบบ ต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ร่างกายได้รับเกลือมากเกินความต้องการ

ทั้งนี้ การชิมอาหารก่อนการเติมเครื่องปรุงเพิ่มนั้น อาจทำให้คุณไม่ปรารถนาที่จะเติมเกลือเพิ่มลงไป หรือไม่อย่างนั้นคุณอาจใช้เครื่องปรุงสมุนไพรให้มีรสชาติจัดจ้านแทน

ระวังโรคอ้วนจู่โจม
หาก คุณเป็นคนที่มีรูปร่างอ้วนมากเกินไป จากการเลือกรับประทานแต่อาหารที่มีไขมันสูงนั้น อาจส่งผลให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด และเป็นโรคหัวใจได้เช่นกัน อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพนั้น มักพบในอาหารจำพวก พาย พาสทรีส์ บิสกิต ดังนั้นทางที่ดี จึงควรเลือกบริโภคอาหารที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันตับปลา ถั่ว หรือ อโวคาโด อาหารเหล่านี้ สามารถลดปริมาณไขมันในเส้นเลือดได้
การเลือกรับประทานอาหารช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้ดีได้
การ รับประทานผัก และ ผลไม้ ให้ติดจนเป็นนิสัยทุกวัน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากจะทำให้คุณได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลาย การรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณ 80 กรัมต่อวันนั้นยิ่งส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน อย่างเช่น ทานองุ่นวันละ 1 กำมือ พริกวันละครึ่งเม็ด หรือลูกพลัมขนาดกลางอีกวันละ 2 ผล ควรพยายามทานผัก ผลไม้ทุกวัน และทุกมื้อ

เริ่มจากแครอทและมันเทศ เต็ม ไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งนี้การเพิ่มรสชาติด้วยพริกไทยดำ หรือเนยอีกเพียงเล็กน้อย สามารถทานคู่กับไส้กรอก หรือเนื้อได้อร่อยอย่างน่ามหัศจรรย์

อโวคาโด ถึงแม้จะเป็นผลไม้ที่มีไขมันมากที่สุด แต่สามารถทานได้เป็นประจำทุกวัน เนื่องจากไขมันของอโวคาโด เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และสามารถลดไขมันในเส้นเลือดได้ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินอี วิตามินบี6 และแร่ธาตุ

ผักโขม นับเป็นแหล่งรวมวิตามินซี ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรคต่างๆ ตั้งแต่โรคเหน็บชาไปจนถึงโรคเกี่ยวกับสมอง
นอก จากผักจะเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหารแล้ว ผักยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเพิ่มรสชาติให้กับอาหารอีกด้วย ดังนั้น ในการรับประทานอาหารทุกมื้อ จึงไม่ควรมองข้มที่จะใส่ผักลงไปในอาหารทุกจาน ทั้งในอาหารจำพวกพาสต้า สตูว์ หรือแกงกะหรี่ เพิ่ม ถั่ว ข้าวโพดอ่อน หรือแครอท ลงในพาย เติมสัปปะรด พริกไทย ในพิซซ่า รวมถึงใส่เห็ดลงในลาซาญญ่า และคาเนลโลนี เพื่อช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับอาหารและทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีโดยไม่รู้ตัวอีก ด้วย...

ที่มา hellomagazine.com

doppelganger…ภูตเงา หรือ ผีคนเป็น


ดอพเพลแกงเกอร์ (เยอรมัน: doppelganger) เป็นความเชื่อ โดย doppel มีความหมายเดียวกับคำว่า double ในภาษาอังกฤษหรือแปลได้ว่า “ซ้ำสอง” ส่วนคำว่า g?nger หมายถึง “goer” มีคำเรียกอีกอย่างว่า evil twin (แฝดปีศาจ) หรือ bilocation (การปรากฏตนในสองสถานที่) ซึ่งมีที่มาจากเรื่องเล่าขานพื้นบ้านของเยอรมัน

นิยามกว้าง ๆ ของดอพเพลแกงเกอร์ กล่าวถึงปรากฏการณ์ที่มีการพบเห็นบุคคลหนึ่งผู้ในเวลาเดียวกันแต่ต่างสถานที่ ศัพท์นี้ได้ถูกนำมาใช้มากที่สุดกับกรณีของฝาแฝดผู้ชั่วร้าย ซึ่งปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปในวรรณกรรมและภาพยนตร์แนวลึกลับต่างๆ โดยทั่วไปแล้วดอพเพลแกงเกอร์ถูกถือเป็นสัญญาณแห่งความโชคร้าย ความเจ็บป่วยหรือภยันตรายจะเกิดขึ้นหากเพื่อนฝูงหรือเครือญาติได้พบเห็น ในขณะที่การพบเห็นดอพเพลแกงเกอร์ของตนจะนำมาซึ่งความตาย ถึงกระนั้น รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ที่ว่านี้นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นไปในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงดังกล่าว เนื่องจากเรื่องราวและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับคำนี้มีขอบเขตที่กว้างกว่านั้นมาก

ดอพเพลแกงเกอร์ เป็นคำที่ใช้เรียกกรณีที่มนุษย์คนหนึ่งได้ปรากฏตัวตนเพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกคนหนึ่ง ซึ่งจะมีลักษณะภายนอกเหมือนกันทุกประการ

ตามเรื่องราวที่เล่าขานกันมาดอพเพลแกงเกอร์นั้นจะไม่มีเงาของตัวเอง รวมทั้งไม่มีภาพสะท้อนบนกระจกหรือผิวน้ำ มันอาจจะให้คำแนะนำอะไรบางอย่างกับบุคคลต้นแบบของมันด้วยเจตนาร้าย ซึ่งยุแยงให้เกิดความเข้าใจผิดต่าง ๆ หรืออาจจะปรากฏตัวต่อหน้าญาติมิตรเพื่อทำให้เกิดความสับสน และมันอาจจะปรากฏตัวในลักษณะที่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ยามที่บุคคลต้นแบบของมันเจ็บไข้ได้ป่วย

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าปรากฏการณ์ดอพเพลแกงเกอร์นั้นเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใด ความเชื่อบางประเภทนั้นยึดหลักที่ว่า มนุษย์ทุกคนบนโลกจะมีฝาแฝดของตนอยู่ หากบุคคลนั้นเป็นคนดี ฝาแฝดก็จะชั่วร้าย หากบุคคลนั้นเป็นคนชั่วร้าย ฝาแฝดก็จะเป็นไปในทางกลับกัน และการที่ฝาแฝดทั้งสองมาพบกันนั้นก็จะยังผลให้ทั้งคู่ต้องพบกับจุดจบของชีวิต บ้างก็เชื่อว่าดอพเพลแกงเกอร์เป็นภูตผีปีศาจในรูปแบบหนึ่งที่จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อบ่งบอกถึงลางร้าย หากพวกมันไม่ได้ นำพามาซึ่งลางร้ายเสียเอง นอกเหนือไปจากนี้แล้ว บุคคลบางกลุ่มมีความเห็นเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ว่านี้ว่า น่าจะเป็นรูปแบบหนึ่งของการใช้พลังจิตที่มีชื่อเรียกว่า “Out-of-Body Experience” หรือ “Astral Projection” ในกรณีนี้ มีการกล่าวอ้างว่ามีหลายคนพบเห็นพราหมณ์บางคนหลายสถานที่ในเวลาเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่พราหมณ์ผู้นั้นกำลังนอนอยู่

บางความเชื่อก็ว่าดอพเพลแกงเกอร์นั้นจะยืนอยู่หลังเจ้าของตลอดเวลา มีความว่องไวในการหลบหลีกสูงจนแม้หากหันหน้าเร็วยังไงก็ไม่ทันมัน นอกจากนี้มันยังเลียนแบบทำทุกอย่างตามเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสีหน้า การเลียนเสียงซึ่งมันจะพูดออกมาพร้อมกับเจ้าของเอง เสียงของมันคล้ายกับเจ้าของจนดูดกลืนเข้าไปด้วยกัน

ชาวต่างชาติบางกลุ่มเชื่อว่าดอพเพลแกงเกอร์ คือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาเพื่อคอยช่วยเหลือมนุษย์เราไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไป เพราะมันจะรับฟังสิ่งที่เราพูดทุกอย่าง แม้แต่สิ่งที่ผู้อื่นไม่อยากฟัง และตอบคำถามที่ใคร ๆ ไม่สนใจจะตอบโดยการสร้างรอยพิมพ์คำตอบเหล่านั้นขึ้นมาในจิตใต้สำนึกของเรา ในบางครั้งก็ช่วยเหลือเราด้วย เช่น เมื่อถึงคราวคับขัน เรามักจะรอดตายอย่างหวุดหวิดแบบฉิวเฉียด ทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม นั่นเป็นเพราะเจ้าดอพเพลแกงเกอร์ พุ่งออกมาเร็วกว่าและหยุดยั้งเราเอาไว้ได้

สุนัขและแมว สามารถเห็นเงาดอพเพลแกงเกอร์ของเราได้ ด้วยเหตุนี้แมวจึงมักจะมองข้ามไหล่ของเข้าของ ราวกับว่ามีใครหรืออะไรอยู่ตรงนั้น และบางทีสุนัขก็มักจะลุกขึ้นมาเห่าตามหลังเจ้าของตัวเอง นั่นก็เป็นเพราะมันเห็นสิ่งแปลกปลอมนั่นเอง สำหรับคนหนุ่มสาวแล้วเรื่องดอพเพลแกงเกอร์ อาจจะฟังดูไม่เข้าท่า แต่บางครั้งคนเฒ่าคนแก่ก็นั่งคุยคนเดียวได้เป็นตุเป็นตะได้ทั้งวัน เหมือนพวกเขากำลังคุยอยู่กับใครบางคน

ข้างต้นดูเหมือนว่าดอพเพลแกงเกอร์ จะเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ แต่ก็มีความเชื่อหลายอย่างที่นับว่าน่ากลัวทีเดียว นั่นคือ หากดอพเพลแกงเกอร์ได้รับแรงกระทบจากความอาฆาตแค้นและความพยาบาทจากเจ้าของ มันจะทอดทิ้งร่างไปชั่วคราวเพื่อทำการแก้แค้นด้วยตัวของมันเอง เช่นก่อดคีเลวร้ายต่าง ๆ ในรูปลักษณ์ของเรา ทั้งที่เราก็อยู่เฉย ๆ และอาจจะแย่ยิ่งกว่านั้น หากมันไม่ไปก่อเรื่องด้วยตัวเอง แต่กลับยืมมือเจ้าของมาทำเสียเอง โดยบังคับให้เราคิด หรือทำ อย่างที่มันต้องการ โดยผิดวิสัยความเป็นตัวเราอย่างสิ้นเชิง…

สรุป ดอพเพลแกงเกอร์ คือ ความเชื่อที่ว่า คนเรามีเงา หรือ ตัวตน ของเราในอีกรูปแบบหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกัน แต่อาจมีนิสัยที่ตรงข้ามกัน อาจปรากฏตัวตามที่ต่าง ๆ พร้อม ๆ กับเรา และทำพฤติกรรมต่าง ๆ ในนามของเรา บ้างก็เชื่อว่าเป็นผู้คอยช่วยเหลือเจ้าของร่าง บ้างก็เชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุร้าย แต่โดยทั่วไปเชื่อว่า หากดอพเพลแกงเกอร์ของบุคคลใด ๆ ถูกพบเห็น จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับบุคคลนั้นถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว

ตัวอย่าง ปรากฏการณ์ดอพเพลแกงเกอร์จากทั่วโลก

หญิงสาวชาวโปรตุเกสคนหนึ่งเล่าว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่เธอกำลังขนของย้ายบ้าน เธอได้เห็นพี่ชายของเธอมาช่วยขนของ ซึ่งในเวลานั้นพี่ชายของเธอไปรบ จึงน่าจะอยู่ที่สนามรบ หลังจากที่ขนของย้ายบ้านเสร็จ พี่ชายของเธอก็หายตัวไป และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีนายทหารมาแจ้งข่าวให้เธอทราบว่า พี่ชายของเธอได้เสียชีวิตในสนามรบเสียแล้ว

ที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า เขาได้เห็นตัวเองในสวนสาธารณะ ซึ่งเขาคิดว่าคงเป็นคนที่หน้าตาเหมือนกัน จึงไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก และในตอนเย็นวันเดียวกันนั้นเอง เขาได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง แต่เขารอดชีวิตมาได้ ถึงกระนั้นก็ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายเดือนทีเดียว

ชายอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ขณะที่เขาเที่ยวอยู่ที่ตุรกี เขาได้เห็นเพื่อนของเขาเดินเข้าไปในโบสถ์ที่เคยมาเที่ยวด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่เพื่อนของเขานอนป่วยและรักษาตัวอยู่ที่ประเทศเยอรมัน

ว่ากันว่า คนที่ได้เห็น ดอพเพลแกงเกอร์ของตนเอง ร่างกายจะค่อย ๆ ทรุดโทรมลงและพบกับความตายภายใน 1 ปี...



อ้างอิงจาก : http://th.wikipedia.org/wiki
ขอขอบคุณ : http://lonesomebabe.spaces.live.com

ขอบคุณที่รับชมค่ะ^^~



Credit : Indepencil.com

เคล็ดลับบำรุงสมองให้จำแม่นขึ้น


ในช่วงนี้น้องๆหลายๆคนกำลังเข้าสู่การเตรียมตัวสอบFinal หรือเตรียมตัวสอบเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัย ปุ๋มปิ๋มจะมาเผยเคล็ดลับในการบำรุงสมองที่ช่วยในส่วนของการจำรายละเอียดต่างๆให้ดีขึ้น ด้วยการ กิน!! อาหารที่มีประโยชน์และที่อาหารที่สมองต้องการ มีดังนี้

ก่อนอื่นเราต้องรู้กันก่อนว่าสมองต้องการสารอาหารอะไรบ้างที่ช่วยในการจำ!!

+ วิตามินบี ได้แก่ วิตามินบี1 บี2 บี6 บี12 ไนอะซิน แพนโธทีนิคและกรดโฟลิค เป็นกลุ่มของวิตามินที่มีความจำเป็นต่อเส้นประสาทป้องกันสมองเสื่อม ความจำเลอะเลือน และความสมบูรณ์ของอวัยวะ ต่าง ๆ

- วิตามิน B1 มีมากในเมล็ดข้าวต่าง ๆ ที่ไม่ได้ขัดให้ขาว เช่น ข้าวซ้อมมือ หรือข้าวแดง ข้าวโอ๊ต เนื้อหมู ตับ ถั่ว รำข้าว และยีสต์ที่ตายแล้ว

- วิตามิน B2 พบในอาหารประเภท เครื่องใน เช่น ตับ ไต (เซี่ยงจี๊) น้ำนม และนมเปรี้ยว (โยเกิร์ต) ผักใบเขียว และ ปลา

- วิตามิน B6 มีในปลา เป็ด ไก่ เนื้อสัตว์ กล้วย ลูกพรุน ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืชไม่ขัดขาว อะโวคาโด ข้าวโพด

- วิตามิน B12 มีอยู่ในเนื้อสัตว์ต่างๆ อาหารทะเล นมและผลิตภัณฑ์จากนม เนยแข็ง

- ไนอะซิน หรือ กรดนิโคตินิก หรือเรียกอีกอย่างว่า วิตามินB3 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ มีสภาพคงทนกว่าวิตามินบี 1 และ บี 2 หลายเท่าตัว มีความทนทานต่อความร้อน แสงสว่าง กรด ด่าง ไนอาซินเป็นวิตามินตัวเดียวที่ร่างกายสังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโน พบมากในเนื้อสัตว์ เนื้อปลา เป็ด ไก่ ถั่ว เครื่องในสัตว์ มันฝรั่ง ธัญพืช นม ยีสต์ ไข่ ผักสีเขียว

- แพนโธทีนิค หรือ วิตมินB5 ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน รักษาระดับพลังงาน และลดความเครียด พบมาใน นมผึ้ง บริเวอรส์ยีสต์ ตับและไต นัต ธัญพืชไม่ขัดขาวและไข่

- กรดโฟลิก มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์ใหม่ ๆ ช่วยให้โครงสร้างสมองสมบูรณ์ ช่วยในการดูดซึมน้ำตาลและโปรตีน และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือด มีมากในผักใบเขียวจัด เช่น ผักโขม บล็อกโคลี่ เห็ด ตับ ถั่วที่มีสีเขียว มันฝรั่ง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลมีล ส้ม ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง ตับ นม ไข่ โยเกิร์ต

+ ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง การขาดธาตุเหล็กจะทำให้สมาธิสั้น ไอคิวลดลง
การเสริมธาตุเหล็กสำหรับผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้าย ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์
ใช้ความคิด เพิ่มทักษะในการใช้คำพูด อาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่ เนื้อสัตว์ ตับ เครื่องใน อาหารทะเล

โคลีน เป็นองค์ประกอบที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมองและสารเคมีในเซลล์สมองที่ชื่อว่า อะเซทิลโคลีน ซึ่งควบคุมความจำ อาหารที่มีโคลีนสูง คือ ไข่แดง ตับ ถั่วลิสง เนยถั่ว บรูเออส์ยีส ส่วนที่มีในปริมาณเล็กน้อยได้แก่ มันฝรั่ง มะเขือเทศ ขนมปังโฮลวีท นม ส้ม ดอกกะหล่ำ และแตงกวา

สารแอนตี้ออกซิแดนท์ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม พืชที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระได้แก่ สารโอพีซีสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากใบแปะก้วย กรดไลโปอิคและสารฟลาโวนอยด์ในผัก ผลไม้ เช่น องุ่น ผลไม้ประเภทเบอร์รี ชาเขียว

** มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พบว่า ผู้ที่บริโภควิตามินซีสูงมีผลการทดสอบด้านสมาธิ ความจำ และการคำนวณดีที่สุด

น้ำมันปลา หรือโอเมก้า 3 ช่วยป้องกันความจำเสื่อม ปลาที่มีโอเมก้า 3 มาก ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาค้อด ปลาซาร์ดีน และปลาแมคคอเรล **ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารแนะนำให้บริโภคเนื้อปลาสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

ถ้ารู้กันเช่นนี้เราควรหาวิธีที่ช่วยบำรุงสมองที่เหนื่อยล้ากลับมาเฟรซอีกครั้งด้วยอาหารที่มีคุณประโยชน์ดีๆเหล่านี้กันนะคะ และสำหรับคนที่ไม่มีเวลาหรือเร่งรีบจริงๆ เราก็สามารถหา เครื่องดื่มบำรุงสมอง ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดมาดื่มในช่วงเช้าก่อนทานอาหารเช้าทุกวันนะคะ และที่สำคัญที่สุด การพักผ่อนนอบหลับเป็นวิธีบำรุงสมองชั้นเยี่ยมเลยทีเดียวจ๊า ^^

Credit http://www.thoondd.com/content.php?id=952

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กินขนมหวาน ทำให้เป็นสิวได้หรือไม่


มีรายงานว่าไม่พบสิวในคนบางกลุ่มซึ่งกินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ จึงมีการตั้งทฤษฎีการได้รับน้ำตาลน้อยว่า เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลน้อยระดับอินซูลินในเลือดจะต่ำ และภาวะน้ำตาลน้อยยับยั้งการผลิตแอนโดรเจน

ส่วนอาหารที่มีน้ำตาลสูงทำให้มีอินซูลินในเลือดสูงขึ้น ซึ่งภาวะนี้นำไปสู่การมี insulin-like growth factor 1 (IGF-1) ในเลือดสูงขึ้น ซึ่งพบว่า IGF-1 ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วและหนาตัวขึ้น จึงทำให้เกิดก้อนไขมันอุดตันในรูขุมขนและเกิดสิวตามมา นอกจากนั้น IGF-1 และอินซูลิน ยังกระตุ้นการผลิตแอนโดรเจน ที่ทราบกันดีว่าเป็นตัวเพิ่มการผลิตไขมัน

มีการศึกษาทำในผู้ชายอายุ 15-25 ปีที่เป็นสิวจำนวน 43 ราย แบ่งผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ให้กินอาหารตามปกติ กลุ่มที่ 2 ให้กินอาหารที่ให้น้ำตาลต่ำ เป็นเวลาต่อเนื่องกันนาน 12 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่ได้อาหารที่ให้น้ำตาลต่ำผู้ป่วยมีน้ำหนักลดลง และปริมาณสิวลดลงโดยการนับจำนวนสิวทั้งหมด ปัจจุบันจึงเชื่อว่าการกินขนมหวานที่มีน้ำตาลสูงน่าจะกระตุ้นให้สิวกำเริบ ได้จริง

ถูกผีอำ' อยากรู้ว่าผีอำเกิดจากอะไร ไม่ได้เป็นผีจริงๆ ใช่ไหมคะ


ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ไขข้อสงสัยในวิทยาศาสตร์รอบตัว จากเว็บไซต์ สสวท. ว่า ความจริงแล้วอาการผีอำ คือ ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้าโดยเฉพาะหลังจากทำงานหรือดูหนังสือ แม้กระทั่งดูโทรทัศน์ เมื่อเข้านอนด้วยความล้า และเกิดการประสานกันระหว่างสารเคมีกับสภาพชีวเคมีของร่างกาย ทำให้เกิดอาการทั้งกดทั้งค้าง ทำให้เราขยับเขยื้อนไม่ไหว ในขณะนั้นความจริงแล้วกำลังตื่นอยู่ สมองทำงานได้ แต่ร่างกายเราขยับเขยื้อนไม่ไหว เหมือนมีคนมาจับเราอยู่ จึงคิดเลยเถิดว่ามีผีมาจับตัวเรา

น.พ.เทอดศักดิ์ เดชคง นายแพทย์เชี่ยวชาญ กลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เขียนไว้ในเว็บไซต์ หมอชาวบ้าน ว่าผีอำเป็นปัญหาในการนอน เกิดอาการในสภาวะคล้ายๆ กับการฝัน ขณะที่ถูกผีอำคนๆ นั้นจะอยู่ในสภาวะที่ขยับตัวไม่ได้

สภาวะการหลับมี 2 ระยะ คือ non-REM เป็นช่วงที่หลับ แต่ตาไม่ได้กลอกไปมา ยังพอมีกำลังขยับตัวได้ พลิกตัวได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเราจะลุกขึ้นมาได้ แต่ในภาวะหลับตาแบบตากระตุก หรือ REM sleep จะมีการฝัน กล้ามเนื้อต่างๆ จะผ่อนคลายหมด ขยับตัวไม่ได้ยกเว้นต้องตื่นในช่วงเวลาเอง ถ้ามีสิ่งเร้าอะไรที่มาทำให้เราไม่สบาย เช่น อาจจะมีหมอนข้างมาวางอยู่บนตัวหรือขา หรืออาจจะนอนในท่าที่ไม่สบาย อยากจะออกจากสถานการณ์นั้น แต่ว่าทำไม่ได้เพราะกล้ามเนื้อมันคลายไปหมดแล้ว ก็จะเป็นสภาวะที่รู้สึกเหมือนกับว่าใครมากดทับ สักพักหนึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง

คนที่มีอาการ 'ผีอำ' ไม่ได้เป็นความผิดปกติทางจิตใจ แต่เป็นสิ่งที่บ่งบอกในเบื้องต้นว่าเริ่มมีภาวะความเครียด ซึ่งไม่ได้เกิดอาการนี้ทุกๆ วัน ยกเว้นบางคนที่เป็นมาก แสดงว่าปัญหาเยอะ แล้วมักจะเก็บไปฝัน ถ้าตื่นขึ้นมานิดหนึ่งก็จะรู้สึกว่าขยับตัวไม่ได้ ตกอยู่ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น

วิธีการจัดการเมื่อถูกผีอำ คือ ผ่อนคลายความเครียดก่อนนอนสัก 1-2 ชั่วโมง อย่าไปทำอะไรที่ตื่นเต้น เช่น ดูโทรทัศน์ เล่นเกม อาจจะผ่อนคลายก่อนนอนด้วยการอาบน้ำอุ่น หรือดื่มนมอุ่นๆ โดยเฉพาะนมถั่วเหลือง จะทำให้หลับสบายขึ้น หรืออาจจะใช้วิธีสะกดจิตเข้าช่วยโดยการโปรแกรมจิตใหม่

รายที่อาการมากๆ แพทย์จะจ่ายยาคลายเครียดหรือยาต้านเศร้า จะทำให้หลับสนิทขึ้นโดยไม่ฝันมากนัก เพราะคนที่ผีอำจะฝันปนอยู่ด้วย เมื่อฝันน้อยลงจะลดอาการผีอำได้

หลักง่ายๆ เวลาโดนผีอำให้นอนเฉยๆ สักพักอาการจะหายไปเอง

ผู้ใหญ่มักจะเตือนว่าอย่านอนตอนโพล้เพล้เพราะจะถูกผีอำ น.พ.เทอดศักดิ์บอกว่าในทางวิทยาศาสตร์เวลาเย็นๆ หรือโพล้เพล้เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของแสง การเปลี่ยนแปลงของแสงนั้นเป็นสิ่งแวดล้อมอย่างหนึ่งที่ทำให้มีปัญหาในการนอน ถ้าเรานอนตอนกลางคืนหรือกลางวันไปเลยจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้านอนช่วงโพล้เพล้อาจจะหลับไม่สบาย หลับไม่สนิท

ผีอำ จึงไม่ใช่ผีเข้า อย่างที่เข้าใจผิดกันมา และสามารถแก้ไขได้โดยทำใจให้สบายก่อนนอน

รู้ไปโม้ด - nachart@yahoo.com

เคล็ดลับ วิธีแก้นิสัยขี้ลืม ด้วยตัวเอง แบบง่าย


ตั้งสมาธิ สาเหตุ หนึ่งที่ทำให้หลงลืมบ่อยเพราะไม่มีสมาธิ หรือมีสารพัดเรื่องเข้ามาแทรกแซงอยู่ตลอดเวลา อย่าให้มีอะไรมากวนสมาธิบ่อยนัก จัดเวลาช่วงหนึ่งงดรับโทรศัพท์และติดป้ายห้ามรบกวนไว้ที่โต๊ะ หาเวลานั่งเงียบๆ หลับตา หายใจเข้าช้าๆ เพื่อให้เกิดความสงบ




จดโน้ต ถ้าทำงานที่มีความซับซ้อนหรือมีหลายงาน ควรรีบโน้ตสั้นๆ ว่าจะทำอะไรต่อไป ส่วนที่ชอบลืมแล้วลืมอีกควรจดโน๊ตต่างๆ เพื่อช่วยเตือนความจำอีกที




ใส่ใจ การ ที่คนเราลืมอะไรบ่อยๆ อาจะเป็นเพราะไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนั้น ถ้าใครพูดอะไรด้วยแล้วลืม หรือจำชื่อคนไม่ค่อยได้ ลองหันมาสนใจตั้งใจฟังสักนิด ก็จะช่วยให้จำได้ดีขึ้น




ท่องจำ การท่องเป็นวิธีช่วยจำที่ตรงไปตรงมาที่สุด เด็กนักเรียนจำคำศัพท์ต่างๆ ได้ดีขึ้น เพราะท่องจำเนี่ยแหละ ถ้าหมั่นท่องสิ่งที่ต้องทำบ่อยๆ ได้จากการฟัง ได้ดีขึ้น


พูดออกเสียง เคยสังเกตไหมว่าเราสามารถจดจำเรื่องต่างๆ ได้จากการฟัง การพูด ออกมาทำให้เราได้ยินเสียงของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้จำง่ายขึ้น


พูดคุยหรือเล่าให้คนอื่นฟัง ก็เป็นการช่วยจำทางหนึ่ง และการเล่าให้คนอื่นฟังรู้เรื่อง ตัวเราเองต้องเข้าใจเรื่องนั้นอย่างดีและจำได้ดี ถ้าอยากจำเรื่องที่ประชุม สัมมนา หรืออบรมได้ดีขึ้นลองพูดคุยหรือเล่าให้เพื่อนฟัง


ทำ mind mapping ถ้า จะทำโครงการต่างๆ ลองเริ่มจากการเขียนแผนผังใส่หัวข้อต่างๆ ลงไป มีหัวข้อหลักและรายละเอียดด้วยก็จะทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมดและช่วยจำได้ ที่สำคัญนอนหลับให้พอ ถ้านอนเต็มอิ่มก็จะช่วยให้จำดีขึ้น



ขอบคุณสกิดดอทคอม

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กินไอศกรีมนั้นดีกว่ากินมื้อเที่ยงเป็นไหนๆ


สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบการกินไอศกรีมแต่กลัวอ้วน อาจจะต้องดีใจจากข้อมูลจากประเทศอิตาลี ที่ขึ้นชื่อเรื่องไอศกรีมโฮมเมดว่า

การกินไอศกรีมนั้นดีกว่ากินมื้อเที่ยงเป็นไหนๆ เพราะย่อยง่าย และทำให้สดชื่นพร้อมลุยงานต่อในช่วงบ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครอยากลดความอ้วนละก็ แนะนำให้กินไอศกรีมผลไม้แทนมื้อเที่ยงสักอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

ข้อดีต่อไปคือ ไอศกรีมเชอร์เบทดับกระหายได้ดีกว่าน้ำ เพราะมีน้ำซึ่งจับตัวเป็นน้ำแข็งอยู่ร้อยละ 65-70 แถมมีแคลอรี่น้อยกว่าน้ำอัดลมด้วย นอกจากนี้ไอศกรีมยังช่วยลดความเครียดได้ เพราะช่วยลดอุณหภูมิร่างกายและทำให้ผ่อนคลายอีก



แต่น้องๆ ที่อยู่ในวัยเรียน แนะนำว่า กินมื้อเที่ยงด้วยก็ดีนะคะ เพราะเดี๋ยวไม่มีอะไรไปบำรุงสมอง ลดอ้วนเฉพาะมื้อเย็นดีที่สุดนะคะ

ภาพจาก http://everybodylikessandwiches.com

The Flannan Isles lighthouse keepers


หนึ่งในกรณีของการหายสาบสูญที่น่าพิศวงก็คือกรณีเหตุเกิดที่เกาะฟรานแนน ซึ่งเป็นเกาะเล็กแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากสกอตแลนด์ประมาณ 20 ไมล์ โดยเกาะแห่งนี้มีสิ่งก่อสร้างที่เป็นจุดเด่นก็คือประภาคารสูงกว่า 23 เมตร ที่สร้างขึ้นระหว่าง 1895 และ 1899 และสถานที่แห่งนี้เองได้เกิดเรื่องลึกลับขึ้น เมื่อในวันที่ 15 ธันวาคม 1900 เรือกลไฟที่ผ่านเกาะแห่งนี้ในสภาพอากาศเลวร้ายได้สังเกตว่าแสงไฟจากประภาคาร ไม่ได้ส่องนำทางให้แก่เรือของพวกเขา ทั้งที่ในประภาคารเวลานั้นมีเจ้าหน้าที่ประภาคารสามคนผลัดเปลี่ยนเวรอยู่ ต่เนื่องด้วยตอนนั้นสภาพอากาศเลวร้ายทำให้พวกเขาไม่ได้ขึ้นไปตรวจสอบ จนกระทั้งวันต่อเมื่อมีตรวจสอบประภาคารก็พบว่ายามทั้งสามคนได้หายตัวไปอย่าง ลึกลับโดยทิ้งหน้าที่ของพวกเขาเอาไว้ ที่น่าลึกลับก็คือประตูทางเข้าประภาคารได้ถูกปิดลง นาฬิกาหยุด เตียงถูกทำลาย เครื่องครัวของทุกคนสะอาดแสดงว่าเขาน่าจะหายไปหลังอาหารค่ำ แม้หลายฝ่ายจะมีการค้นหาสามยามดังกล่าวจากหน้าผาหรือในน้ำแต่ก็ล้มเหลว หลายคนเชื่อว่าสามคนที่หายไปนั้นเกิดจากพายุจากสภาพอากาศที่เลวร้าย หรือจากปรากฏการณ์ลึกลับเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว งูทะเลยักษ์คาบไปกิน หรือไม่ก็ทั้งสามถูกลักพาตัวโดยสายลับต่างชาติ

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วันดื่มนมโลก World Milk Day


วันดื่มนมโลก (World Milk Day) ตรงกับวันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี

องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ หรือ The Food and Agriculture Organization หรือ FAO กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี เป็น 'วันดื่มนมโลก' (World Milk Day) เพื่อให้ประเทศต่างๆ และองค์กรที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริโภคนม ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์และกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของการบริโภคนม ด้วยการให้ความรู้และคุณประโยชน์ของนมให้แก่ประชาชน โดย ปัจจุบันมีมากกว่า 35 ประเทศทั่วโลก ที่ได้มีการจัดกิจกรรมวันดื่มนมโลก

'นม' เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแท้จริง มูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ (International Osteoporosis Foundation หรือ IOF) ระบุว่านมและผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ เป็นอาหารพร้อมบริโภคที่หาได้ง่าย จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีแร่ธาตุแคลเซียมสูงที่สุด ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง โดยเป็นแคลเซียมที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีที่สุดและยังเป็นแหล่งรวม สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะให้ทั้งโปรตีนและเกลือแร่ที่สำคัญ เช่น ฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน นมช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง การสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกตั้งแต่อายุยังน้อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกแตกหักได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น

ธาตุอาหารใน 'นม' ทั้งโปรแตสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ล้วนมีส่วนช่วยไม่ให้ความดันโลหิตสูงเกินกว่าปกติ เพื่อสุขภาพฟันที่ดี โดยปกติเนื้อฟันมีสารเคลือบที่ถือเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดในร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยแคลเซียม ฟันจึงต้องการแคลเซียมเพื่อช่วยเสริมสร้างให้ฟันแข็งแรงมีสุขภาพดี นมอุดมด้วยแคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อฟัน มีโปรตีนที่ช่วยให้ฟันเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยเคลือบผิวฟันอีกด้วย ช่วยคุมน้ำหนัก หลายๆ คนหลีกเลี่ยงไม่ดื่มนมเพราะเชื่อว่านมทำให้อ้วน แต่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นนมสด นมพร่องไขมัน หรือนมไม่มีไขมัน มีปริมาณไขมันแค่เพียง 3.9%, 1.7%, และ 0.3% เท่านั้น

นอกจากนี้ 'นม' ยังเป็นเครื่องดื่มที่มอบความสดชื่นไม่แตกต่างจากน้ำดื่ม การดื่มนมเพียงหนึ่งหรือสองแก้วจะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นและยังทำให้ได้รับ คุณค่าสารอาหารที่ร่างกายต้องการอีกด้วย นม 1 กล่อง เท่ากับทุกคุณค่าของสารอาหารที่ร่างกายต้องการ แคลเซียม สร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟันวิตามินบี 12 ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงคาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานกับร่างกายแมกนีเซียม สร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อฟอสฟอรัส สร้างพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย และทำให้กระดูกแข็งแรงโปรแตสเซียม ช่วยรักษาระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ โปรตีนสร้างเสริมการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ วิตามินบี 2 ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ช่วยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ภาพจาก http://www.worldmilkday.com/
ข้อมูลจาก http://news.showded.com/221289_1-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-world-milk-day

โดนัท เดย์ National Donut Day


วันโดนัทแห่งชาติ หรือ National Doughnut Day ตรงกับวันศุกร์แรก ของเดือนมิถุนายน ของทุกปี เป็นวันสำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในวันนี้จะมีการแจกโดนัทฟรี ตามร้านต่างๆ ให้ได้ไปรับประทานกัน

วันโดนัทแห่งชาติ มีที่มาจากหน่วยบรรเทาทุกทหารในชิคาโก้ เมื่อปี 1938 เพื่อเป็นเกียรติแก่หญิงสาวที่ไปเสิร์ฟโดนัทให้ทหารในระหว่าง สงครามโลก ครั้งที่ 1

ซึ่งต่อมา ร้านโดนัทนับพันร้านค้าในสหรัฐอเมริกา ก็ได้เสนอให้มีการแจกโดนัทฟรีในวันนี้ เมื่อปี 2009 ไม่ว่าจะเป็นร้านโดนัทอิสระ หรือว่าร้านแบบเฟรนไชส์

ที่มา http://news.voicetv.co.th/global/11508.html

ความเป็นมาวันฮาโลวีน


ความเป็นมาวันฮาโลวีน
วันฮาโลวีน เรามักจะคุ้นเคยเรียกกันเป็นภาษาปากว่า วันปล่อยผี ในวันดังกล่าวมักมีการจัดตกแต่งบ้านเรือน ร้านค้า โดยใช้ฟักทองที่คว้านเป็นรูปผี หรือใช้วัสดุอื่น ๆ ประดิษฐ์เป็นตัวผีหรือทำให้มีหน้าตาเป็นผีเพื่อสร้างบรรยากาศให้กลายเป็นงานรื่นเริง วันฮาโลวันมีที่มาอย่างไร และเหตุใดจึงเรียกเช่นนั้นในเรื่องนี้ คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล แห่งราชบัณฑิตยสถาน ได้จัดทำคำอธิบายถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของ “ฮาโลวีน” ไว้ดังนี้


ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Evs ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำ Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่า ๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ)

คำ Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ คำ All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Chrismas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)

การสมโภชนักบุญทั้งหลายเริ่มโดยสันตะปาปาโบนีเฟสที่ 4 (Boniface IV ครองอำนาจ ค.ศ. ๖๐๘–๖๑๕) โดยกำหนดวันที่ ๑๓ พฤษภาคมของทุกปี ตั้งแต่ ค.ศ. ๖๑๓ เป็นต้นมา สาเหตุเนื่องจากเป็นวันเปิดโบสถ์แพนทีอัน (Pantheon) อันเป็นโบสถ์สรรพเทพของชาวโรมันมาแต่เดิม และจักรพรรดิโฟกัส (Phocas) ยกให้เป็นของคริสต์ศาสนา ต่อมา สันตะปาปากรีโกรีที่ ๔ (Gregory IV ครองอำนาจ ค.ศ. ๘๒๗–๘๔๔) เปลี่ยนเป็นวันที่ ๑ พฤศจิกายน ตั้งแต่ ค.ศ. ๘๓๕ เป็นต้นมา

ชาวคาทอลิกขณะนั้นถือว่าวันฮาโลวีนมีความสำคัญคู่เคียงกันกับวันคริสต์มาสและวันอีสเตอร์จึงเริ่มงานตั้งแต่วันก่อนหรือวันสุกดิบ ขณะนั้นเกาะอังกฤษยังรับอำนาจของสันตะปาปาอยู่ ชาวอังกฤษจึงรับนโยบายของสันตะปาปาไปปฏิบัติตาม



ด้วยเหตุที่ชาวเผ่าเคลต์ของเกาะอังกฤษ (ไอร์แลนด์และสกอตแลนด์) ถือเอาวันที่ ๑ พฤศจิกายน เป็นวันต้นฤดูหนาวและเป็นวันขึ้นปีใหม่ (Samhoin) มาเป็นเวลานานแล้ว โดยจัดพิธีเป็น ๒ วัน คือวันสุกดิบ (๓๑ ตุลาคม) เป็นวันทำบุญเลี้ยงผี ซึ่งเชื่อกันว่าทั้งคืนจะมีผีออกเพ่นพ่านรับส่วนบุญ เมื่อจัดทำพิธียกอาหารทำบุญแล้วก็ปิดประตูหน้าต่างอยู่แต่ในบ้านอธิษฐานขอให้ผีไปที่ชอบ ๆ วันรุ่งขึ้น (๑ พฤศจิกายน) เป็นวันปีใหม่ ได้ทำพิธีบูชาเทพเจ้าตามด้วยการรื่นเริงตามประเพณี เมื่อชนพวกนี้ยอมรับนับถือศาสนาคริสต์แล้วก็ยังคงปฏิบัติประเพณีนี้ต่อมา ครั้นได้รับนโยบายจากสันตะปาปาแล้ว ผู้นำศาสนาก็หาวิธีแทรกพิธีกรรมของศาสนาคริสต์เข้ากับประเพณีเดิม วันสุกดิบจึงกลายเป็นวันทำบุญให้วิญญาณของผู้ล่วงลับที่อาจจะยังไม่ได้ขึ้นสวรรค์ คือวิญญาณที่ยังใช้โทษใช้บาปกรรมของตนยังไม่หมดสิ้น ยังอยู่ในแดนชำระ (purgatory) จึงทำพิธีสวดอ้อนวอนขอพระเป็นเจ้าเมตตาให้ได้ขึ้นสวรรค์เร็วขึ้น

วิญญาณเหล่านี้จึงไม่น่ากลัวเหมือนผีที่เร่ร่อนขอส่วนบุญ เมื่อชาวบ้านหันมานับถือศาสนาคริสต์แล้วก็ไม่เชื่อเรื่องผีมาขอส่วนบุญอีก แต่ก็ยังถ่ายทอดประเพณีนี้ต่อไป โดยปรับให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ คือคืนวันสุกดิบถือเป็นคืนเล่นผี มีผู้แต่งตัวสมมุติเป็นผีออกเพ่นพ่านขอส่วนบุญ ใครที่ไม่ชอบแต่งตัวเป็นผีก็ยินดีจัดเลี้ยงต้อนรับผีในครอบครัวของตน โดยคว้านฟักทองหรือใช้วัสดุอื่นทำให้มีหน้าตาเป็นผี สร้างบรรยากาศให้มีผีในบ้านต้อนรับผีนอกบ้าน กลายเป็นงานสนุกสนานรื่นเริงที่มีบรรยากาศแปลก วันรุ่งขึ้นจึงเป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และต่ออีกวันหนึ่งจึงเป็นวันทำบุญให้วิญญาณในแดนชำระ

เมื่อชาวไอริชและชาวสกอตอพยพไปตั้งหลักแหล่งในสหรัฐอเมริกาก็นำเอาประเพณีนี้ไปปฏิบัติ ปรากฏว่าถูกใจชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ จึงปฏิบัติตามกันอย่างจริงจังตลอดมา และตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ เป็นต้นมาก็กลายเป็นเทศกาลประจำชาติมาจนทุกวันนี้

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เงาะโรงเรียน ทำไมไม่เป็นเงาะอาชีวะหรือเงาะมหาวิทยาลัย


ก็เพราะเงาะพันธ์นี้ไม่ได้ปลูกในวิทยาลัยอาชีวะหรือในมหาวิทยาลัยนะสิ

เงาะโรงเรียนหรือเงาะพันธุ์โรงเรียน เป็นเงาะพันธุ์ที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน เงาะในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ตลอดทั้งเกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะอินเดียตะวันออก ก็ไม่มีประเทศใดที่มีเงาะคุณภาพดีเท่ากับเงาะพันธุ์โรงเรียน แม้แต่ในมาเลเซียซึ่งเราได้เมล็ดเงาะพันธุ์นี้มา จึงกล่าวได้ว่าเงาะพันธุ์โรงเรียนเป็นเงาะพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้

คำว่า "โรงเรียน" หมายถึง โรงเรียนนาสาร อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานีเงาะต้นแม่พันธุ์มีเพียงต้นเดียว ปลูกด้วยเมล็ดเมื่อปี พ.ศ.2469 โดยชาวจีนผู้หนึ่งมีสัญชาติมาเลเซีย ชื่อ Mr. K. Wong มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่เมืองปีนัง บุคคลผู้นี้ได้เข้ามาทำเหมืองแร่ดีบุกที่หมู่บ้านเหมืองแกะ ตำบลนาสาร อำเภอบ้านนาสาร ตรงกันข้ามกับโรงเรียนนาสาร เมื่อ Mr. K. Wong มาทำเหมืองแร่ก็ซื้อที่ดินริมทางรถไฟด้านทิศตะวันตก ใกล้กับสถานีรถไฟนาสารเป็นเนื้อที่ 18 ไร่ แล้วสร้างบ้านพักบนที่ดินดังกล่าว เมื่อสร้างบ้านเสร็จ Mr. K. Wong ก็นำพันธุ์(เมล็ด)เงาะมาจากเมืองปีนัง(ขณะนี้เงาะพันธุ์นี้ที่เมืองปีนึงไม่มีแล้ว) มาปลูกข้างบ้านพักจำนวน 4 ต้น ต่อมาปรากฏว่าเงาะมีลูกเป็นสีเหลืองบ้าง แดงบ้าง รสเปรี้ยวบ้าง หวานบ้าง เฉพาะต้นที่ 2 นับจากทิศตะวันออกมีลักษณะพิเศษกว่าต้นอื่น คือ เนื้อสุกแล้วเปลือกผลเป็นสีแดง แต่แม้สุกจัดเท่าไหร่ก็ตาม ขนที่ผลยังมีสีเขียวอยู่ รูปผลค่อนข้างกลม เนื้อกรอบ หวาน หอม เปลือกบาง เงาะต้นนี้คือ "เงาะพันธุ์โรงเรียน"

สาเหตุที่เรียกว่าเงาะพันธุ์โรงเรียน เพราะในปี พ.ศ.2479 Mr. K. Wong ต้องเลิกล้มกิจการเหมืองแร่และเดินทางกลับไปอยู่ที่เมืองปีนังภูมิลำเนาเดิม จึงขายที่ดินดังกล่าวพร้อมด้วยบ้านพักให้แก่กระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการ) แผนกธรรมการ อำเภอบ้านนา (อำเภอบ้านนาสาร) ทางราชการจึงปรับปรุงบ้านพักใช้เป็นอาคารเรียน และย้ายโรงเรียนนาสารซึ่งขณะนั้นตั้งอยู่ที่วัดนาสารมาอยู่อาคารดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 พฤศจิการยน พ.ศ.2479 แต่เงาะพันธุ์โรงเรียนในขณะนั้นยังมิได้แพร่หลายแต่ประการใด เนื่องจากการส่งเสริมทางการเกษตรยังไม่ดีพอ ในปี พ.ศ.2489-2498 มีบุคคลตอนกิ่งไปขายพันธุ์เพียง 3-4 รายเท่านั้น

ครั้นถึงปี พ.ศ.2500-2501 ได้มีกรรมวิธีแพร่พันธุ์เกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่ง คือการทาบกิ่ง มีการทาบกิ่งเงาะต้นนี้ไปเป็นจำนวนมาก ในระยะเดียวกันนั้น เงาะที่มาจากจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส คือเงาะพันธุ์ยาวี เจ๊ะโมง เปเราะ ก็เข้ามาแพร่หลายพอสมควร ประชาชนเห็นว่าเงาะต้นนี้ยังไม่มีชื่อ จึงชักชวนกันเรียกเงาะต้นนี้ว่า "เงาะพันธุ์โรงเรียน" เพราะต้นแม่พันธุ์อยู่ที่โรงเรียนนาสาร

ปี พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯมาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้นำชาวสวนเงาะผู้หนึ่งได้ทูลเกล้าฯถวายเงาะพันธุ์โรงเรียน และขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานชื่อพันธุ์เงาะนี้เสียใหม่ พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสว่า "ชื่อเงาะพันธุ์โรงเรียนดีอยู่แล้ว" นับแต่นั้นมา ไม่มีใครกล้าที่จะเปลี่ยนชื่อเงาะพันธุ์นี้อีกต่อไป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : 108 ซองคำถาม

ติ่งหูมีไว้ทำอะไร


คำถามนี้บางคนอาจตอบได้ทันทีว่า ติ่งหูก็มีไว้ใส่ตุ้มหูน่ะซี

แต่นักวิชาการด้านสรีรวิยาและพัฒนาการของมนุษย์สันนิษฐานว่า บรรพบุรุษของเราเมื่อครั้งยังเดินสี่ขา มีติ่งหูที่ใหญ่กว่านี้เพื่อปกป้องอันตรายที่อาจเกิดแก่รูหูได้ แต่ดูเหมือนว่าติ่งหูจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดี จึงถูกลดขนาดให้เล็กลงอย่างในปัจจุบัน

ส่วนนักมนุษวิทยาอธิบายไว้ว่า ติ่งหูเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้ามบรรดานักวิชาการและนักทฤษฏีทั้งหลายต่างก็ต้องเผชิญปัญหาเรื่องการหาเหตุผล มาอธิบายว่า ทำไมอวัยวะหลาย ๆ ส่วนในร่างกายมนุษย์ที่ดูจะไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไหร่ จึงไม่หดหายไปจากร่างกายมนุษย์เสียเลย แต่ยังคงติดอยู่กับตัวมนุษย์ครบถ้วน

คล้ายกับว่าธรรมชาติพยายามเก็บรักษารายละเอียดทางพันธุกรรมเอาไว้ให้ครบถ้วนแม้ว่าสิ่งนั้นจะขัดแย้งกับการคัดเลือกตามธรรมชาติก็ตาม ร่างกายมนุษย์จึงเป็นเสมือนพิพิธภัณท์ที่เก็บสะสมมรดกแห่งวิวัฒนาการของ มนุษย์นั่นเอง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: 108 ซองคำถาม

รู้จักส้ม


รู้จักส้ม
พืชจำพวกส้มและมะนาวอยู่ในสุกล Citrus วงศ์ Rutaceae พืชสกุลนี้จะมีผลชนิดพิเศษที่ไม่เหมือนใครในโลก ผลชนิดนี้มีชื่อทางการว่า Hesperidium กล่าวคือเปลือกนอกคล้ายหนังข้างในมีเนื้อรับประทานได้ซึ่งแบ่งออกเป็นออกเป็นห้องเล็ก ๆ หรือกลีบ ตั้งแต่แปดกลีบขึ้นไปในกลีบมีถุงเล็ก ๆ รวมเป็นก้อน แต่ละถุงบรรจุเมล็ด และน้ำผลไม้ที่มีคุณค่ายอดยิ่ง แต่ทุกวันนี้มีส้มและมะนาวสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีเมล็ดเกิดขึ้นแล้ว
พืชตระกูลส้มที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีได้แก่ ส้ม orange (C. sinensis) เกรพฟรุด (C. paradisi), ส้มเขียวหวาน (Mandarin orange or Tangerine) (C" reticulata), มะนาวฝรั่ง และมะนาวไทย lemon (C.limon) and lime (C. aurantifolia and C. latifolia) ส้มเช้ง ส้มโอ shaddock, or pummelo, (C. maxima)
ส้มปลูกขึ้นในเขตร้อนและอบอุ่นเท่านั้น และปริมาณความต้องการบริโภคส้มและมะนาวของโลกพุ่งสูงอย่างน่าตกใจหลังปี ค.ศ. 1890 เมื่อแพทย์ค้นพบการรักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือ scurvy โดยการดื่มน้ำส้มหรือมะนาวเพียงวันละแก้ว



ส้มกับโรค Scurvy
Scurvy หรือที่เรียกเป็นไทยว่าโรคลักปิดลักเปิด เป็นโรคจาการขาดสารอาหารอันดับแรกที่มนุษย์รู้จัก เกิดจากการขาดวิตามินซีซึ่งมีในผักผลไม้สดโดยเฉพาะอย่างยิ่งส้มและมะนาว
วิตามินซีเป็นสารอาหารที่จำเป็นมากสำหรับมนุษย์ ขณะที่สัตว์ส่วนใหญ่และพืชสามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้จากน้ำตาลกลูโคส วิตามินซีช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อการได้รับวิตามินซีปริมาณเพียงพอจึงช่วยให้แผลหายได้เร็ว และในทางกลับกัน การขาดวิตามินซีทำให้แผลหายช้า แพทย์หลายท่านจึงนิยมจ่ายวิตามินซีชนิดเม็ดพร้อมยารักษาแผล แต่ผมอยากแนะนำให้รับประทานน้ำส้ม ซึ่งจะได้วิตามินซีและสาร สำคัญอื่น ๆ พร้อมด้วย
อาการของโรค Scurvy คือเหงือกบวม มีเลือดออกตามไรฟันถ้าเป็นมาก ฟันถึงกับหลุดร่วงได้มีจ้ำเลือดเห็นเป็นสีเขียวใต้ผิวหนัง ปวดข้อ แขนขาเคลื่อนไหวลำบาก แผลหายช้า เลือดจาง เป็นต้น
บันทึกที่เป็นหลักฐานว่ามนุษย์รู้จักโรค Scurvy คือช่วงสงครามครูเสด และในช่วยปลายศตวรรษที่ 15 scurvy กลายเป็นสาเหตุการตายและทุพลภาพที่ สำคัญในชาวเรือ
จนถึงปี ค.ศ. 1753 เริ่มค้นพบว่า สาเหตุของโรคน่าจะมาจากการกินอาหารไม่ถูกต้อง โดยศัลยแพทย์เจมส์ลินด์ ได้แสดงให้เห็นว่า Scurvy อาจหายได้ด้วยการกินน้ำส้ม หรือมะนาว นับแต่นั้นมา โรค Scurvy ก็ค่อยลดความรุนแรงลง ขณะที่ส้มและมะนาวกลายเป็นที่ต้องการของคนทั้งโลก ทุกวันนี้เราพบโรคขาดวิตามินซีได้ในคนแก่ที่ได้รับอาหารไม่ถูกต้อง หรือเลือกรับประทานอาหาร และในเด็กทารกที่ไม่ได้ทานนมมารดาและไม่มีการเสริมด้วยน้ำส้มสด
แม้ผู้ที่มีอาการ Scurvy ขั้นรุนแรง หากได้ทานวิตามินซี 100 มก. หรือเท่ากับส้มสด 2-3 ผล ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์อาการจะทุเลารวดเร็ว


วิตามินซี-สารจำเป็นของมนุษย์
ส้มและมะนาว เป็นแหล่งให้วิตามินซีที่ดีมากสำหรับมนุษย์เพราะส้มหนึ่งผลทั่ว ๆ ไปจะให้วิตามินซีถึงประมาณ 70 มก. ซึ่งมากเกินพอสำหรับความต้องการใน 1 วัน แต่เนื่องจากการที่มันไม่ถูกสะสมไว้ในร่างกายเราจึงต้องได้รับวิตามินซีทุกวัน
ผลไม้ไทย ๆ ที่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีวิตามินซีสูงสุดที่ผมจำได้ คือ ฝรั่ง ฝรั่ง 1 ลูกให้วิตามินซีสูงถึง 120 มก.


ส้มกับโรคหัวใจ
ดังได้กล่าวแล้วว่าส้มและมะนาวให้วิตามินซีในปริมาณสูง บัดนี้มีรายงานผลการค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างวิตามินซีกับโรคหัวใจที่น่าติดตามคือ รายงานเรื่อง Vitamin C may protect against heart at tack, stroke. โดย Stenson J. ใน Medical Tribune 1995 Jul 13;36(13):21 ว่าผลการศึกษาสองชิ้นจากอังกฤษสนับสนุนความเชื่อที่ว่า อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น น้ำส้มจะช่วยป้องหันโรคหัวใจได้ งานวิจัยที่หนึ่ง นักวิจัยพบว่าการได้รับวิตามินซี 60 มก. ต่อวัน (เท่ากับส้มหนึ่งผล) มีความสัมพันธ์กับการลดความเข้มข้นของไฟบริโนเจนในปริมาณที่ทำให้อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจชนิด ischmic heart disease ลดลงราวร้อยละ 10 การศึกษาชิ้นที่สอง พบว่า
คนสูงอายุที่มีระดับวิตามินซีในกระแสเลือดต่ำมีโอกาสเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้บ่อยกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนสูงอายุที่ต้องอยู่ตามลำพัง จัดหาอาหารเองซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับโภชนาการที่ไม่ถูกต้อง ในอังกฤษจำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ในฤดูหนาวเมื่อเทียบกับฤดูอื่น ๆ โรคสำคัญของฤดูหนาว คือ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคระบบทางเดินหายใจ พวกเขาแนะนำให้ผู้สูงอายุรับประทานผักและผลไม้สดมาก ๆ เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากโรคหัวใจและยังให้ข้อสังเกตว่า
การป้องกันโรคหัวใจอาจไม่ได้เป็นผลจากวิตามินซีตัวเดียวโดด ๆ แต่อาจมีสาร สำคัญอื่น ๆ ในผลไม้ที่ให้ผลทีว่า ดังนั้นการรับประทานผักและผลไม้สดย่อมดีกว่าวิตามินซีชนิดเม็ด
นอกจากนี้งานวิจัย Vitamin C and risk of death from stroke and coronary heart disease in cohort of elderly people ของ Gale CR, Martyn CN, Winter PD, Cooper ใน BMJ 1995 Jun 17;310(6994):1563-6 ซึ่งศึกษาประวัติย้อนหลังไปถึง 20 ปีในผู้สูงอายุ 720 คนทั้งหญิงและชายได้ตอกย้ำความคิดที่ว่า พืชผักที่อุดมด้วยวิตามินซีสามารถลดอัตราเกิดโรคหัวใจในผู้สูงอายุได้เช่นกัน โดยพวกเขาพบว่า อัตราตายจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ จะสูงสุดในกลุ่มที่มีระดับวิตามินซีในกระแสเลือดต่ำสุด


ประโยชน์ของไลมอนอยด์ (limonoids) เป็นสารประกอบทางชีววิทยาที่พบเป็นปริมาณมาก ในผลไม้ตระกูลส้ม และมีฤทธิ์นานาประการ รวมทั้งมีผลเป็นสารต่อต้านมะเร็งด้วย ในการทดลองกับเซลล์มะเร็งของมนุษย์ และเซลล์เนื้องอกในสัตว์ทดลองพบว่า สารดังกล่าวนี้มีประสิทธิภาพในการสู้รบ กับมะเร็งในช่องปาก คอ ปอด กระเพาะอาหาร ลําไส้ ผิวหนัง ตับ และเต้านม ไลมอนอยด์

โดยพบอยู่เฉพาะในพืชสองตระกูล เท่านั้น คือ พืชตระกูลส้ม และตระกูลมะฮอกกานี ในธรรมชาติ สารดังกล่าวทําหน้าที่ป้องกันพืชจากบรรดาศัตรูที่มุ่งร้าย ตัวอย่างง่ายๆ ที่ชาวไร่ชาวสวน ใช้ประโยชน์กันอยู่แล้ว ก็คือสารประเภทไลมอนอยด์ซึ่ง สกัดจากพืชในกลุ่มสะเดา (Neem) ซึ่งก็เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลมะฮอกกานี


ประโยชน์ของน้ำมันผิวส้ม
-ผิวพรรณ ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและเนื่อเยื่อรักษาแผลต่างๆ ลดริ้วรอยความเหี่ยวย่น
-ระบบหมุนเวียนและกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลการเต้นของหัวใจ
-กล้ามเนื้อและข้อต่อ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ
-ระบบทางเดินหายใจแก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ
-ระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการดูดซึมวิตามินซี ทำให้มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสได้ดี แก้ไข้
-ระบบทางเดินอาหาร แก้อาการเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะที่เกิดจากความเครียดแก้ท้องเสีย แก้ท้องผูก กระตุ้นน้ำดีทำให้ย่อยไขมันได้ดี ทำให้เจริญอาหาร
-ระบบสืบพันธุ์ แก้ปวดประจำเดือน
-ระบบปัสสาวะ ขับเหงื่อ ทำให้ขับสารพิษได้ดี
-ระบบประสาทและจิตใจ ช่วยให้คลายเครียด หายซึมเศร้า หดหู่ แจ่มใสขึ้น ช่วยให้รู้สึกหายเหนื่อย นอนหลับ ฟื้นฟูพลังงานและสุขภาพ

ที่มา : วารสาร หมออนามัย คอลัมน์ ตู้ยาสอ. หน้า 57 ฉบับที่ 2 ปีที่ 9 เดือน กันยายน-ตุลาคม พ.ศ. 2542

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เคล็ดลับการทำข้อสอบวิชาเฉพาะแพท


ทันตแพทย์สม สุจีรา www.Tutorsom.com

บทความก่อนหน้านี้ วิเคราะห์คะแนนวิชาเฉพาะแพทย์ http://www.unigang.com/Article/8411

แนวข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์ http://www.unigang.com/Article/8083

เรียนแพทย์ดีอย่างไรตอนที่ 2 http://unigang.com/Article/7807

เรียนแพทย์ดีอย่างไรตอนที่ 1 http://www.unigang.com/Article/7771

มีข่าวออกมาว่า ข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์ในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแนวไปจากเดิม ซึ่งไม่มีใครรู้ว่า ข้อสอบจะเป็นอย่างไร เพราะถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด

จากสถิติปีก่อนๆ คะแนนสอบเข้าแพทย์เฉือนกันที่ทศนิยม หลายๆคนแพ้เพียงนิดเดียว ก็สอบไม่ติดแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพราะหมายถึงวิถีชีวิตทั้งชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล คะแนนของวิชาเฉพาะแพทย์จึงสำคัญ เพราะมีค่าน้ำหนักถึง 30ใน 100คะแนนของการสอบเข้า ดังนั้นไม่ว่าออกสอบจะออกอย่างไร น้องควรมีเทคนิคการทำข้อสอบวิชานี้ไว้ให้อุ่นใจ

คำว่า DOCTOR สื่อให้เห็นคุณสมบัติของแพทย์ 6ประการตามตัวอักษรคือ D=Decision การตัดสินใจ O=Optimism มองโลกในแง่ดี C=Care ดูแล เสียสละ T=Teacher สอนเป็น O=Observation ช่างสังเกต R=Responsibility มีความรับผิดชอบ ไม่ว่าข้อสอบจะเป็นแบบใด จะต้องมีการทดสอบคุณสมบัติเหล่านี้ของนักเรียน

คำตอบในวิชาเฉพาะแพทย์ ไม่เฉพาะเจาะจงเหมือนคำตอบในวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ หรือ เคมี แต่จะมีเพียงตัวเลือกเดียวที่คะแนนสูงที่สุด น้องต้องเลือกตัวเลือกนั้น โดยวิเคราะห์ตามคุณสมบัติ 6ประการ เช่น คำถามที่ว่า “ท่านคิดอย่างไรกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” ก.เป็นผลงานรัฐบาลเก่า ไม่ควรสนับสนุน ข.เป็นโครงการที่หมอทำงานหนักขึ้น ค. เป็นโครงการที่หลักการดี ง.ไม่ควรทำเพราะซ้ำซ้อนกับระบบประกันสังคม จ.เป็นโครงการที่ทำให้หมอลาออกจำนวนมาก โจทย์ข้อนี้ต้องการวัด Optimismดังนั้นถ้านักเรียนตอบข้อ ก. ข. หรือ จ. แสดงให้เห็นถึงการมองโลกในแง่ร้าย จะไม่ได้คะแนน

อีกตัวอย่าง นางกุ้งกลับจากสัมมนาพร้อมนางก้อย ปรากฏว่าระหว่างทางนางก้อยขับรถชนคนแก่ โดยที่ไม่มีใครเห็น แล้วจะหนี ถ้าคุณเป็นนางกุ้งจะทำอย่างไร ก. แจ้งความแล้วบอกว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ข. บอกให้ก้อยมอบตัว

ค.โทรบอกแม่ก้อย แล้วให้แม่ตัดสินใจ ง. ขอลงจากรถไปช่วยคนแก่ก่อน จ.เก็บไว้เป็นความลับ รู้กันแค่สองคน ข้อนี้ต้องตอบข้อ ง. เป็นการวัดคุณสมบัติ CARE



ส่วนคำถามที่วัดความรับผิดชอบ ต้องระวังอยู่อย่างหนึ่ง คือ ความรับผิดชอบของแพทย์ไม่ได้ครอบจักรวาล ดังนั้นใครที่คิดว่าตอบแบบพระเวสสันดร จะได้คะแนนสูง เป็นความเข้าใจที่ผิด เช่น โจทย์ถามว่า เมื่อมีวัยรุ่นท้องนอกสมรสมาขอทำแท้งกับท่าน ท่านควรทำเช่นไร ก.นัดพ่อแม่ของเด็กมาคุยเพื่อช่วยกันวิเคราะห์หาทางออก ข.เรียกแฟนของวัยรุ่นคนนั้นมาแล้วโน้มน้าวให้แสดงความรับผิดชอบ ค.บอกเด็กว่าอย่าทำแท้ง หมอจะช่วยดูแลและหาสถานรับเลี้ยงเด็กให้ ง.ไม่ทำแท้งให้ และส่งให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ดูแลต่อ จ. แนะนำให้ไปสถานที่คุมกำเนิดของเอกชนแทน คำตอบ ข้อ ก. ข. และ ค. อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของหมอ ดังนั้น ข้อที่เหมาะสมที่สุดคือ ข้อ ง. ซึ่งหลายคนอาจตอบข้อ ก. ข. หรือ ค. แต่ความจริงแล้วข้อเหล่านั้นคะแนนไม่สูง ( วิธีการให้คะแนนของวิชาเฉพาะแพทย์ก็ถูกเก็บเป็นความลับเช่นกัน แต่เข้าใจว่า ตอบได้เพียงข้อละตัวเลือก แต่ละตัวเลือกจะมีคะแนนต่างๆกันไป รวมทั้งมีคะแนนติดลบด้วย)

ข้อสอบปีที่ผ่านมา ออกแบบวัด Decision และ Observation โดยให้กรณีตัวอย่างมายาวมากประมาณเกือบหนึ่งหน้ากระดาษ แล้วให้วิเคราะห์สถานการณ์นั้น ส่วนคุณสมบัติด้าน Teacher มักจะออกในรูปของการวิเคราะห์ทัก๋ษะทำงานกลุ่ม การเป็นผู้นำกลุ่ม เพราะแพทย์ต้องทำงานเป็นทีม และต้องสอนบุคลากรที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา

คำถามที่วัด การมองโลกในแง่ดี จะรวมไปถึงการควบคุมอารมณ์ด้วย แพทย์ที่มองโลกในแง่ดีจะไม่มีอารมณ์ ดังนั้น คำตอบที่แสดงออกถึงความมีอารมณ์จะไม่ใช่คำตอบที่ถูก เช่น ประโยคใดน่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้ฟังมากที่สุด ก.มัวโอ้เอ้ เดี๋ยวก็ตกรถกันหมดหรอก ข.เร็วๆหน่อยสิทำอะไรช้าจัง ค.ใครๆเขารออยู่ รู้ไหม ง.ช้านัก เดี๋ยวปล่อยให้อยู่ที่นี่ซะเลย จ. เร็วเข้าเถอะ เดี๋ยวไม่ทันรถออก คำตอบที่ไม่มีอารมณ์คือข้อ จ.

มีคุณสมบัติของแพทย์อีกมากมาย ที่สามารถนำมาออกเป็นข้อสอบได้ ไม่ใช่เฉพาะตัวย่อจาก DOCTOR ซึ่งถ้าน้องๆมีคุณสมบัติตรงตามที่ กสพท.ต้องการ ก็จะได้คะแนน ข้อสอบวิชานี้ถูกจัดทำขึ้นตามหลักจิตวิทยาชั้นสูงโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้น อย่าคิดว่าจะหลอกข้อสอบได้ ในทางกลับกันต้องระวังถูกข้อสอบหลอกถาม แต่อย่างไรก็ตาม นับว่าเป็นโชคดีของนักเรียนรุ่นปัจจุบัน ที่มีวิชาเฉพาะแพทย์ เพราะทำให้นักเรียนที่เรียนเก่งไม่มาก สามารถสอบเข้าแพทย์ได้ง่ายขึ้น นั่นเพราะความเป็นคนดีสำคัญกว่าความเป็นคนเก่ง แพทย์ที่ดีแต่ไม่เก่ง จะสามารถพัฒนาตนเองจนกลายเป็นคนเก่งได้ในอนาคต แต่แพทย์ที่เป็นคนเก่งแต่ไม่ดี โอกาสที่จะพัฒนาจิตใจให้กลายเป็นคนดี จะยากกว่ามาก

สพฐ.วิจัยแท็บเล็ต 5รร."หนูทดลอง

พฐ.ทำโครงการวิจัยโรงเรียนประถมนำร่องใช้แท็บเล็ตก่อนแจก โดยให้ รร.สาธิต มศว และ รร.ในสังกัด สพฐ.อีก 4 โรง ทดลองใช้นำร่อง เริ่มทำวิจัยเทอม 2 นี้ก่อนสรุปผล


นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินนโยบายแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนเพื่อใช้เป็น เครื่องมือทางการศึกษา ตามนโยบาย One PC Tablets per child ของรัฐบาลว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร ไปคัดเลือกห้องเรียนประถมในโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร ระดับประถม อย่างน้อย 2 ห้อง เพื่อตั้งเป็นห้องเรียนตัวอย่างทำการวิจัยเปรียบเทียบให้เห็นข้อดี-ข้อเสีย ระหว่างห้องเรียนที่เรียนผ่านแท็บเล็ต และห้องที่ไม่ได้เรียนผ่านแท็บเล็ต ทั้งนี้ จะมีการจัดทำวิจัยนำร่องในโรงเรียนทั้งหมด 5 โรง ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร 1 โรง และโรงเรียนในสังกัดของ สพฐ. อีก 4 โรง ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการคัดเลือกผ่านการกำหนดคุณสมบัติของโรงเรียนที่สอด คล้องกับการวิจัย อาทิ จะต้องมีห้องเรียนประถมเพื่อการวิจัยอย่างน้อย 2 ห้อง ทั้งช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.3) และช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-ป.6) เป็นต้น


เลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า การวิจัยครั้งนี้จะเริ่มวิจัยในช่วงภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 และจะมีการสรุปผลหลังจบภาคเรียน อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ สพฐ.ไม่ทำการวิจัยในทุกช่วงชั้นนั้น เพราะผู้วิจัยกังวลว่าอาจจะเกินการควบคุม เพราะต้องส่งครูและทีมงานด้านคอมพิวเตอร์จากส่วนกลางลงไปมาก ดังนั้น จึงจำกัดแค่ 2 ช่วงชั้นเท่านั้น ทั้งนี้ ในส่วนเครื่องแท็บเล็ตที่จะนำมาใช้ในการวิจัยนั้น จากการหารือร่วมกับกระทรวงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า จะใช้วิธีการรับบริจาคแท็บเล็ตในการวิจัยแทนการจัดซื้อ ซึ่งก็ได้กำหนดสเปกขั้นต่ำไว้แล้ว โดยดูจากวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลัก.

หมอเก่ง มศว ชนะการแข่งขัน เกมหมอยอดนักสืบ


นิสิตแพทย์ตะลันต์ เทพอารีย์ รัฐพร บำรุงผล และพิชามญฐ์ อินกอง นิสิตคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ชนะการแข่งขัน รายการ The symptom เกมหมอยอดนักสืบ สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ช่อง 9 อสมท. ได้รับเงินรางวัล 100,000 ซึ่งนิสิตแพทย์ทั้ง 3 คน ได้ขอมอบเงินรางวัลดังกล่าวให้แก่ มูลนิธิการแพทย์สยามบรมราชกุมารี โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี คณะแพทยศาสตร์ มศว ต่อไป เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2554

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิธีการเผ้าระวังอาการโรคข้อเข่าเสื่อม


ข้อเข่าเสื่อม อาการเสื่อมตามสภาพ หรือการสึกกร่อน ของกระดูกอ่อนผิวข้อที่ผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะเพศหญิง แต่ในปัจจุบันด้วยรูปแบบการใช้ชีวิต ที่หนักหน่วง เช่น การเล่นกีฬาผิดท่า การขึ้นลงบันได้บ่อยๆ หรือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดปัจจัย เสี่ยงเพิ่มขึ้น หากมีอาการ ปวดข้อเข่า ข้อเข่าขัด รู้สึกเมื่อยตึงที่น่อง มีเสียงลั่นที่ข้อเวลาเดินหรือเคลื่อนไหว เดินไม่สะดวก หากปล่อยไว้นานจนถึงระยะรุนแรง อาจถึงขั้นเดินไม่ได้

ด้วยพัฒนาการทางการแพทย์ และเทคโนโลยีแบบแผลเล็กเจ็บน้อย Minimally Invasive Surgery ช่วยให้การรักษาการผ่าตัดข้อเข่าเทียมง่ายยิ่งขึ้น ช่วยให้เสียเลือดน้อย ฟื้นตัวเร็ว ความเสียหายต่อเนื้อเยื้อภายในน้อยลง อาการปวดหลังผ่าตัดน้อยกว่า ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ปกติเร็วขึ้น พร้อมด้วยมาตรฐานการรักษาโรคเฉพาะทางระดับสากล โรคข้อเข่าเสื่อม แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสหสาขาวิชา ที่ได้รับการรับรองจาก JCI สถาบันรับรองคุณภาพระดับสากลแห่งสหรัฐอเมริกา

Minimally Invasive Surgery
คือพัฒนาการทางการแพทย์ และเทคโนโลยีแบบแผลเล็กเจ็บน้อย ที่ช่วย ให้การรักษาการผ่าตัดข้อเข่าเทียมง่ายยิ่งขึ้น เสียเลือดน้อย ฟื้นตัวเร็ว อาการปวดหลังผ่าตัดน้อยกว่า ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ปกติเร็วขึ้น พร้อมด้วย มาตรฐาน การรักษาโรคเฉพาะทางระดับสากล โรคข้อเข่าเสื่อมแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสหสาขาวิชา ที่ได้รับการรับรองจาก JCI สถาบันรับรองคุณภาพระดับสากลแห่งสหรัฐอเมริกา

คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือไม่ ใช่ ไม่ใช่
1. เพศชาย หญิง อายุ 40 ปีขึ้นไป
2. มีน้ำหนักตัวมาก (ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 25)
3. มีกิจวัตรการทำงาน ที่ต้องเดินอยู่ตลอดเวลา
4. มีอาการเข่ายืด ฝืด หรืองอ ลำบาก
5. มีเสียงดังก๊อบ แกร๊บ ที่เข่าขณะเคลื่อนไหว
6. มีอาการปวดที่ข้อเข่า หรือขาเวลาเดิน หรือลงบันได
7. มีอาการปวด เจ็บแปล๊บ ที่ข้อเข่าเวลาเดิน
8. มีอาการปวดข้อเข่าเวลานอน
9. มีปัญหาปวดข้อเข่าเวลาใส่ถุงเท้า รองเท้า หรือขณะลุกนั่ง
10. มีอาการปวดปวมอักเสบที่ข้อเข่า
11. ไม่สามารถเดินได้ปกติ ต้องเดินโยกตัว
12. ขาโก่งงอผิดรูป

สัญญาณเตือนภัย!
หากคุณมีอาการเหล่านนี้มากกว่า 3 ข้อขึ้นไป คุณอาจมีความเสี่ยงต่อโรคข้อเข่าเสื่อม หากปล่อยไว้นานจนถึงระยะรุนแรง อาจเป็นหนักขั้นเดินไม่ได้ เพื่อชะลอความเสื่อมให้ช้าลง และได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ให้สามารถดำเนินคุณภาพชีวิตได้ตามปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ครั้งแรกในประเทศไทย
มาตรฐานการรักษาระดับสากล การดูแลรักษาโรคเฉพาะทางสำหรับผู้ป่วย โรคข้อเข่าเสื่อม (Disease or Condition Specific Care Certification Osteoarthritis of the Knee) ได้รับการรับรองจาก JCI สถาบันรับรองคุณภาพระดับสากลแห่งสหรัฐอเมริกา

นพ.บัญญัติ เกตุมาลาศิริ
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ

หลายพื้นที่ยังประสบภัยปัญหาน้ำท่วม บางที่อาจพบเจอปัญหา ทากดูดเลือด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้แนะนำวิธีการแก้ปัญหา เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ห้ามดึงออก เพราะเลือดจะหยุดยาก จี้ตัวทากด้วยธูปติดไฟหรือไม้ขีดติดไฟ โรยเกลือป่นบนตัวทาก หรือใช้น้ำส้มสายชู เหล้าหรือน้ำมันราดตัวทาก ทากจะหลุดออกมา ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ แล้วปิดแผลด้วยผ้าก๊อซหรือแผ่นปิดแผลสำเร็จรูป

สาวผมมัน ต้องสระผมทุกวันหรือเปล่า..?


สาวๆ หลายคนคงจะประสบกับปัญหาเส้นผมมัน จนทำให้สูญเสียความมั่นใจ ไปได้เหมือนกัน ซึ่งสาวๆ บางคนก็เลี่ยงโดยการเกล้าผมบ้าง รัดผมบ้าง เพื่อปกปิดสภาพเส้นผมที่มันเยิ้ม ลีบแบน จัดทรงยาก เหนียวเหนอะหนะ และอาจจะมีอาการของผมร่วงร่วมด้วยค่ะ จนบางทีก็อดหงุดหงิดใจใม่ได้ ในวันที่อยากจะปล่อยผมยาวสลวยในอารมณ์สบายๆ บ้าง แถมการมีสภาพเส้นผมมันนั้นทำให้เจ้าพวกสิ่งสกปรกจำพวกฝุ่นละอองต่างๆ มาเกาะที่หนังศีรษะได้มากกว่าคนอื่นๆ แต่จริงๆ แล้วก็มีข้อดีอยู่บ้างค่ะ

เพราะสาวผมมันนั้นมักจะไม่ค่อยเจอกับปัญหาเส้นผมแตกปลายสักเท่าไหร่...เอาเป็นว่าเรามารู้จัก และหาวิธีดูแลเส้นผมมันกับวิธีตามแบบฉบับสบายอารมณ์ ให้เป็นสาวผมสลวยกันดีกว่าค่ะ
สาวๆ ทราบไหมคะว่า สภาพผมมันนั้นเกิดจากการที่ต่อมไขมันที่บริเวณหนังศีรษะ ซึ่งอยู่บริเวณรากผม ผลิตไขมันออกมามากเกินไป แต่จริงๆ แล้วไขมันนี้มีประโยชน์ต่อเส้นผมมากเลยนะคะ เพราะทำให้เส้นผมแข็งแรง ไม่แห้งแตกปลาย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผมมันนั้นมักจะเกิดมาจากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งสาวๆ ก็ต้องสังเกตุตัวเองให้ดีๆ ค่ะว่ามีสาเหตุเกิดมาจากอะไร เช่น ฮอร์โมนไม่ปกติ พันธุกรรม รับประทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ อยู่ในบริเวณร้อนชื้นอยู่เป็นประจำ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม

ในภาวะที่มีอาการผมร่วงร่วมด้วนั้น ซึ่งจริงๆ แล้วนั้นการที่มีสภาพเส้นผมมันตามธรรมชาติจะไม่สามารถทำให้เกิดผมร่วงมากสักเท่าไหร่ แต่การที่สีการสะสมไขมันบริเวณหนังศีรษะมากๆ นั้นจะสามารถไปอุกตันบริเวณรอบๆ รากผมทำให้การไหลเวียนของเลือด การนำพาสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงรากผมได้ไม่ดี และอาจจะทำให้เชื้อโรคบริเวณหนังศีรษะมีมากขึ้น ทำให้การทำงานของรากขนผิดปกติไป เกิดอาการผมร่วง และผมขึ้นใหม่ได้น้อยลง ทำให้ผมบางลงเรื่อยๆ เกิดศีรษะล้านตามมาได้ในที่สุด

ผมมันอยู่ใช่ไหม มาฟังทางนี้ดีกว่า

1. สระผมทุกวัน ด้วยแชมพูที่มีค่า PH เป็นกรดอ่อนๆ (PH ประมาณ 5.5 - 6.5) จะช่วยลดหนังศีรษะมันได้ดี หรือใช้แชมพูสูตรสำหรับผู้ที่มีผมมันโดยเฉพาะ แชมพูสำหรับผมมันจะมีสารฟอกค่อนข้างแรง และในขณะสระผมควรทิ้งแชมพูไว้ประมาณ 5 นาที หลีกเลี่ยงการถูขยี้หนังศีรษะ แล้วจึงล้างออก ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผม เนื่องจากมีไขมันที่ผลิตขึ้นมาบนหนังศีรษะแล้วแต่ถ้าหากมีผมแตกปลาย ควรใช้ครีมนวดผมที่ปลายเท่านั้น

2. ล้างผมด้วยน้ำเย็น สาวๆ ที่มีปัญหาเส้นผมมันมากๆ ควรจะใช้น้ำเย็น หรือน้ำธรรมดาสระผม เนื่องจากน้ำเย็นจะช่วยปิดเกร็ดผม และรักษาความชุ่มชื้น ทำให้ผมนุ่ม และช่วยปิดรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะอีกด้วย

3. หลีกเลี่ยงการจัดแต่งทรงผม เพราะการใช้น้ำมันใส่ผม ครีมแต่งผม หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ต่างๆ โดยเฉพาะที่ทำจากกรีเซอรีนหรือซีรีโคน (glycerin and silicone) จะทำให้ผมมันมากขึ้นไปอีก

4. ลดผมมันด้วยสูตรธรรมชาติ โดยผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วนในน้ำ 4 ส่วน ใช้ล้างผมครั้งสุดท้าย หรืออาจใช้น้ำมะนาวผสมน้ำ แทนน้ำส้มสายชูในการล้างผม จะช่วยให้ลดความมันของเส้นผมได้ดี และปลอดภัยต่อหนังศีรษะอีกด้วย

5. ลดอาหารที่มีไขมันมากๆ กินอาหารพวกวิตามินบี เกลือแร่ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ นมถั่วเหลือง พืชตระกูลถั่ว ควรหาเวลาพักผ่อน ทำใจให้สบาย เนื่องจากความเครียดจะส่งผลต่อระบบการที่โลหิตหมุนเวียนไปเลี้ยงหนังศีรษะ

6. ไม่ควรหวีผมบ่อยเกินไป เนื่องจากการหวีผมบ่อยมากเกินไปจะกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามาก ควรใช้มือในการสางผมก็พอ

7. ทางเลือกใหม่ ใช้แชมพูจากธรรมชาติดีที่สุด ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีสารประกอบจากธรรมชาติ เช่น ส้ม มะกรูด มะนาว มะม่วง อาจจะมีการผสมน้ำยาฆ่าเชื้อ (Antiseptic) ลงไปในแชมพู เพื่อลดการเจริญของแบคทีเรียที่มีอยู่บริเวณรากผม อาจจะมีส่วนผสมของ Zinc PCA (สังกะสี พีซีเอ) ซึ่งจะควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน และลดการผลิตน้ำมันลง

เพียงเท่านี้ก็บอกลาผมมัน มาเป็นสาวผมสลวย สวยได้ทุกวัน มั่นได้ทุกทรงกันแล้วล่ะค่ะ

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

5 สิ่ง ที่ผู้หญิงมัก(แกล้ง)ลืม

5 สิ่ง ที่ผู้หญิงมัก(แกล้ง)ลืม



แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ไลฟ์สไตล์และหน้าที่การงานที่มีการแข่งขันสูงขึ้น เวลาส่วนตัวมีน้อยลง ผู้หญิงอาจ "ลืม" อะไรไปหลายอย่างซึ่งเป็นสิ่งสำคัญใกล้ตัว และยังเป็นปัจจัยที่บั่นทอนและทำลายความมั่นใจของตัวเองไปโดยไม่ทันรู้ตัว

โลชั่นบำรุงผิว วาสลีน เฮลธี้ ไวท์ ประมวลข้อมูลอินไซด์ของหญิงยุคใหม่พบว่า มี 5 สิ่งหลักๆ ที่ผู้หญิงเรามักจะลืม (หรือพยายามลืม) ให้ความสำคัญ ได้แก่

1. ลืมดูกระเป๋าตังค์ โดยเฉพาะเมื่อเห็นป้ายเซล! มือไม้จะอ่อนเหมือนโดนสะกดจิตให้พุ่งเข้าไปหาของเซลอย่างไม่ทันคิด แต่ช็อปเพลินเกินห้ามใจขนาดไหนก็อย่าลืมตรวจดูสินค้าว่าหมดอายุเมื่อไหร่ แล้วมีตำหนิหรือคุณภาพคุ้มกับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ อย่ามัวแต่รูดบัตรเครดิตเพลินจนเกินลิมิต ต้องหมั่นดูแลวินัยทางการเงินของตัวเองด้วย ถึงจะทั้งสวยและสมาร์ต

2. ลืมวัดรอบเอว ข้อนี้จะลืมกันบ่อยโดยเฉพาะเมื่อเห็นขนมหวานหรืออาหารถูกปาก จนทำให้ออกอาการ "คาดไม่ถึง" เพราะเข็มขัดเริ่มสั้นเกินไป ต้องเสียเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่อีก จนไม่กล้าชั่งน้ำหนัก เสียทั้งบุคลิกและสุขภาพ โรคภัยจะถามหา ลำบากต้องมาอดอาหารรีดน้ำหนักวุ่นวาย ถ้ารักจะกินก็ต้องอย่าลืมหลัก "แคลอรี-อิน แคลอรี-เอาต์" จะได้มีสุขภาพดีพร้อมหุ่นสวยให้หนุ่มๆ มองจนเหลียวหลัง

3. ลืมอายุ พออายุเลข 2 ปลายๆ ใกล้จะขึ้นเลข 3 สาวๆ ก็อยากจะหยุดนับเอาเสียดื้อๆ โดยเฉพาะสาวโสด พอมีใครถามอายุขนาดนี้ทำไมยังไม่แต่งงานก็เครียดและคิดมาก จนทำให้มีกามาประทับรอยเท้าที่หน้าโดยไม่รู้ตัว

วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้คุณสาวๆ ดูอ่อนกว่าวัยจนใครๆ ก็ลืมอายุที่แท้จริงคือหมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพกายและจิตใจ ส่วนภายนอกก็ไม่ควรลืมดูแลเสื้อผ้า หน้า ผม ให้เหมาะกับกาลเทศะ คงความอ่อนเยาว์และเสน่ห์ให้ยั่งยืน

4. ลืมบท (บาท) สาวๆ ยุคนี้ทำงานก็เก่ง ตัดสินใจเด็ดขาดในทุกเรื่อง แต่จะมาตกม้าตายตรงที่ลืมนึกไปว่าบางเรื่องในชีวิตส่วนตัวไม่อาจได้ดังใจคิด หัดนึกถึงใจหนุ่มๆ บ้างว่าเขาก็ต้องการคู่คิดหรือคู่ครอง เก็บบทบาทผู้ปกครองเอาไว้ใช้ยามคับขันบ้าง รู้จักบริหารเสน่ห์ ให้เขาสวมบทบาทฮีโร่บ้าง

5. ลืมตัว หมายถึงลืมดูแลผิวพรรณร่างกายในส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือจากผิวหน้า ด้วยความรีบเร่งและให้ความสำคัญกับผิวหน้ามากกว่าผิวกาย เมื่อเวลาผ่านไป ความแตกต่างระหว่างผิวหน้าและกาย โดยเฉพาะส่วนคอ มือ ข้อศอก หัวเข่า หรือผิวที่ถูกแดดคล้ำเสีย ผิวที่เสี่ยงต่อรอยเหี่ยวย่น ต่างๆ เหล่านี้ กลับไม่สอดคล้องกับผิวหน้า อาจทำให้เสียความมั่นใจในการแต่งกายที่ต้องเผยผิว

5 พฤติกรรมบอกว่าคุณติดอินเตอร์เน็ตเข้าแล้ว

5 พฤติกรรมบอกว่าคุณติดอินเตอร์เน็ตเข้าแล้ว



1.นั่งๆ อยู่ ก็รู้สึกอยากออนไลน์ทั้งที่มีงาน มีภารกิจอื่นที่ต้องทำ

2.อยากหยุด หรืออยากลดการใช้อินเตอร์เน็ตแต่ก็ทำไม่ได้สักที และบางทีถึงขั้นหงุดหงิด ซึมเศร้า โมโห เมื่อหยุดใช้อินเตอร์เน็ต (ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องใช้)

3.ออนไลน์นานเกินกว่าความตั้งใจเมื่อเริ่มเล่นตอนแรก

4.ความสัมพันธ์กับครอบครัว หรือกับเพื่อนบางคน บางกลุ่มลดลง

5.เมื่อรู้สึกเศร้า ผิดหวัง ท้อแท้ มักออนไลน์เพื่่อหนีปัญหา หรือปลดปล่อยความรู้สึกเหล่านั้น

วิธีหนีโรคคอมพิวเตอร์

1. การใช้งานคอมพิวเตอร์ 1-2 ชั่วโมง ควรหยุดพัก 10-15 นาที ทั้งหลับตา มองต้นไม้ บริหารดวงตาด้วยการกลอกตาเป็นวงกลม 5-6 รอบ ใช้นิ้วนางแตะหัวตาแต่ละข้าง คลึง กดจุด 1-2 วินาที

2. ตั้งจอคอมพิวเตอร์ห่างจากสายตา 20-24 นิ้ว ระดับต่ำกว่าสายตาเล็กน้อย เพื่อลดการตกของจุดรวมแสง ส่วนความสว่างควรอยู่ที่ประมาณ 3 เท่าของแสงแวดล้อม

3.จัดท่านั่งให้ถูกต้อง เช่น เวลาพิมพ์ข้อศอกกับคีย์บอร์ดอยู่ในระดับเดียวกัน ขาสองข้างวางเรียบกับพื้น นั่งตัวตรง อย่าให้ข้อมือโก่ง โค้งผิดปกติ เวลาใช้เมาส์ตัวอักษรที่เล็กที่สุดที่คุณสามารถอ่านได้ ใช้ตัวอักษรสีดำ บนพื้นสีขาวเป็นหลัก หลีกเลี่ยงพื้นสีเข้ม

4. ควรออกกำลังกาย เช่น กำมือ คลายมือ นวดไหล่ ต้นคอ ยืดแขน ลุกขึ้นยืนขยับตัวเป็นระยะ ๆ

5. หมั่นทำความสะอาดปัดฝุ่น เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค

เลขนำโชคประจำราศี

เลขมงคลนำโชคประจำราศีเกิด



ราศีเมษ (21 มี.ค. – 20 เม.ย.) เลขนำโชค คือ 1, 4, 9 เลขตัดโชค คือ 2


ราศีพฤษภ (21 เม.ย. – 21 พ.ค.) เลขนำโชค คือ 4, 5, 6, 7, 1 เลขตัดโชค คือ 8


ราศีเมถุน (22พ.ค. – 21มิ.ย.) เลขนำโชค คือ 5, 9, 4, 3, 6 เลขตัดโชค คือ 3


ราศีกรกฎ(22มิ.ย. - 23ก.ค.) เลขนำโชค คือ 2, 7, 8, 0 เลขตัดโชค คือ 1


ราศีสิงค์(24ก.ค. – 23ส.ค.) เลขนำโชค คือ 8 , 9, 3, 1 เลขตัดโชค คือ 6


ราศีกันย์ (24ส.ค. – 23ก.ย.) เลขนำโชค คือ 4 , 5, 0, 6, 9 เลขตัดโชค คือ 3


ราศีตุล(24ก.ย. – 23ต.ค.) เลขนำโชค คือ 3, 6, 7 ลขตัดโชค คือ 8


ราศีพิจิก(24ต.ค. – 22พ.ย.) เลขนำโชค คือ 3 , 4, 5, 1 เลขตัดโชค คือ 2


ราศีธนู(23พ.ย. – 21ธ.ค.) เลขนำโชค คือ 5 , 9, 1, 2 เลขตัดโชค คือ 7


ราศีมังกร(22ธ.ค. – 20 ม.ค.) เลขนำโชค คือ 1, 2, 8 เลขตัดโชค คือ 7


ราศีกุมภ์(21ม.ค. – 19ก.พ.) เลขนำโชค คือ 1, 7, 5, 4 เลขตัดโชค คือ 8


ราศีมีน(20ก.พ. – 20มี.ค.) เลขนำโชค คือ 2, 6, 9 เลขตัดโชค คือ 3

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ลางบอกเหตุ : ตาเขม่น


เรื่องตาเขม่นตามความเป็นจริงแล้ว เขม่นได้หลายส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก แขน ขา หรือแม้กระทั่งตา ดังนั้นการเขม่นตาจะแบ่งออก เป็น 3 ช่วง มีอะไรบ้างมาดูกัน

หากเขม่นตาในช่วงเช้า - บ่าย คนโบราณกล่าวไว้ว่า

- หากเป็นข้างขวา จะมีโชค ลาภ ได้รับข่าวดี เรียกว่า จะสมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คอย

- หากเขม่นที่ตาซ้าย ท่านว่าจะมีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน เช่น มีการทะเลาะกัน เกิดขึ้น หรือจะต้องสูญเสียของรักบางอย่างไป

- ถ้าเขม่นตาไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวาในช่วงเวลาเย็น ถือว่ามีโชคมีลาภ จะได้พบญาติสนิทมิตรรักเดินทางมาหา

ถ้าเป็นในช่วงกลางคืน

- การเขม่นตาขวา จะได้ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิดขึ้น

- ถ้าหากเขม่นตาซ้าย จะมีโชคลาภจากเพื่อน จะสมหวังสิ่งที่รอคอย เรียกว่า ขวาร้าย-ซ้ายดี

การเขม่นตานี้เชื่อกันว่า เป็นลางบอกเหตุที่แม่นยำมาก ท่านให้ถือเวลาที่จะเกิดเหตุไม่ดีและร้ายภายใน 3 วันอย่างแน่นอน