วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รู้จักส้ม


รู้จักส้ม
พืชจำพวกส้มและมะนาวอยู่ในสุกล Citrus วงศ์ Rutaceae พืชสกุลนี้จะมีผลชนิดพิเศษที่ไม่เหมือนใครในโลก ผลชนิดนี้มีชื่อทางการว่า Hesperidium กล่าวคือเปลือกนอกคล้ายหนังข้างในมีเนื้อรับประทานได้ซึ่งแบ่งออกเป็นออกเป็นห้องเล็ก ๆ หรือกลีบ ตั้งแต่แปดกลีบขึ้นไปในกลีบมีถุงเล็ก ๆ รวมเป็นก้อน แต่ละถุงบรรจุเมล็ด และน้ำผลไม้ที่มีคุณค่ายอดยิ่ง แต่ทุกวันนี้มีส้มและมะนาวสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีเมล็ดเกิดขึ้นแล้ว
พืชตระกูลส้มที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีได้แก่ ส้ม orange (C. sinensis) เกรพฟรุด (C. paradisi), ส้มเขียวหวาน (Mandarin orange or Tangerine) (C" reticulata), มะนาวฝรั่ง และมะนาวไทย lemon (C.limon) and lime (C. aurantifolia and C. latifolia) ส้มเช้ง ส้มโอ shaddock, or pummelo, (C. maxima)
ส้มปลูกขึ้นในเขตร้อนและอบอุ่นเท่านั้น และปริมาณความต้องการบริโภคส้มและมะนาวของโลกพุ่งสูงอย่างน่าตกใจหลังปี ค.ศ. 1890 เมื่อแพทย์ค้นพบการรักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือ scurvy โดยการดื่มน้ำส้มหรือมะนาวเพียงวันละแก้ว



ส้มกับโรค Scurvy
Scurvy หรือที่เรียกเป็นไทยว่าโรคลักปิดลักเปิด เป็นโรคจาการขาดสารอาหารอันดับแรกที่มนุษย์รู้จัก เกิดจากการขาดวิตามินซีซึ่งมีในผักผลไม้สดโดยเฉพาะอย่างยิ่งส้มและมะนาว
วิตามินซีเป็นสารอาหารที่จำเป็นมากสำหรับมนุษย์ ขณะที่สัตว์ส่วนใหญ่และพืชสามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้จากน้ำตาลกลูโคส วิตามินซีช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อการได้รับวิตามินซีปริมาณเพียงพอจึงช่วยให้แผลหายได้เร็ว และในทางกลับกัน การขาดวิตามินซีทำให้แผลหายช้า แพทย์หลายท่านจึงนิยมจ่ายวิตามินซีชนิดเม็ดพร้อมยารักษาแผล แต่ผมอยากแนะนำให้รับประทานน้ำส้ม ซึ่งจะได้วิตามินซีและสาร สำคัญอื่น ๆ พร้อมด้วย
อาการของโรค Scurvy คือเหงือกบวม มีเลือดออกตามไรฟันถ้าเป็นมาก ฟันถึงกับหลุดร่วงได้มีจ้ำเลือดเห็นเป็นสีเขียวใต้ผิวหนัง ปวดข้อ แขนขาเคลื่อนไหวลำบาก แผลหายช้า เลือดจาง เป็นต้น
บันทึกที่เป็นหลักฐานว่ามนุษย์รู้จักโรค Scurvy คือช่วงสงครามครูเสด และในช่วยปลายศตวรรษที่ 15 scurvy กลายเป็นสาเหตุการตายและทุพลภาพที่ สำคัญในชาวเรือ
จนถึงปี ค.ศ. 1753 เริ่มค้นพบว่า สาเหตุของโรคน่าจะมาจากการกินอาหารไม่ถูกต้อง โดยศัลยแพทย์เจมส์ลินด์ ได้แสดงให้เห็นว่า Scurvy อาจหายได้ด้วยการกินน้ำส้ม หรือมะนาว นับแต่นั้นมา โรค Scurvy ก็ค่อยลดความรุนแรงลง ขณะที่ส้มและมะนาวกลายเป็นที่ต้องการของคนทั้งโลก ทุกวันนี้เราพบโรคขาดวิตามินซีได้ในคนแก่ที่ได้รับอาหารไม่ถูกต้อง หรือเลือกรับประทานอาหาร และในเด็กทารกที่ไม่ได้ทานนมมารดาและไม่มีการเสริมด้วยน้ำส้มสด
แม้ผู้ที่มีอาการ Scurvy ขั้นรุนแรง หากได้ทานวิตามินซี 100 มก. หรือเท่ากับส้มสด 2-3 ผล ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์อาการจะทุเลารวดเร็ว


วิตามินซี-สารจำเป็นของมนุษย์
ส้มและมะนาว เป็นแหล่งให้วิตามินซีที่ดีมากสำหรับมนุษย์เพราะส้มหนึ่งผลทั่ว ๆ ไปจะให้วิตามินซีถึงประมาณ 70 มก. ซึ่งมากเกินพอสำหรับความต้องการใน 1 วัน แต่เนื่องจากการที่มันไม่ถูกสะสมไว้ในร่างกายเราจึงต้องได้รับวิตามินซีทุกวัน
ผลไม้ไทย ๆ ที่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีวิตามินซีสูงสุดที่ผมจำได้ คือ ฝรั่ง ฝรั่ง 1 ลูกให้วิตามินซีสูงถึง 120 มก.


ส้มกับโรคหัวใจ
ดังได้กล่าวแล้วว่าส้มและมะนาวให้วิตามินซีในปริมาณสูง บัดนี้มีรายงานผลการค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างวิตามินซีกับโรคหัวใจที่น่าติดตามคือ รายงานเรื่อง Vitamin C may protect against heart at tack, stroke. โดย Stenson J. ใน Medical Tribune 1995 Jul 13;36(13):21 ว่าผลการศึกษาสองชิ้นจากอังกฤษสนับสนุนความเชื่อที่ว่า อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น น้ำส้มจะช่วยป้องหันโรคหัวใจได้ งานวิจัยที่หนึ่ง นักวิจัยพบว่าการได้รับวิตามินซี 60 มก. ต่อวัน (เท่ากับส้มหนึ่งผล) มีความสัมพันธ์กับการลดความเข้มข้นของไฟบริโนเจนในปริมาณที่ทำให้อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจชนิด ischmic heart disease ลดลงราวร้อยละ 10 การศึกษาชิ้นที่สอง พบว่า
คนสูงอายุที่มีระดับวิตามินซีในกระแสเลือดต่ำมีโอกาสเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้บ่อยกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนสูงอายุที่ต้องอยู่ตามลำพัง จัดหาอาหารเองซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับโภชนาการที่ไม่ถูกต้อง ในอังกฤษจำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ในฤดูหนาวเมื่อเทียบกับฤดูอื่น ๆ โรคสำคัญของฤดูหนาว คือ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคระบบทางเดินหายใจ พวกเขาแนะนำให้ผู้สูงอายุรับประทานผักและผลไม้สดมาก ๆ เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากโรคหัวใจและยังให้ข้อสังเกตว่า
การป้องกันโรคหัวใจอาจไม่ได้เป็นผลจากวิตามินซีตัวเดียวโดด ๆ แต่อาจมีสาร สำคัญอื่น ๆ ในผลไม้ที่ให้ผลทีว่า ดังนั้นการรับประทานผักและผลไม้สดย่อมดีกว่าวิตามินซีชนิดเม็ด
นอกจากนี้งานวิจัย Vitamin C and risk of death from stroke and coronary heart disease in cohort of elderly people ของ Gale CR, Martyn CN, Winter PD, Cooper ใน BMJ 1995 Jun 17;310(6994):1563-6 ซึ่งศึกษาประวัติย้อนหลังไปถึง 20 ปีในผู้สูงอายุ 720 คนทั้งหญิงและชายได้ตอกย้ำความคิดที่ว่า พืชผักที่อุดมด้วยวิตามินซีสามารถลดอัตราเกิดโรคหัวใจในผู้สูงอายุได้เช่นกัน โดยพวกเขาพบว่า อัตราตายจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ จะสูงสุดในกลุ่มที่มีระดับวิตามินซีในกระแสเลือดต่ำสุด


ประโยชน์ของไลมอนอยด์ (limonoids) เป็นสารประกอบทางชีววิทยาที่พบเป็นปริมาณมาก ในผลไม้ตระกูลส้ม และมีฤทธิ์นานาประการ รวมทั้งมีผลเป็นสารต่อต้านมะเร็งด้วย ในการทดลองกับเซลล์มะเร็งของมนุษย์ และเซลล์เนื้องอกในสัตว์ทดลองพบว่า สารดังกล่าวนี้มีประสิทธิภาพในการสู้รบ กับมะเร็งในช่องปาก คอ ปอด กระเพาะอาหาร ลําไส้ ผิวหนัง ตับ และเต้านม ไลมอนอยด์

โดยพบอยู่เฉพาะในพืชสองตระกูล เท่านั้น คือ พืชตระกูลส้ม และตระกูลมะฮอกกานี ในธรรมชาติ สารดังกล่าวทําหน้าที่ป้องกันพืชจากบรรดาศัตรูที่มุ่งร้าย ตัวอย่างง่ายๆ ที่ชาวไร่ชาวสวน ใช้ประโยชน์กันอยู่แล้ว ก็คือสารประเภทไลมอนอยด์ซึ่ง สกัดจากพืชในกลุ่มสะเดา (Neem) ซึ่งก็เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลมะฮอกกานี


ประโยชน์ของน้ำมันผิวส้ม
-ผิวพรรณ ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและเนื่อเยื่อรักษาแผลต่างๆ ลดริ้วรอยความเหี่ยวย่น
-ระบบหมุนเวียนและกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลการเต้นของหัวใจ
-กล้ามเนื้อและข้อต่อ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ
-ระบบทางเดินหายใจแก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ
-ระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการดูดซึมวิตามินซี ทำให้มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสได้ดี แก้ไข้
-ระบบทางเดินอาหาร แก้อาการเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะที่เกิดจากความเครียดแก้ท้องเสีย แก้ท้องผูก กระตุ้นน้ำดีทำให้ย่อยไขมันได้ดี ทำให้เจริญอาหาร
-ระบบสืบพันธุ์ แก้ปวดประจำเดือน
-ระบบปัสสาวะ ขับเหงื่อ ทำให้ขับสารพิษได้ดี
-ระบบประสาทและจิตใจ ช่วยให้คลายเครียด หายซึมเศร้า หดหู่ แจ่มใสขึ้น ช่วยให้รู้สึกหายเหนื่อย นอนหลับ ฟื้นฟูพลังงานและสุขภาพ

ที่มา : วารสาร หมออนามัย คอลัมน์ ตู้ยาสอ. หน้า 57 ฉบับที่ 2 ปีที่ 9 เดือน กันยายน-ตุลาคม พ.ศ. 2542

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รู้จักส้ม


รู้จักส้ม
พืชจำพวกส้มและมะนาวอยู่ในสุกล Citrus วงศ์ Rutaceae พืชสกุลนี้จะมีผลชนิดพิเศษที่ไม่เหมือนใครในโลก ผลชนิดนี้มีชื่อทางการว่า Hesperidium กล่าวคือเปลือกนอกคล้ายหนังข้างในมีเนื้อรับประทานได้ซึ่งแบ่งออกเป็นออกเป็นห้องเล็ก ๆ หรือกลีบ ตั้งแต่แปดกลีบขึ้นไปในกลีบมีถุงเล็ก ๆ รวมเป็นก้อน แต่ละถุงบรรจุเมล็ด และน้ำผลไม้ที่มีคุณค่ายอดยิ่ง แต่ทุกวันนี้มีส้มและมะนาวสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีเมล็ดเกิดขึ้นแล้ว
พืชตระกูลส้มที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีได้แก่ ส้ม orange (C. sinensis) เกรพฟรุด (C. paradisi), ส้มเขียวหวาน (Mandarin orange or Tangerine) (C" reticulata), มะนาวฝรั่ง และมะนาวไทย lemon (C.limon) and lime (C. aurantifolia and C. latifolia) ส้มเช้ง ส้มโอ shaddock, or pummelo, (C. maxima)
ส้มปลูกขึ้นในเขตร้อนและอบอุ่นเท่านั้น และปริมาณความต้องการบริโภคส้มและมะนาวของโลกพุ่งสูงอย่างน่าตกใจหลังปี ค.ศ. 1890 เมื่อแพทย์ค้นพบการรักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือ scurvy โดยการดื่มน้ำส้มหรือมะนาวเพียงวันละแก้ว



ส้มกับโรค Scurvy
Scurvy หรือที่เรียกเป็นไทยว่าโรคลักปิดลักเปิด เป็นโรคจาการขาดสารอาหารอันดับแรกที่มนุษย์รู้จัก เกิดจากการขาดวิตามินซีซึ่งมีในผักผลไม้สดโดยเฉพาะอย่างยิ่งส้มและมะนาว
วิตามินซีเป็นสารอาหารที่จำเป็นมากสำหรับมนุษย์ ขณะที่สัตว์ส่วนใหญ่และพืชสามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้จากน้ำตาลกลูโคส วิตามินซีช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อการได้รับวิตามินซีปริมาณเพียงพอจึงช่วยให้แผลหายได้เร็ว และในทางกลับกัน การขาดวิตามินซีทำให้แผลหายช้า แพทย์หลายท่านจึงนิยมจ่ายวิตามินซีชนิดเม็ดพร้อมยารักษาแผล แต่ผมอยากแนะนำให้รับประทานน้ำส้ม ซึ่งจะได้วิตามินซีและสาร สำคัญอื่น ๆ พร้อมด้วย
อาการของโรค Scurvy คือเหงือกบวม มีเลือดออกตามไรฟันถ้าเป็นมาก ฟันถึงกับหลุดร่วงได้มีจ้ำเลือดเห็นเป็นสีเขียวใต้ผิวหนัง ปวดข้อ แขนขาเคลื่อนไหวลำบาก แผลหายช้า เลือดจาง เป็นต้น
บันทึกที่เป็นหลักฐานว่ามนุษย์รู้จักโรค Scurvy คือช่วงสงครามครูเสด และในช่วยปลายศตวรรษที่ 15 scurvy กลายเป็นสาเหตุการตายและทุพลภาพที่ สำคัญในชาวเรือ
จนถึงปี ค.ศ. 1753 เริ่มค้นพบว่า สาเหตุของโรคน่าจะมาจากการกินอาหารไม่ถูกต้อง โดยศัลยแพทย์เจมส์ลินด์ ได้แสดงให้เห็นว่า Scurvy อาจหายได้ด้วยการกินน้ำส้ม หรือมะนาว นับแต่นั้นมา โรค Scurvy ก็ค่อยลดความรุนแรงลง ขณะที่ส้มและมะนาวกลายเป็นที่ต้องการของคนทั้งโลก ทุกวันนี้เราพบโรคขาดวิตามินซีได้ในคนแก่ที่ได้รับอาหารไม่ถูกต้อง หรือเลือกรับประทานอาหาร และในเด็กทารกที่ไม่ได้ทานนมมารดาและไม่มีการเสริมด้วยน้ำส้มสด
แม้ผู้ที่มีอาการ Scurvy ขั้นรุนแรง หากได้ทานวิตามินซี 100 มก. หรือเท่ากับส้มสด 2-3 ผล ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์อาการจะทุเลารวดเร็ว


วิตามินซี-สารจำเป็นของมนุษย์
ส้มและมะนาว เป็นแหล่งให้วิตามินซีที่ดีมากสำหรับมนุษย์เพราะส้มหนึ่งผลทั่ว ๆ ไปจะให้วิตามินซีถึงประมาณ 70 มก. ซึ่งมากเกินพอสำหรับความต้องการใน 1 วัน แต่เนื่องจากการที่มันไม่ถูกสะสมไว้ในร่างกายเราจึงต้องได้รับวิตามินซีทุกวัน
ผลไม้ไทย ๆ ที่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีวิตามินซีสูงสุดที่ผมจำได้ คือ ฝรั่ง ฝรั่ง 1 ลูกให้วิตามินซีสูงถึง 120 มก.


ส้มกับโรคหัวใจ
ดังได้กล่าวแล้วว่าส้มและมะนาวให้วิตามินซีในปริมาณสูง บัดนี้มีรายงานผลการค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างวิตามินซีกับโรคหัวใจที่น่าติดตามคือ รายงานเรื่อง Vitamin C may protect against heart at tack, stroke. โดย Stenson J. ใน Medical Tribune 1995 Jul 13;36(13):21 ว่าผลการศึกษาสองชิ้นจากอังกฤษสนับสนุนความเชื่อที่ว่า อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น น้ำส้มจะช่วยป้องหันโรคหัวใจได้ งานวิจัยที่หนึ่ง นักวิจัยพบว่าการได้รับวิตามินซี 60 มก. ต่อวัน (เท่ากับส้มหนึ่งผล) มีความสัมพันธ์กับการลดความเข้มข้นของไฟบริโนเจนในปริมาณที่ทำให้อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจชนิด ischmic heart disease ลดลงราวร้อยละ 10 การศึกษาชิ้นที่สอง พบว่า
คนสูงอายุที่มีระดับวิตามินซีในกระแสเลือดต่ำมีโอกาสเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้บ่อยกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนสูงอายุที่ต้องอยู่ตามลำพัง จัดหาอาหารเองซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับโภชนาการที่ไม่ถูกต้อง ในอังกฤษจำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ในฤดูหนาวเมื่อเทียบกับฤดูอื่น ๆ โรคสำคัญของฤดูหนาว คือ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคระบบทางเดินหายใจ พวกเขาแนะนำให้ผู้สูงอายุรับประทานผักและผลไม้สดมาก ๆ เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากโรคหัวใจและยังให้ข้อสังเกตว่า
การป้องกันโรคหัวใจอาจไม่ได้เป็นผลจากวิตามินซีตัวเดียวโดด ๆ แต่อาจมีสาร สำคัญอื่น ๆ ในผลไม้ที่ให้ผลทีว่า ดังนั้นการรับประทานผักและผลไม้สดย่อมดีกว่าวิตามินซีชนิดเม็ด
นอกจากนี้งานวิจัย Vitamin C and risk of death from stroke and coronary heart disease in cohort of elderly people ของ Gale CR, Martyn CN, Winter PD, Cooper ใน BMJ 1995 Jun 17;310(6994):1563-6 ซึ่งศึกษาประวัติย้อนหลังไปถึง 20 ปีในผู้สูงอายุ 720 คนทั้งหญิงและชายได้ตอกย้ำความคิดที่ว่า พืชผักที่อุดมด้วยวิตามินซีสามารถลดอัตราเกิดโรคหัวใจในผู้สูงอายุได้เช่นกัน โดยพวกเขาพบว่า อัตราตายจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ จะสูงสุดในกลุ่มที่มีระดับวิตามินซีในกระแสเลือดต่ำสุด


ประโยชน์ของไลมอนอยด์ (limonoids) เป็นสารประกอบทางชีววิทยาที่พบเป็นปริมาณมาก ในผลไม้ตระกูลส้ม และมีฤทธิ์นานาประการ รวมทั้งมีผลเป็นสารต่อต้านมะเร็งด้วย ในการทดลองกับเซลล์มะเร็งของมนุษย์ และเซลล์เนื้องอกในสัตว์ทดลองพบว่า สารดังกล่าวนี้มีประสิทธิภาพในการสู้รบ กับมะเร็งในช่องปาก คอ ปอด กระเพาะอาหาร ลําไส้ ผิวหนัง ตับ และเต้านม ไลมอนอยด์

โดยพบอยู่เฉพาะในพืชสองตระกูล เท่านั้น คือ พืชตระกูลส้ม และตระกูลมะฮอกกานี ในธรรมชาติ สารดังกล่าวทําหน้าที่ป้องกันพืชจากบรรดาศัตรูที่มุ่งร้าย ตัวอย่างง่ายๆ ที่ชาวไร่ชาวสวน ใช้ประโยชน์กันอยู่แล้ว ก็คือสารประเภทไลมอนอยด์ซึ่ง สกัดจากพืชในกลุ่มสะเดา (Neem) ซึ่งก็เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลมะฮอกกานี


ประโยชน์ของน้ำมันผิวส้ม
-ผิวพรรณ ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและเนื่อเยื่อรักษาแผลต่างๆ ลดริ้วรอยความเหี่ยวย่น
-ระบบหมุนเวียนและกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลการเต้นของหัวใจ
-กล้ามเนื้อและข้อต่อ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ
-ระบบทางเดินหายใจแก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ
-ระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการดูดซึมวิตามินซี ทำให้มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสได้ดี แก้ไข้
-ระบบทางเดินอาหาร แก้อาการเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะที่เกิดจากความเครียดแก้ท้องเสีย แก้ท้องผูก กระตุ้นน้ำดีทำให้ย่อยไขมันได้ดี ทำให้เจริญอาหาร
-ระบบสืบพันธุ์ แก้ปวดประจำเดือน
-ระบบปัสสาวะ ขับเหงื่อ ทำให้ขับสารพิษได้ดี
-ระบบประสาทและจิตใจ ช่วยให้คลายเครียด หายซึมเศร้า หดหู่ แจ่มใสขึ้น ช่วยให้รู้สึกหายเหนื่อย นอนหลับ ฟื้นฟูพลังงานและสุขภาพ

ที่มา : วารสาร หมออนามัย คอลัมน์ ตู้ยาสอ. หน้า 57 ฉบับที่ 2 ปีที่ 9 เดือน กันยายน-ตุลาคม พ.ศ. 2542

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น