วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตั้งชื่อสุนัข ทายนิสัยเจ้าของได้

ตั้งชื่อสุนัข ทายนิสัยเจ้าของได้


ชื่อแนวการ์ตูน เช่น เคโระ มิกกี้เมาท์
คุณเป็นคนที่มีความคิดฝัน เเละก็ยังมีความ เป็นเด็กอยู่ในหัวใจเสมอ


ชื่อแนว โบราณ เช่น มะลิ ลำดวน
เป็นคนที่มีปัญญาปราดเปรื่อง ชอบอ่านชอบค้นคว้า ความรู้รอบตัว เเต่ชอบทำตัวให้เเตกต่างจากชาวบ้าน ไม่อยากเหมือนใครอื่น


ชื่อเหมือน คน เช่น เบิ้ม ทองดี มารวย
มีนิสัยที่สนุกสนานเฮฮาอารมณ์ดีอยู่เสมอ อาจจะขี้หมั่นไส้ง่ายเล็กน้อยเรียกว่าเขม่นคนอื่นง่าย เเต่ไม่มีพิษมีภัยกับใคร เป็นคนมีน้ำใจไมตรีเเละไม่ชอบความเป็นพิธีรีตองมากนัก


ชื่อคนดัง เช่น วิกกี้ หลี่หมิง วิโนน่า
ชอบ เอาชื่อคนดังๆ ไม่ว่าจะเป็นชาติไหนก็ตาม มาตั้งชื่อสุนัข มักเป็นที่สังคมจัด เข้ากับคนง่าย สนใจในเรื่องรอบตัวชอบความหรูหราฟู่ฟ่า


ชื่อฝรั่ง เช่น อเล็กซ์ซานดร้า ซินดี้
คุณเป็นคนที่รักอิสระ ชอบท่องเที่ยวเดินทาง ไปตามใจปรารถนา สนใจเรื่องความสุขในชีวิต มากกว่าเรื่องเงินทอง


ชื่อแนว โหด เช่น บาซูก้า รถถัง ปืนใหญ่
เป็น คนที่ชอบทำกิจกรรมต่างๆ อย่างสนุกสนานชอบเล่นกีฬา ชอบการเเข่งขันไม่ชอบอยู่นิ่งๆ เฉยๆ เป็นคนกล้าพูดกล้าคิด เเต่จริงๆเเล้ว ลึกๆ ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองนักหรอก


ชื่ออาหาร เช่น ลูกชิ้น ผักชี ผักกาด
เป็นคนที่ค่อนข้างใจดี ใจอ่อนชอบช่วยเหลือคน เเต่ก็เป็นคนมีความดุ ความดื้อเเฝงอยู่ด้วย


ชื่อตรงข้ามกับลักษณะจริง เช่น สุนัขสีดำ แต่ตั้งชื่อว่า สำลี
เป็น คนที่มีอารมณ์ไม่ธรรมดา อยู่เป็นนิจ มักมีคารมเด็ดๆ มาก่อกวนป่วนปั่นเพื่อนอยู่เสมอ เเต่ก็ไม่เคยคิดร้ายกับใคร เเค่เป็นคนคะนองนิดๆ ห้าวหน่อยๆ และขวางโลกไม่น้อยเท่านั้นเอง!

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เพราะผู้ชายต่างจากผู้หญิง

เพราะผู้ชายต่างจากผู้หญิง


ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่หัดเดทเพื่อลดความไม่ประทับใจลง เพราะ เพศชายต่างจากเพศหญิง กิจวัตรประจำวันของเราอาจจะยากไปหน่อยเมื่อมีสาวๆ เดินอยู่ข้างๆ จะมีอะไรที่เราเผลอไปบ้างนะ....

ไม่ไกลหรอก เดินได้
ใช่ หนุ่มๆ เดินได้ แต่ลองถามสาวๆ บ้างไหม (ซึ่งบางทีก็ไม่กล้าบอกว่าเดินไม่ไหวเพราะเกรงใจ) หนุ่มๆ มักติดการเดินไกลๆ เวลาไปไหนกับกลุ่มเพื่อน แต่ต้องไม่ลืมว่าทั้ง กายภาพ เครื่องแต่งกาย กระเป๋า รองเท้า สาวๆ ไม่ได้เหมาะกับการเดินทางไกลเลยนะ


แดดแค่นี้ กลัวอะไร
แสงแดดแรงเป้นสิ่งที่สาวๆ ผวาลำดับต้นๆ ในชีวิต ใครจะมาถึกเหมือนพวกเราที่ไล่เตะบอล ชู๊ตบาสฯ กันทุกกลางวัน เห็นใจสาวๆ บ้าง อะไรบ้าง


โหย ทำไมเดินช้า...
นั่นไง ติดมาเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนอีกแล้ว ก็วัยรุ่นใจแล่น อยากก้าวขาไปให้ถึงไวๆ นี่ บางครั้งก็เผลอสับแหลก จนมารู้ตัวอีกทีก็ปล่อยให้สาวๆ ตามหลังไปหลายก้าว จำไว้ว่ามาด้วยกันก็ต้องเดินคู่กันสิ















หนุ่มบางคนติดเพื่อนมาก หรือไม่ก็ขาดความมั่นใจ จึงขอร้องไห้เพื่อนตามมาในเดทด้วย ซึ่งจะบอกว่าสร้างความอึดอัดให้สาวๆ เปล่าๆ ขณะที่ความเคยชินอาจทำให้เราเผลอพูดอะไรที่ฟังได้แค่ในกลุ่มออกมาก็ได้ เพราะฉะนั้นทำใจกล้าเข้าไว้และออกเดทกัน 1 ต่อ 1 ซะ

ในกรณีเดียวกันถ้าสาวๆ พาเพื่อนมาให้หนุ่มๆ คอยคุยกับเพื่อนเธอบ้าง อย่าให้เขาเป็นอากาศ เพราะถ้าเธอเห็นว่าคุณเข้ากับเพื่อนเธอได้ คุณจะได้ใจเพิ่มอีกเป็นกอง แต่อย่าไปจีบเพื่อนเธอนะ เอ้ย!

เรียนรู้และทำความเข้าใจสาวๆ เอาไว้มากๆ จะได้รู้จักปรับปรุง ปรับตัวให้น่าประทับใจ เพราะเรื่องเหล่านี้ก็ยังเป็นวิทยายุทธ์ขั้นต้น ลอให้ได้คบกันจริงเสียก่อน แล้วจะรู้ไอ้น้องเอ๋ย...

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คิดให้ดีก่อนบอกรัก!!

ข้อคิดดีๆ ก่อนที่จะบอกรักใครสักคน

เรื่องของความรักมักตั้งอยู่บนความเท่าเทียมกันเสมอ... สาวๆ อย่างพวกเราเองก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นฝ่ายสารภาพรักก่อนก็ได้จริงรึเปล่าล่ะคะ อ๊ะ อ๊ะ แต่ก่อนที่จะสารภาพรักกับใคร สาวๆ ก็ต้องคิดดูให้ดีก่อนนะคะว่า ถ้าเราตัดสินใจบอกความรู้สึกนั้นออกไปแล้ว ผลที่ได้กลับมานั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าหากอยากจะให้การสารภาพความรู้สึกในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี สาวๆ ควรจะนึกถึง ...

>>> เขาคิดกับเราแบบไหน ... การทำตัวเป็นเจ๊สั่งลุยทะเล่อทะเล่อเข้าไปบอกรักโดยไม่เช็คเรทติ้งตัวเองเสียก่อนว่าเค้าคิดกับเราแค่ไหน เป็นการเสี่ยงตายที่พี่เหมี่ยวไม่ขอแนะนำ ก่อนจะปลดปล่อยความลับคับอกออกมาให้เค้ารู้ สาวๆ จึงควรจะวัดปริมาณน้ำตาลในเลือดของเค้าก่อนว่าเวลา อยู่ใกล้ๆ เราเค้ามีอาการโรแมนติกแค่ไหน เขินอาย หน้าแดง แต่งหล่อ พูดจาตะกุกตะกักทำอะไรทำนองนี้มีบ้างไหม ถ้าหากมีล่ะก็แสดงว่าเป็นสัญญาณอันดีแล้วล่ะค่ะ

>>> โอกาสเป็นใจ ... สาวๆ ควรจะดูก่อนว่า เค้าคนนั้นอยู่ในอารมณ์ไหน จะสารภาพรักทั้งทีก็ควรจะเซ็ตบรรยากาศให้ดูโรแมนติกน่าอินเลิฟหน่อย เช่นอาจจะชวนเค้าเดินเล่นในสวนสวยตอนพระอาทิตย์ตกดิน หรือไปกินลมชมวิวทะเลกันสองต่อสองแล้วค่อยบอกความรู้สึกดีๆ ไป แบบนี้น่าจะเวิร์กนะคะ




>>> บอกกันซึ่งหน้า ... บางครั้งเรื่องแบบนี้ สาวๆ ก็ควรจะบอกกันตัวต่อตัวไปเลยนะคะ ขั้นแรกก็เริ่มจากการเกริ่นนำเล็กๆ น้อยๆ พอให้เค้ารู้ตัวว่าสิ่งที่เรากำลังจะพูดไม่ใช่เรื่องไก่กาอาราเล่ แต่มันเป็นเรื่องสำคัญแล้วค่อยเข้าประเด็นหลัก เช่น "เราเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วเธอจำได้ไหม" "อยากมีแฟนแบบที่เข้าใจเรา คุยกันได้ทุกเรื่องแบบเธอนี่ล่ะ" ... กล้าๆ หน่อยก็แล้วกันนะสาวๆ

>>> โนดราม่าควีน ... เก็บดราม่าทั้งหลายเอาไว้ อย่าปล่อยให้หลุดออกมาเพ่นพ่านเป็นอันขาด เพราะการพูดจาแบบโอเวอร์แอ็คเกิน ใส่อารมณ์เกินจริง มันน่าขนพองสยองเกล้ามากกว่าจะน่าเอ็นดู

>>> ไม่ห้าวเกินงาม ... ลด ละ เลิก ความห้าวเป้ง แล้วเปลี่ยนมาพูดจาแบบที่ผู้หญิงธรรมเขาพูดกัน ไม่จำเป็นว่าสาวๆ ต้องแอ๊บแบ๊วทำหน้าแป๋วแหวว แต่แค่ลดความแรงของคำพูดลงมาหน่อย อย่าลืมว่าผู้ชายทุกคนอยากได้แฟนที่เป็นผู้หญิง ฉะนั้นไม่ต้องห้าวแข่งกับหนุ่มๆ เค้าหรอกค่ะ

>>> เขินอายสไตล์หญิง ... เสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิงก็คืออาการเขินอายนี่ล่ะค่ะ

เวลาสารภาพรักสาวๆทั้งหลายจึงควรจะมีอาการเขินอายบ้าง การเขินอายนิดๆ

หน่อยๆให้สมกับเป็นลูกผู้หญิง จะทำให้สาวๆดูมีเสน่ห์น่ารักขึ้นอีกเยอะเลยล่ะค่ะ

>>> อย่าเร่งรัดคำตอบ ... เรื่องของความรักเป็นเรื่องต้องใช้เวลาค่ะ ทางที่ดีสาวๆ

จึงควรจะทิ้งท้ายแบบไม่เร่งรัดว่า "ลองเอาไปคิดดูนะ แล้วพร้อมจะตอบเมื่อไรก็บอกมา

" เห็นมั้ย .. ฟังดูเป็นหญิงใจกว้างไม่ชอบบังคับใครดีจัง ^^

>>> ให้โอกาสเขาปฏิเสธ ... ไม่จำเป็นว่าบอกรักแล้วจะได้ความรักกลับมา

เสมอไปเพื่อป้องกันอาการหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ ตอนสารภาพรักสาวๆ

จึงควรจะออกตัวไว้หน่อยว่าถึงแม้เค้าจะเซย์โนแต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้แบบนี้

น่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีกว่านะคะ


... เอาล่ะ สาวๆ คนไหนกำลังจะปฏิบัติการบอกเลิฟล่ะก็ ลองนะเทคนิคนี้

ไปใช้ดูนะคะถึงแม้อาจจะไม่อินเลิฟปุ๊บปั๊บ แต่ก็เชื่อเถอะค่ว่า

คงไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่หรอกค่ะ

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

10 มุมถ่ายรูปยอดฮิตในโรงเรียน

10 มุมถ่ายรูปยอดฮิตในโรงเรียน



1.สิ่งศักสิทธิ์ประจำสถาบัน - มีทุกโรงเรียนแน่นอนค่ะ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของทุกคนในโรงเรียน บางที่ก็ได้ยินมาว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรก็สมหวังทุกประการ เรียกว่าอย่างน้อย เรียนที่โรงเรียนนี้ ก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเป็นศิริมงคลด้วย แต่ท่าแอคชั่น ก็จะไม่มาก ออกแนวสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ต้องรักษากิริยานิดหนึ่ง


2.กระดานดำ - หรือไวท์บอร์ด ถ้าเป็นกระดานดำ จะคลาสสิคมากๆค่ะ แอบเห็นฝุ่นชอล์คฟุ้งๆ ฮ่าๆ ส่วนไวท์บอร์ด ก็ใช้ง่ายลบง่าย เวลาแอคชั่น ก็เขียนหรือวาดสารพัดคำพูดลงกระดาน แล้วแชะภาพถ่าย ถ้าถ่ายยกห้อง ก็เขียนบอกไปเลยว่าห้องอะไร!!!


3.ระเบียง-ทางเดิน - ถึงคนจะเดินผ่านไปมา ก็บ่ยั่น!!! ฉันมั่นจะถ่าย อารมณ์ติสท์ๆหน่อย เห็นระเบียง หรือทางเดินทอดยาว เหมือนเส่นทางที่เราต้องเดิน วิ้วๆๆ คิดไปถึงไหนเนี่ยพี่แนน แถมตรงนี้ที่สำคัญคือ สว่างค่ะ!!!


4.ห้องน้ำ - พี่แนนก็เพิ่งรู้ว่า เดี๋ยวนี้น้องๆสวยได้ด้วยแสงจากห้องน้ำ หลายเสียงบอกว่าแสงในห้องน้ำนี่แหละ เจ๋งสุด โดยเฉพาะท่าที่ใช้ถ่ายกับกระจก จะฮิตมากๆๆๆ เรียกว่าคอลเลคชั่นถ่ายรูป ต้องมีมุมนี้ คือ ถ่ายรูปตัวเองจากกระจกในห้องน้ำ!!! พี่แนนต้องลองบ้างแล้วค่ะ


5.ศาลา,มุมสวนหย่อม - บางโรงเรียนที่พี่แนนเห็น มุมนนี้สวยมากๆๆค่ะ มีทั้งต้นไม้ บางทีก็มีน้ำตกจำลอง โต๊ะม้าหินจัดวางไว้เข้ากันมาก เดี๋ยวนี้ก็เห็นมีศาลาทรงไทยประดับอยู่ด้วย อารมณ์เหมือนอยู่สวนสาธารณะเลยทีเดียว ทั้งสี ทั้งแสง ทั้งของประกอบฉากดีขนาดนี้ ไม่เก็บภาพไว้ได้ยังไง อิอิ


6.สนามกีฬา,โรงยิม - เป็นสถานที่ที่จัดท่าได้สนุกสุด เพราะทั้งกว้าง ของประกอบฉากก็มี ตั้งท่าชู๊ตบาส เตะบอล เดาะตะกร้อ ฯลฯ บางโรงเรียนก็มีสนามกีฬาอยู่กลางโรงเรียน ก็เลยตั้งแถวแปลอักษรซะเลย เป็นคำบ้าง เป็นรูปหัวใจบ้าง ให้ถ่ายจากมุมสูงลงมา ครีเอทสุดๆ ยิ่งบางที่มีสระว่ายน้ำ ถ่ายออกมาดูไฮโซสุดยอด


7.หน้าเสาธง - เอ่อ...อันนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรแล้วไปยืนกันใช่ไหมคะ? ฮ่าๆ มุมนี้ก็น้องๆ บอกกันมาว่า แปลกดี บางคนก็พิงเสา เท้าแขน หรือเกาะถ่ายกันเลยทีเดียว


8.บันได - ถ่ายได้เหมือนถ่ายรูปหมู่ทั้งห้องแบบย่อมๆ ก็ใช้ขั้นบันได้นี่แหล่ะค่ะ จัดนั่งกันเป็นขั้นๆไป เหมือนเวลานั่งแสตนด์เชียร์กีฬา มุมนี้ใช้ถ่ายรูปเน้นปริมาณ ถ้าอยากเก็บให้หมดทุกคน บางทีน้องๆ บางคนก็แอบใช้เพื่อนให้นั่งขั้นหน้า แล้วตัวเองนั่งหลัง พรางลำตัวไว้ อิอิ


9.กำแพงโรงเรียน - เป็นฉากที่ใช้ถ่ายรูปเดี่ยวกันซะเยอะค่ะ เพราะกำแพงก็จะไม่มีสีสันมากนัก เผลอๆ แอบใช้เป็นฉากถ่ายรูปติดบัตร เหอๆ แต่บางโรงเรียนก็เป็นกำแพงอิฐ หรือทาสีสวย ก็ต้องใช้เป็นฉากให้คุ้มค่ะ แอบมีดอกไม้ห้อยมาแซม หวานสุดๆ


10.ป้ายชื่อโรงเรีย - ขาดไม่ได้!!! เรียนที่โรงเรียนนี้ ก็ต้องมีรูปคู่บอกให้รู้ว่าเรียนที่นี่สิ!!! สำหรับโรงเรียนที่มีป้ายอยู่หน้าโรงเรียน หรือทางเข้า ก็ถ่ายกันได้หนุกหนาน แต่เห็นบางคนแอบเซ็ง เพราะป้ายโรงเรียนอยู่นู่นๆๆ บนยอดนู่นนนนน เวลาถ่ายให้เห็นทั้งคนทั้งป้าย เลยลำบากนิดนึง อิอิ



วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ปลาแซลมอน



ภาพลักษณะของปลาแซลมอนแอทแลนติค


ภาพของปลาแซลมอนชนิด sockeyes

ปลาแซลมอน

ลักษณะพิเศษคือการอพยพ

ประวัติของปลาแซลมอนเป็นที่น่า.ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ปลาแซลมอนเป็นพวกที่วางไข่ในน้ำจืด ปลาแซลมอนในแอทแลนติก และปลาแซลมอนในแปซิฟิค อีก 5 - 6 ชนิด จะมีข้อแตกต่างกันในการย้ายถิ่น แซลมอนแอทแลนติก มีการวางไข่ต่อเนื่องทุกๆ ปี ส่วนแซลมอนแปซิฟิค 5 ชนิด ( chinook, sockeye, coho, pink และ chum ) มีการวางไข่เพียงครั้งเดียวและตายไป
ปลาแซลมอนมีสัญชาตญาณในการกลับถิ่นได้อย่างไม่ผิดพลาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ ถึงสัญชาตณาณดังกล่าว เมื่อปลาแซลมอนรุ่นเยาว์กลับไปยังทะเลแล้วในขณะเดียวกันแซลมอนชนิด sokeyes เดินทางอยู่ในแปซิฟิคเหนือ เป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ในเวลา 2 - 5 ปี และเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีน้ำหนักประมาณ 2 - 5 กิโลกรัม ปลาแซลมอนกลับมาวางไข่ในบริเวณเดิมโดยไม่ผิดพลาด


นักชีววิทยาชาวแคนนาดาทดลองทำเครื่องหมาย ติดไว้ที่ตัวปลาแซลมอนชนิด sockeyes ที่เกิดที่แม่น้ำ เฟรเซอร์ในโคลัมเบีย ( tributary of British Columbia's Fraser River ) ประมาณ 5 แสนตัว หลังจากนั้น 4 ปี ได้พบแซลมอนที่ทำเครื่องหมายไว้นี้ประมาณ 11,000 ตัว ในแม่น้ำเฟรเซอร์ในบริเวณที่พ่อแม่เคยมาวางไข่ และ ไม่พบแซลมอนที่หลงทางไปบริเวณอื่นๆเลย การทดลองแสดงให้เห็นว่า การกลับถิ่นกำเนิดของแซลมอน เป็นการชักนำจากกลิ่นของพ่อแม่ที่ปล่อยไว้ในน้ำ ( stream odor ) แซลมอนได้รับการปลูกฝัง กลิ่นเหล่านี้ตั้งแต่ยังไม่ฝักออกเป็นไข่ ถ้าไข่ถูกนำออกจากแหล่งน้ำของพ่อแม่ไปไว้บริเวณอื่น ไกลกว่าหลายไมล์ ตัวเต็มวัยก็ยังคงกลับมาแหล่งเดิมของพ่อแม่ได้ สารประกอบของกลิ่นนั้นเป็นสารอินทรีย์ ระเหย ( volatile organic substance ) และคุณสมบัติทางเคมียังไม่ทราบแน่ชัด ขณะนี้ยังไม่เข้าใจถ่องแท้ว่า ปลาแซลมอนหาทางมายังปากน้ำได้อย่างไรโดยไม่มีเครื่องหมายใดๆ ในการนำทางมาจากทะเล การทดลองล่าสุดได้ให้ข้อคิดว่า ปลาตัวเต็มวัยได้รับการชักนำจากปรากฏการบนท้องฟ้าเช่น มีดวงดาวเป็นเครื่องนำทางหรือทิศทางหรือตำแหน่งของดวงอาทิตย์เป็นต้นในกรณีนี้ปลาแวลมอนจะมีความสามารถในการจับเวลาเสมือนหนึ่งเป็นนาฬิกาชีวภาพ ( biological clock ) ดังที่พบในสิ่งมีชิวิตอื่นๆ

เนยแข็งเกาดา (Gouda cheese)



















เนยแข็งเกาดา (Gouda chees เป็นเนยแข็งทำที่เมือง Gouda ตอนใต้องประเทศฮอลแลนด์ อ่านออกเสียงตามสำเนียงดัชว่า "เกาด้า" เป็นเนยแข็งที่คล้าย Edam cheese แต่มีไขมันมากกว่าคือมี ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วน Edam cheese มีประมาณ ๒๔ เปอร์เซ็นต์ เนยแข็งชนิดนี้ใช้เวลาบ่ม ๖-๘ เดือน แล้วนำไปอัดเป็นรูปกลมแบน

วันนี้วันแม่ ...วันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี


ความหมายของคำว่าแม่ !!
แม่ หรือ มารดา เป็นคำที่เรียกผู้ให้กำเนิด และโดยทั่วไป คือ แม่ที่เป็นบุคคลสำคัญของครอบครัวแบบ พ่อ แม่ ลูก เป็นผู้มีพระคุณต่อลูกเพราะเป็นผู้ให้กำเนิด แม่ทั่วไปมีหน้าที่ให้ครอบครัวคือ เลี้ยงลูก ดูแลบ้าน

คุณแม่ท่านรักเรา ท่านห่วงใยเรามากที่สุด มากกว่าใครๆในโลก
จริงอยู่ ทุกวันนี้ท่านอาจจะพูดซ้ำๆ ท่านอาจจะบ่น ท่านอาจจะคิดไม่ตรงกับความคิดของเรา วัยของเราซึ่งเจริญเติบโตขึ้น เรียนสูงขึ้น มีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นที่นับหน้าถือตา ไปเมืองนอกเมืองนาไม่รู้กี่สิบครั้ง ผ่านความเจริญหรูหรามานับครั้งไม่ถ้วน แต่ท่านก็ยังคิดและพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆ อย่างที่ท่านเคยพูดเหมือนเมื่อครั้งเรายังเป็นเด็ก ...โอ ช่างน่าเบื่อ


แต่หากคิดให้ลึกซึ้ง มองอะไรแบบพินิจพิจารณา ใจเย็นๆ ทุกคำพูดของท่านนั้นเป็นความรักเป็นความห่วงใยเป็นความหวังดีต่อเราทั้งนั้น


“อย่ากลับดึกนะลูก” “อย่าขี่เร็วนักนะลูก” “ทานอันนี้หน่อยซิลูก แม่ผัดมาให้” “อย่าแต่งตัวแบบนี้ซิลูก แม่ว่ามันสั้นไปนะ” “ไหว้ป้าซิลูก ป้าเพิ่งจะมาจากต่างจังหวัด”


สารพันประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ ล้วนแล้วแต่เป็นคำที่เราเคยได้ยินในรูหูทั้งสองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ท่านก็ยังคงบอก ยังคงเตือนด้วยประโยคเดิมๆเหล่านี้ ไม่เคยเปลี่ยนประโยค ไม่เคยพัฒนาประโยคเลย


จนเราบางคนถึงกับบ่นว่า “รู้แล้วละแม่ เตือน อยู่ได้” “เบื่อจริงๆ เตือนซ้ำเตือนซาก อยู่ได้”

วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

10 คณะที่ตกสัมภาษณ์มากที่สุด ของรับตรง มธ.


มีคณะอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลยคร๊าบ (อ่านไป แอบเสียวไปนะเนี่ย อิอิ)

อันดับ 10 คณะรัฐศาสตร์ ยอดฮิตของรั้วแม่โดมต้องคณะนี้เลย คนที่มาสัมภาษณ์คณะนี้ต้องแม่นการเมืองพอสมควร โดยรับตรงปีก่อนเข้ารอบมา 170 คน แต่สามารถชนะใจกรรมการไปได้เพียง 161 คนเท่านั้น สรุปถูกคัดออกไป 9 คน

อันดับ 9 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ถูกขนานนามว่าเป็นคณะที่เต็มไปด้วยหนุ่มใจดี สาวใจบุญ แต่ดูเหมือนอาจารย์สอบสัมภาษณ์คณะนี้จะไม่ใจดีเท่าไหร่ เพราะรับตรงปีที่ผ่านมา คัดออกรอบสัมภาษณ์ไปถึง23 คนจาก 146 คน เหลือ 123 คนเท่านั้น

อันดับ 8 คณะศิลปกรรมศาสตร์ เด่นสุดๆ เรื่องการละคอน และออกแบบ ที่สำคัญน้องๆ ที่มาสอบสัมภาณ์คณะนี้แฟ้มผลงานต้องเด็ดสะระตี่มากๆ ด้วย ไม่งั้นอาจไม่ได้ไปต่อ ดูจากปีที่แล้วที่ถูกตัดคัดออกไปถึง 25 คน




อันดับ 7 คณะนิติศาสตร์ เรียกได้ว่าเป็นคณะขั้นเทพที่หลายคนขนาดนามว่าสอบสัมภาษณ์โหดสุดๆ พูดต้องรู้เรื่อง เหตุการณ์บ้านเมืองต้องรู้ ปีที่แล้วผ่านข้อเขียนมา 371 คน แต่ได้ไปต่อเพียง 337 คนเท่านั้น หรือมีผู้ตกสัมภาษณ์ไป 34 คนนั้นเอง

อันดับ 6 คณะสาธารณสุขศาสตร์ น้องๆ สายวิทย์ที่อยากเรียนคณะนี้เตรียมหนาวได้เลย เพราะถึงแม้คณะนี้จะไม่มีวิชาเอกในตอนรับ แต่ก็คัดออกมากที่สุดเป็นอันดับ 6 โดยปีที่แล้วมีคนเข้าไปสอบสัมภาษณ์ 122 คน แต่ผ่านแค่ 69 คนเท่านั้น !!

อันดับ 5 คณะสหเวชศาสตร์ มาแรงตีคู่มาพร้อมกับคณะอันดับก่อนหน้าทุกปี แต่ปีนี้คณะสหเวชศาสตร์ขอมามาดโหดกว่า ปรับตกเด็กที่มาสอบสัมภาษณ์ไปถึง 67 คน จากทั้งหมด 107 คน งานนี้สาขากายภาพบำบัดมาวินถูกปรับตกเยอะที่สุด

อันดับ 4 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี อกอีแป้นจะแตกที่ได้ยินชื่อคณะนี้ เพราะเป็นคณะที่หลายถวายหัวเพื่อแลกกับการเข้าไปเรียน สำหรับคณะนี้มีรุ่นพี่หลายคนแอบบอกมาว่า กรรมการสัมภาษณ์บางปีมีตั้ง 5 คน มิน่าล่ะปีที่แล้วมีเด็กตกสัมภาษณ์คณะนี้ไปถึง 69 คน โอ้ๆ จะเป็นลม - -"

อันดับ 3 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และผังเมือง เด็กแอดมิชชั่น 54 ที่จะไปสอบสัมภาษณ์รับตรงคณะนี้ เตรียมแฟ้มผลงานใหญ่ไปได้เลย เคยวาดอะไร ออกแบบสิ่งไหน ขนไปให้หมด เพราะแล้วกรรมการท่าจะโหดพอสมควร ถึงปรับตกสัมภาษณ์ไปถึง94 คน จ๊ากๆ

อันดับ 2 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะนี้ดาวสวย เดือนหล่อทุกปี แต่อาจารย์ประจำคณะก็แอบเชือดนิ่มๆ นะเนี่ย เพราะปีที่แล้วปรับตกสัมภาษณ์ไปสูงถึง 128 คนจาก 250 คน ซึ่งสาเหตุที่ยอดสูงแบบนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเป็นคณะที่มีสาขาเยอะแยกย่อย ซึ่งสาขาที่มาวินตกเยอะที่สุดคือ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร

อันดับ 1 คณะเศรษฐศาสตร์ อยากรู้จังว่าคณะนี้กรรมการสอบสัมภาษณ์คณะนี้ถามอะไรบ้างนะ ปีที่แล้วถึงตกเหวสอบสัมภาษณ์ไปถึง 139 คน (โอ้มายก๊อต) และนับเป็นคณะที่มียอดตกสูงที่สุดในการรับตรงของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเท่าที่ไปแอบสืบจากรุ่นพี่ๆ คณะนี้มาก็ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แฟ้มโดน พูดดี บุคลิกเด่น ถึงจะรอด

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตั้งชื่อสุนัข ทายนิสัยเจ้าของได้

ตั้งชื่อสุนัข ทายนิสัยเจ้าของได้


ชื่อแนวการ์ตูน เช่น เคโระ มิกกี้เมาท์
คุณเป็นคนที่มีความคิดฝัน เเละก็ยังมีความ เป็นเด็กอยู่ในหัวใจเสมอ


ชื่อแนว โบราณ เช่น มะลิ ลำดวน
เป็นคนที่มีปัญญาปราดเปรื่อง ชอบอ่านชอบค้นคว้า ความรู้รอบตัว เเต่ชอบทำตัวให้เเตกต่างจากชาวบ้าน ไม่อยากเหมือนใครอื่น


ชื่อเหมือน คน เช่น เบิ้ม ทองดี มารวย
มีนิสัยที่สนุกสนานเฮฮาอารมณ์ดีอยู่เสมอ อาจจะขี้หมั่นไส้ง่ายเล็กน้อยเรียกว่าเขม่นคนอื่นง่าย เเต่ไม่มีพิษมีภัยกับใคร เป็นคนมีน้ำใจไมตรีเเละไม่ชอบความเป็นพิธีรีตองมากนัก


ชื่อคนดัง เช่น วิกกี้ หลี่หมิง วิโนน่า
ชอบ เอาชื่อคนดังๆ ไม่ว่าจะเป็นชาติไหนก็ตาม มาตั้งชื่อสุนัข มักเป็นที่สังคมจัด เข้ากับคนง่าย สนใจในเรื่องรอบตัวชอบความหรูหราฟู่ฟ่า


ชื่อฝรั่ง เช่น อเล็กซ์ซานดร้า ซินดี้
คุณเป็นคนที่รักอิสระ ชอบท่องเที่ยวเดินทาง ไปตามใจปรารถนา สนใจเรื่องความสุขในชีวิต มากกว่าเรื่องเงินทอง


ชื่อแนว โหด เช่น บาซูก้า รถถัง ปืนใหญ่
เป็น คนที่ชอบทำกิจกรรมต่างๆ อย่างสนุกสนานชอบเล่นกีฬา ชอบการเเข่งขันไม่ชอบอยู่นิ่งๆ เฉยๆ เป็นคนกล้าพูดกล้าคิด เเต่จริงๆเเล้ว ลึกๆ ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองนักหรอก


ชื่ออาหาร เช่น ลูกชิ้น ผักชี ผักกาด
เป็นคนที่ค่อนข้างใจดี ใจอ่อนชอบช่วยเหลือคน เเต่ก็เป็นคนมีความดุ ความดื้อเเฝงอยู่ด้วย


ชื่อตรงข้ามกับลักษณะจริง เช่น สุนัขสีดำ แต่ตั้งชื่อว่า สำลี
เป็น คนที่มีอารมณ์ไม่ธรรมดา อยู่เป็นนิจ มักมีคารมเด็ดๆ มาก่อกวนป่วนปั่นเพื่อนอยู่เสมอ เเต่ก็ไม่เคยคิดร้ายกับใคร เเค่เป็นคนคะนองนิดๆ ห้าวหน่อยๆ และขวางโลกไม่น้อยเท่านั้นเอง!

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เพราะผู้ชายต่างจากผู้หญิง

เพราะผู้ชายต่างจากผู้หญิง


ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่หัดเดทเพื่อลดความไม่ประทับใจลง เพราะ เพศชายต่างจากเพศหญิง กิจวัตรประจำวันของเราอาจจะยากไปหน่อยเมื่อมีสาวๆ เดินอยู่ข้างๆ จะมีอะไรที่เราเผลอไปบ้างนะ....

ไม่ไกลหรอก เดินได้
ใช่ หนุ่มๆ เดินได้ แต่ลองถามสาวๆ บ้างไหม (ซึ่งบางทีก็ไม่กล้าบอกว่าเดินไม่ไหวเพราะเกรงใจ) หนุ่มๆ มักติดการเดินไกลๆ เวลาไปไหนกับกลุ่มเพื่อน แต่ต้องไม่ลืมว่าทั้ง กายภาพ เครื่องแต่งกาย กระเป๋า รองเท้า สาวๆ ไม่ได้เหมาะกับการเดินทางไกลเลยนะ


แดดแค่นี้ กลัวอะไร
แสงแดดแรงเป้นสิ่งที่สาวๆ ผวาลำดับต้นๆ ในชีวิต ใครจะมาถึกเหมือนพวกเราที่ไล่เตะบอล ชู๊ตบาสฯ กันทุกกลางวัน เห็นใจสาวๆ บ้าง อะไรบ้าง


โหย ทำไมเดินช้า...
นั่นไง ติดมาเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนอีกแล้ว ก็วัยรุ่นใจแล่น อยากก้าวขาไปให้ถึงไวๆ นี่ บางครั้งก็เผลอสับแหลก จนมารู้ตัวอีกทีก็ปล่อยให้สาวๆ ตามหลังไปหลายก้าว จำไว้ว่ามาด้วยกันก็ต้องเดินคู่กันสิ















หนุ่มบางคนติดเพื่อนมาก หรือไม่ก็ขาดความมั่นใจ จึงขอร้องไห้เพื่อนตามมาในเดทด้วย ซึ่งจะบอกว่าสร้างความอึดอัดให้สาวๆ เปล่าๆ ขณะที่ความเคยชินอาจทำให้เราเผลอพูดอะไรที่ฟังได้แค่ในกลุ่มออกมาก็ได้ เพราะฉะนั้นทำใจกล้าเข้าไว้และออกเดทกัน 1 ต่อ 1 ซะ

ในกรณีเดียวกันถ้าสาวๆ พาเพื่อนมาให้หนุ่มๆ คอยคุยกับเพื่อนเธอบ้าง อย่าให้เขาเป็นอากาศ เพราะถ้าเธอเห็นว่าคุณเข้ากับเพื่อนเธอได้ คุณจะได้ใจเพิ่มอีกเป็นกอง แต่อย่าไปจีบเพื่อนเธอนะ เอ้ย!

เรียนรู้และทำความเข้าใจสาวๆ เอาไว้มากๆ จะได้รู้จักปรับปรุง ปรับตัวให้น่าประทับใจ เพราะเรื่องเหล่านี้ก็ยังเป็นวิทยายุทธ์ขั้นต้น ลอให้ได้คบกันจริงเสียก่อน แล้วจะรู้ไอ้น้องเอ๋ย...

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คิดให้ดีก่อนบอกรัก!!

ข้อคิดดีๆ ก่อนที่จะบอกรักใครสักคน

เรื่องของความรักมักตั้งอยู่บนความเท่าเทียมกันเสมอ... สาวๆ อย่างพวกเราเองก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นฝ่ายสารภาพรักก่อนก็ได้จริงรึเปล่าล่ะคะ อ๊ะ อ๊ะ แต่ก่อนที่จะสารภาพรักกับใคร สาวๆ ก็ต้องคิดดูให้ดีก่อนนะคะว่า ถ้าเราตัดสินใจบอกความรู้สึกนั้นออกไปแล้ว ผลที่ได้กลับมานั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าหากอยากจะให้การสารภาพความรู้สึกในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี สาวๆ ควรจะนึกถึง ...

>>> เขาคิดกับเราแบบไหน ... การทำตัวเป็นเจ๊สั่งลุยทะเล่อทะเล่อเข้าไปบอกรักโดยไม่เช็คเรทติ้งตัวเองเสียก่อนว่าเค้าคิดกับเราแค่ไหน เป็นการเสี่ยงตายที่พี่เหมี่ยวไม่ขอแนะนำ ก่อนจะปลดปล่อยความลับคับอกออกมาให้เค้ารู้ สาวๆ จึงควรจะวัดปริมาณน้ำตาลในเลือดของเค้าก่อนว่าเวลา อยู่ใกล้ๆ เราเค้ามีอาการโรแมนติกแค่ไหน เขินอาย หน้าแดง แต่งหล่อ พูดจาตะกุกตะกักทำอะไรทำนองนี้มีบ้างไหม ถ้าหากมีล่ะก็แสดงว่าเป็นสัญญาณอันดีแล้วล่ะค่ะ

>>> โอกาสเป็นใจ ... สาวๆ ควรจะดูก่อนว่า เค้าคนนั้นอยู่ในอารมณ์ไหน จะสารภาพรักทั้งทีก็ควรจะเซ็ตบรรยากาศให้ดูโรแมนติกน่าอินเลิฟหน่อย เช่นอาจจะชวนเค้าเดินเล่นในสวนสวยตอนพระอาทิตย์ตกดิน หรือไปกินลมชมวิวทะเลกันสองต่อสองแล้วค่อยบอกความรู้สึกดีๆ ไป แบบนี้น่าจะเวิร์กนะคะ




>>> บอกกันซึ่งหน้า ... บางครั้งเรื่องแบบนี้ สาวๆ ก็ควรจะบอกกันตัวต่อตัวไปเลยนะคะ ขั้นแรกก็เริ่มจากการเกริ่นนำเล็กๆ น้อยๆ พอให้เค้ารู้ตัวว่าสิ่งที่เรากำลังจะพูดไม่ใช่เรื่องไก่กาอาราเล่ แต่มันเป็นเรื่องสำคัญแล้วค่อยเข้าประเด็นหลัก เช่น "เราเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วเธอจำได้ไหม" "อยากมีแฟนแบบที่เข้าใจเรา คุยกันได้ทุกเรื่องแบบเธอนี่ล่ะ" ... กล้าๆ หน่อยก็แล้วกันนะสาวๆ

>>> โนดราม่าควีน ... เก็บดราม่าทั้งหลายเอาไว้ อย่าปล่อยให้หลุดออกมาเพ่นพ่านเป็นอันขาด เพราะการพูดจาแบบโอเวอร์แอ็คเกิน ใส่อารมณ์เกินจริง มันน่าขนพองสยองเกล้ามากกว่าจะน่าเอ็นดู

>>> ไม่ห้าวเกินงาม ... ลด ละ เลิก ความห้าวเป้ง แล้วเปลี่ยนมาพูดจาแบบที่ผู้หญิงธรรมเขาพูดกัน ไม่จำเป็นว่าสาวๆ ต้องแอ๊บแบ๊วทำหน้าแป๋วแหวว แต่แค่ลดความแรงของคำพูดลงมาหน่อย อย่าลืมว่าผู้ชายทุกคนอยากได้แฟนที่เป็นผู้หญิง ฉะนั้นไม่ต้องห้าวแข่งกับหนุ่มๆ เค้าหรอกค่ะ

>>> เขินอายสไตล์หญิง ... เสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิงก็คืออาการเขินอายนี่ล่ะค่ะ

เวลาสารภาพรักสาวๆทั้งหลายจึงควรจะมีอาการเขินอายบ้าง การเขินอายนิดๆ

หน่อยๆให้สมกับเป็นลูกผู้หญิง จะทำให้สาวๆดูมีเสน่ห์น่ารักขึ้นอีกเยอะเลยล่ะค่ะ

>>> อย่าเร่งรัดคำตอบ ... เรื่องของความรักเป็นเรื่องต้องใช้เวลาค่ะ ทางที่ดีสาวๆ

จึงควรจะทิ้งท้ายแบบไม่เร่งรัดว่า "ลองเอาไปคิดดูนะ แล้วพร้อมจะตอบเมื่อไรก็บอกมา

" เห็นมั้ย .. ฟังดูเป็นหญิงใจกว้างไม่ชอบบังคับใครดีจัง ^^

>>> ให้โอกาสเขาปฏิเสธ ... ไม่จำเป็นว่าบอกรักแล้วจะได้ความรักกลับมา

เสมอไปเพื่อป้องกันอาการหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ ตอนสารภาพรักสาวๆ

จึงควรจะออกตัวไว้หน่อยว่าถึงแม้เค้าจะเซย์โนแต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้แบบนี้

น่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีกว่านะคะ


... เอาล่ะ สาวๆ คนไหนกำลังจะปฏิบัติการบอกเลิฟล่ะก็ ลองนะเทคนิคนี้

ไปใช้ดูนะคะถึงแม้อาจจะไม่อินเลิฟปุ๊บปั๊บ แต่ก็เชื่อเถอะค่ว่า

คงไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่หรอกค่ะ

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

10 มุมถ่ายรูปยอดฮิตในโรงเรียน

10 มุมถ่ายรูปยอดฮิตในโรงเรียน



1.สิ่งศักสิทธิ์ประจำสถาบัน - มีทุกโรงเรียนแน่นอนค่ะ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของทุกคนในโรงเรียน บางที่ก็ได้ยินมาว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรก็สมหวังทุกประการ เรียกว่าอย่างน้อย เรียนที่โรงเรียนนี้ ก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเป็นศิริมงคลด้วย แต่ท่าแอคชั่น ก็จะไม่มาก ออกแนวสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ต้องรักษากิริยานิดหนึ่ง


2.กระดานดำ - หรือไวท์บอร์ด ถ้าเป็นกระดานดำ จะคลาสสิคมากๆค่ะ แอบเห็นฝุ่นชอล์คฟุ้งๆ ฮ่าๆ ส่วนไวท์บอร์ด ก็ใช้ง่ายลบง่าย เวลาแอคชั่น ก็เขียนหรือวาดสารพัดคำพูดลงกระดาน แล้วแชะภาพถ่าย ถ้าถ่ายยกห้อง ก็เขียนบอกไปเลยว่าห้องอะไร!!!


3.ระเบียง-ทางเดิน - ถึงคนจะเดินผ่านไปมา ก็บ่ยั่น!!! ฉันมั่นจะถ่าย อารมณ์ติสท์ๆหน่อย เห็นระเบียง หรือทางเดินทอดยาว เหมือนเส่นทางที่เราต้องเดิน วิ้วๆๆ คิดไปถึงไหนเนี่ยพี่แนน แถมตรงนี้ที่สำคัญคือ สว่างค่ะ!!!


4.ห้องน้ำ - พี่แนนก็เพิ่งรู้ว่า เดี๋ยวนี้น้องๆสวยได้ด้วยแสงจากห้องน้ำ หลายเสียงบอกว่าแสงในห้องน้ำนี่แหละ เจ๋งสุด โดยเฉพาะท่าที่ใช้ถ่ายกับกระจก จะฮิตมากๆๆๆ เรียกว่าคอลเลคชั่นถ่ายรูป ต้องมีมุมนี้ คือ ถ่ายรูปตัวเองจากกระจกในห้องน้ำ!!! พี่แนนต้องลองบ้างแล้วค่ะ


5.ศาลา,มุมสวนหย่อม - บางโรงเรียนที่พี่แนนเห็น มุมนนี้สวยมากๆๆค่ะ มีทั้งต้นไม้ บางทีก็มีน้ำตกจำลอง โต๊ะม้าหินจัดวางไว้เข้ากันมาก เดี๋ยวนี้ก็เห็นมีศาลาทรงไทยประดับอยู่ด้วย อารมณ์เหมือนอยู่สวนสาธารณะเลยทีเดียว ทั้งสี ทั้งแสง ทั้งของประกอบฉากดีขนาดนี้ ไม่เก็บภาพไว้ได้ยังไง อิอิ


6.สนามกีฬา,โรงยิม - เป็นสถานที่ที่จัดท่าได้สนุกสุด เพราะทั้งกว้าง ของประกอบฉากก็มี ตั้งท่าชู๊ตบาส เตะบอล เดาะตะกร้อ ฯลฯ บางโรงเรียนก็มีสนามกีฬาอยู่กลางโรงเรียน ก็เลยตั้งแถวแปลอักษรซะเลย เป็นคำบ้าง เป็นรูปหัวใจบ้าง ให้ถ่ายจากมุมสูงลงมา ครีเอทสุดๆ ยิ่งบางที่มีสระว่ายน้ำ ถ่ายออกมาดูไฮโซสุดยอด


7.หน้าเสาธง - เอ่อ...อันนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรแล้วไปยืนกันใช่ไหมคะ? ฮ่าๆ มุมนี้ก็น้องๆ บอกกันมาว่า แปลกดี บางคนก็พิงเสา เท้าแขน หรือเกาะถ่ายกันเลยทีเดียว


8.บันได - ถ่ายได้เหมือนถ่ายรูปหมู่ทั้งห้องแบบย่อมๆ ก็ใช้ขั้นบันได้นี่แหล่ะค่ะ จัดนั่งกันเป็นขั้นๆไป เหมือนเวลานั่งแสตนด์เชียร์กีฬา มุมนี้ใช้ถ่ายรูปเน้นปริมาณ ถ้าอยากเก็บให้หมดทุกคน บางทีน้องๆ บางคนก็แอบใช้เพื่อนให้นั่งขั้นหน้า แล้วตัวเองนั่งหลัง พรางลำตัวไว้ อิอิ


9.กำแพงโรงเรียน - เป็นฉากที่ใช้ถ่ายรูปเดี่ยวกันซะเยอะค่ะ เพราะกำแพงก็จะไม่มีสีสันมากนัก เผลอๆ แอบใช้เป็นฉากถ่ายรูปติดบัตร เหอๆ แต่บางโรงเรียนก็เป็นกำแพงอิฐ หรือทาสีสวย ก็ต้องใช้เป็นฉากให้คุ้มค่ะ แอบมีดอกไม้ห้อยมาแซม หวานสุดๆ


10.ป้ายชื่อโรงเรีย - ขาดไม่ได้!!! เรียนที่โรงเรียนนี้ ก็ต้องมีรูปคู่บอกให้รู้ว่าเรียนที่นี่สิ!!! สำหรับโรงเรียนที่มีป้ายอยู่หน้าโรงเรียน หรือทางเข้า ก็ถ่ายกันได้หนุกหนาน แต่เห็นบางคนแอบเซ็ง เพราะป้ายโรงเรียนอยู่นู่นๆๆ บนยอดนู่นนนนน เวลาถ่ายให้เห็นทั้งคนทั้งป้าย เลยลำบากนิดนึง อิอิ



วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ปลาแซลมอน



ภาพลักษณะของปลาแซลมอนแอทแลนติค


ภาพของปลาแซลมอนชนิด sockeyes

ปลาแซลมอน

ลักษณะพิเศษคือการอพยพ

ประวัติของปลาแซลมอนเป็นที่น่า.ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ปลาแซลมอนเป็นพวกที่วางไข่ในน้ำจืด ปลาแซลมอนในแอทแลนติก และปลาแซลมอนในแปซิฟิค อีก 5 - 6 ชนิด จะมีข้อแตกต่างกันในการย้ายถิ่น แซลมอนแอทแลนติก มีการวางไข่ต่อเนื่องทุกๆ ปี ส่วนแซลมอนแปซิฟิค 5 ชนิด ( chinook, sockeye, coho, pink และ chum ) มีการวางไข่เพียงครั้งเดียวและตายไป
ปลาแซลมอนมีสัญชาตญาณในการกลับถิ่นได้อย่างไม่ผิดพลาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ ถึงสัญชาตณาณดังกล่าว เมื่อปลาแซลมอนรุ่นเยาว์กลับไปยังทะเลแล้วในขณะเดียวกันแซลมอนชนิด sokeyes เดินทางอยู่ในแปซิฟิคเหนือ เป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ในเวลา 2 - 5 ปี และเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีน้ำหนักประมาณ 2 - 5 กิโลกรัม ปลาแซลมอนกลับมาวางไข่ในบริเวณเดิมโดยไม่ผิดพลาด


นักชีววิทยาชาวแคนนาดาทดลองทำเครื่องหมาย ติดไว้ที่ตัวปลาแซลมอนชนิด sockeyes ที่เกิดที่แม่น้ำ เฟรเซอร์ในโคลัมเบีย ( tributary of British Columbia's Fraser River ) ประมาณ 5 แสนตัว หลังจากนั้น 4 ปี ได้พบแซลมอนที่ทำเครื่องหมายไว้นี้ประมาณ 11,000 ตัว ในแม่น้ำเฟรเซอร์ในบริเวณที่พ่อแม่เคยมาวางไข่ และ ไม่พบแซลมอนที่หลงทางไปบริเวณอื่นๆเลย การทดลองแสดงให้เห็นว่า การกลับถิ่นกำเนิดของแซลมอน เป็นการชักนำจากกลิ่นของพ่อแม่ที่ปล่อยไว้ในน้ำ ( stream odor ) แซลมอนได้รับการปลูกฝัง กลิ่นเหล่านี้ตั้งแต่ยังไม่ฝักออกเป็นไข่ ถ้าไข่ถูกนำออกจากแหล่งน้ำของพ่อแม่ไปไว้บริเวณอื่น ไกลกว่าหลายไมล์ ตัวเต็มวัยก็ยังคงกลับมาแหล่งเดิมของพ่อแม่ได้ สารประกอบของกลิ่นนั้นเป็นสารอินทรีย์ ระเหย ( volatile organic substance ) และคุณสมบัติทางเคมียังไม่ทราบแน่ชัด ขณะนี้ยังไม่เข้าใจถ่องแท้ว่า ปลาแซลมอนหาทางมายังปากน้ำได้อย่างไรโดยไม่มีเครื่องหมายใดๆ ในการนำทางมาจากทะเล การทดลองล่าสุดได้ให้ข้อคิดว่า ปลาตัวเต็มวัยได้รับการชักนำจากปรากฏการบนท้องฟ้าเช่น มีดวงดาวเป็นเครื่องนำทางหรือทิศทางหรือตำแหน่งของดวงอาทิตย์เป็นต้นในกรณีนี้ปลาแวลมอนจะมีความสามารถในการจับเวลาเสมือนหนึ่งเป็นนาฬิกาชีวภาพ ( biological clock ) ดังที่พบในสิ่งมีชิวิตอื่นๆ

เนยแข็งเกาดา (Gouda cheese)



















เนยแข็งเกาดา (Gouda chees เป็นเนยแข็งทำที่เมือง Gouda ตอนใต้องประเทศฮอลแลนด์ อ่านออกเสียงตามสำเนียงดัชว่า "เกาด้า" เป็นเนยแข็งที่คล้าย Edam cheese แต่มีไขมันมากกว่าคือมี ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วน Edam cheese มีประมาณ ๒๔ เปอร์เซ็นต์ เนยแข็งชนิดนี้ใช้เวลาบ่ม ๖-๘ เดือน แล้วนำไปอัดเป็นรูปกลมแบน

วันนี้วันแม่ ...วันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี


ความหมายของคำว่าแม่ !!
แม่ หรือ มารดา เป็นคำที่เรียกผู้ให้กำเนิด และโดยทั่วไป คือ แม่ที่เป็นบุคคลสำคัญของครอบครัวแบบ พ่อ แม่ ลูก เป็นผู้มีพระคุณต่อลูกเพราะเป็นผู้ให้กำเนิด แม่ทั่วไปมีหน้าที่ให้ครอบครัวคือ เลี้ยงลูก ดูแลบ้าน

คุณแม่ท่านรักเรา ท่านห่วงใยเรามากที่สุด มากกว่าใครๆในโลก
จริงอยู่ ทุกวันนี้ท่านอาจจะพูดซ้ำๆ ท่านอาจจะบ่น ท่านอาจจะคิดไม่ตรงกับความคิดของเรา วัยของเราซึ่งเจริญเติบโตขึ้น เรียนสูงขึ้น มีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นที่นับหน้าถือตา ไปเมืองนอกเมืองนาไม่รู้กี่สิบครั้ง ผ่านความเจริญหรูหรามานับครั้งไม่ถ้วน แต่ท่านก็ยังคิดและพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆ อย่างที่ท่านเคยพูดเหมือนเมื่อครั้งเรายังเป็นเด็ก ...โอ ช่างน่าเบื่อ


แต่หากคิดให้ลึกซึ้ง มองอะไรแบบพินิจพิจารณา ใจเย็นๆ ทุกคำพูดของท่านนั้นเป็นความรักเป็นความห่วงใยเป็นความหวังดีต่อเราทั้งนั้น


“อย่ากลับดึกนะลูก” “อย่าขี่เร็วนักนะลูก” “ทานอันนี้หน่อยซิลูก แม่ผัดมาให้” “อย่าแต่งตัวแบบนี้ซิลูก แม่ว่ามันสั้นไปนะ” “ไหว้ป้าซิลูก ป้าเพิ่งจะมาจากต่างจังหวัด”


สารพันประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ ล้วนแล้วแต่เป็นคำที่เราเคยได้ยินในรูหูทั้งสองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ท่านก็ยังคงบอก ยังคงเตือนด้วยประโยคเดิมๆเหล่านี้ ไม่เคยเปลี่ยนประโยค ไม่เคยพัฒนาประโยคเลย


จนเราบางคนถึงกับบ่นว่า “รู้แล้วละแม่ เตือน อยู่ได้” “เบื่อจริงๆ เตือนซ้ำเตือนซาก อยู่ได้”

วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

10 คณะที่ตกสัมภาษณ์มากที่สุด ของรับตรง มธ.


มีคณะอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลยคร๊าบ (อ่านไป แอบเสียวไปนะเนี่ย อิอิ)

อันดับ 10 คณะรัฐศาสตร์ ยอดฮิตของรั้วแม่โดมต้องคณะนี้เลย คนที่มาสัมภาษณ์คณะนี้ต้องแม่นการเมืองพอสมควร โดยรับตรงปีก่อนเข้ารอบมา 170 คน แต่สามารถชนะใจกรรมการไปได้เพียง 161 คนเท่านั้น สรุปถูกคัดออกไป 9 คน

อันดับ 9 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ถูกขนานนามว่าเป็นคณะที่เต็มไปด้วยหนุ่มใจดี สาวใจบุญ แต่ดูเหมือนอาจารย์สอบสัมภาษณ์คณะนี้จะไม่ใจดีเท่าไหร่ เพราะรับตรงปีที่ผ่านมา คัดออกรอบสัมภาษณ์ไปถึง23 คนจาก 146 คน เหลือ 123 คนเท่านั้น

อันดับ 8 คณะศิลปกรรมศาสตร์ เด่นสุดๆ เรื่องการละคอน และออกแบบ ที่สำคัญน้องๆ ที่มาสอบสัมภาณ์คณะนี้แฟ้มผลงานต้องเด็ดสะระตี่มากๆ ด้วย ไม่งั้นอาจไม่ได้ไปต่อ ดูจากปีที่แล้วที่ถูกตัดคัดออกไปถึง 25 คน




อันดับ 7 คณะนิติศาสตร์ เรียกได้ว่าเป็นคณะขั้นเทพที่หลายคนขนาดนามว่าสอบสัมภาษณ์โหดสุดๆ พูดต้องรู้เรื่อง เหตุการณ์บ้านเมืองต้องรู้ ปีที่แล้วผ่านข้อเขียนมา 371 คน แต่ได้ไปต่อเพียง 337 คนเท่านั้น หรือมีผู้ตกสัมภาษณ์ไป 34 คนนั้นเอง

อันดับ 6 คณะสาธารณสุขศาสตร์ น้องๆ สายวิทย์ที่อยากเรียนคณะนี้เตรียมหนาวได้เลย เพราะถึงแม้คณะนี้จะไม่มีวิชาเอกในตอนรับ แต่ก็คัดออกมากที่สุดเป็นอันดับ 6 โดยปีที่แล้วมีคนเข้าไปสอบสัมภาษณ์ 122 คน แต่ผ่านแค่ 69 คนเท่านั้น !!

อันดับ 5 คณะสหเวชศาสตร์ มาแรงตีคู่มาพร้อมกับคณะอันดับก่อนหน้าทุกปี แต่ปีนี้คณะสหเวชศาสตร์ขอมามาดโหดกว่า ปรับตกเด็กที่มาสอบสัมภาษณ์ไปถึง 67 คน จากทั้งหมด 107 คน งานนี้สาขากายภาพบำบัดมาวินถูกปรับตกเยอะที่สุด

อันดับ 4 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี อกอีแป้นจะแตกที่ได้ยินชื่อคณะนี้ เพราะเป็นคณะที่หลายถวายหัวเพื่อแลกกับการเข้าไปเรียน สำหรับคณะนี้มีรุ่นพี่หลายคนแอบบอกมาว่า กรรมการสัมภาษณ์บางปีมีตั้ง 5 คน มิน่าล่ะปีที่แล้วมีเด็กตกสัมภาษณ์คณะนี้ไปถึง 69 คน โอ้ๆ จะเป็นลม - -"

อันดับ 3 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และผังเมือง เด็กแอดมิชชั่น 54 ที่จะไปสอบสัมภาษณ์รับตรงคณะนี้ เตรียมแฟ้มผลงานใหญ่ไปได้เลย เคยวาดอะไร ออกแบบสิ่งไหน ขนไปให้หมด เพราะแล้วกรรมการท่าจะโหดพอสมควร ถึงปรับตกสัมภาษณ์ไปถึง94 คน จ๊ากๆ

อันดับ 2 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะนี้ดาวสวย เดือนหล่อทุกปี แต่อาจารย์ประจำคณะก็แอบเชือดนิ่มๆ นะเนี่ย เพราะปีที่แล้วปรับตกสัมภาษณ์ไปสูงถึง 128 คนจาก 250 คน ซึ่งสาเหตุที่ยอดสูงแบบนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเป็นคณะที่มีสาขาเยอะแยกย่อย ซึ่งสาขาที่มาวินตกเยอะที่สุดคือ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร

อันดับ 1 คณะเศรษฐศาสตร์ อยากรู้จังว่าคณะนี้กรรมการสอบสัมภาษณ์คณะนี้ถามอะไรบ้างนะ ปีที่แล้วถึงตกเหวสอบสัมภาษณ์ไปถึง 139 คน (โอ้มายก๊อต) และนับเป็นคณะที่มียอดตกสูงที่สุดในการรับตรงของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเท่าที่ไปแอบสืบจากรุ่นพี่ๆ คณะนี้มาก็ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แฟ้มโดน พูดดี บุคลิกเด่น ถึงจะรอด