วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

เป็นภูมิแพ้อยู่หรือเปล่า?


เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่มิ้งฟืด-ฟาดไปทั้งวัน เพราะมีน้ำมูกไหลออกมาตลอดเวลา พอนอนตื่นมาก็เจ็บคออีก อาการเหล่านี้ทำให้เป็นหวัด เจ็บคอ ได้ง่ายๆ เลยนะ เลยคิดว่าสาเหตุมันอาจมาจากภูมิแพ้ก็ได้ ก็ลองไปหาข้อมูลมาฝากหนุ่มๆ เผื่อจะมีปัญหาเหมือนกัน ^^"

โรคที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการไวผิดปกติต่อสิ่งซึ่งสามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ ซึ่งปกติสารเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้กับคนปกติทั่วไป โรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นกับทุกวัย แต่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ไม่ใช่โรคติดต่อ

อวัยวะที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้
ทางลมหายใจ ถ้าสิ่งกระตุ้นผ่านเข้ามาทางลมหายใจ ตั้งแต่รูจมูกลงไปยังปอด ก็จะทำให้เป็นหวัด คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คันคอ เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ เสียงแหบแห้งและลงไปยังหลอดลม ทำให้หลอดลมตีบตันเป็นหอบหืด
ทางผิวหนัง
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางผิวหนัง จะทำให้เกิดผื่นคัน น้ำเหลืองเสีย
ทางอาหาร
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางอาหาร จะทำให้ท้องเสีย อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด เสียไข่ขาวในเลือด อาจทำให้เกิดอาการทางระบบอื่นๆ ได้ เช่น ลมพิษ หน้าตาบวม
ทางตา
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางตา จะทำให้เกิดอาการแสบตา คันตา หนังตาบวม น้ำตาไหล

แต่วันนี้พี่มิ้งขอพูดถึงภูมิแพ้ทางลมหายใจ (เพราะดูจะพบเจอบ่อยที่สุด) สารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้นั้นมีหลายอย่าง

1.ฝุ่นบ้าน ตัวไรฝุ่นบ้าน มักปะปนอยู่ในฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 มม.มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

2.แมลงต่างๆ แมลงที่มักอาศัยอยู่ภายในบ้าน เช่น แมลงสาบ แมงมุม มด ยุง ปลวก และแมลงที่อาศัยอยู่นอกบ้าน เช่น ผึ้ง แตน ต่อ มดนานาชนิด เป็นต้น

3.เกสรดอกหญ้า ดอกไม้ ตอกข้าว วัชพืช สิ่งเหล่านี้มักปลิวอยู่ในอากาศตามกระแสลม ซึ่งสามารถพัดลอยไปได้ไกลๆ หรืออาจเป็นลักษณะขุยๆ ติดตามมุ้งลวดหน้าต่าง เกสรดอกหญ้าที่ปลิวมาตามสายลม

4.ขนสัตว์ ขนของสัตว์เลี้ยงเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ เช่น ขนแมว ขนสุนัข ขนนก ขนเป็ด ขนไก่ ขนกระต่าง ขนนกหรือขนเป็ด ขนไก่ที่ตากแห้งใช้ยัดที่นอนและหมอน สำหรับนุ่น ฟองน้ำ ยางพารา ใยมะพร้าว เมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานานก็จะสามารถเป็นสารก่อภูมิแพ้ได้เช่นกันครับ


บางคนเชื่อว่า ถ้าเด็กเป็นโรหอบหืดตั้งแต่เล็กพอโตขึ้นอาจหายไปเองได ้และไม่จำเป็นต้องรักษาอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนัก มาดูแนวทางการรักษาภูมิแพ้กันดีกว่า

- การรักษาภูมิแพ้ที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ต้องใช้การรักษาโดยรับประทานยาแก้แพ้ อาจร่วมกับการใช้ยาพ่นจมูก หรือรักษาโดยวิธีการฉีดสารก่อภูมิแพ้ โดยฉีดสารที่คนไข้แพ้ในปริมาณ และความเข้มข้นน้อยๆ จากนั้นจะเพิ่มปริมาณและความเข้มข้นขึ้น เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวและสร้างภูมิคุ้มกันต่อสิ่งนั้นๆ ได้

- ทานยาแก้แพ้ต่อเนื่องนาน ๆ มีผลต่อร่างกายหรือไม่ ยาแก้แพ้ในปัจจุบันมีผลเสียต่อร่างกายน้อยมาก อย่างไรก็ตามถ้าอาการแพ้ดีขึ้นหรือในช่วงนั้นไม่มีอาการแพ้สามารถหยุดยาได้ แต่ เมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้นอีก สามารถกลับมารับประทานยาได้อย่างเดิม

- ยาพ่นจมูกแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
ยาที่ลดการบวมของโพรงจมูก ยานี้ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพราะจะทำให้โพรงจมูกแห้งมาก อาจทำให้เลือดกำเดาไหลได้

ยาที่ช่วยลดอาการแพ้ของโพรงจมูก ซึ่งเป็นยาที่มีเสตียรอยด์ สามารถใช้ต่อเนื่องได้ในระยะเวลานาน แต่ต้องใช้ในขนาดที่แพทย์กำหนด การใช้ในเด็กควรปรึกษาแพทย์


ยาที่เป็นช่วยให้โพรงจมูกชุ่มชื้น ไม่แห้ง ยานี้ไม่มีอันตรายใดๆ สามารถใช้ต่อเนื่องได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

เป็นภูมิแพ้อยู่หรือเปล่า?


เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่มิ้งฟืด-ฟาดไปทั้งวัน เพราะมีน้ำมูกไหลออกมาตลอดเวลา พอนอนตื่นมาก็เจ็บคออีก อาการเหล่านี้ทำให้เป็นหวัด เจ็บคอ ได้ง่ายๆ เลยนะ เลยคิดว่าสาเหตุมันอาจมาจากภูมิแพ้ก็ได้ ก็ลองไปหาข้อมูลมาฝากหนุ่มๆ เผื่อจะมีปัญหาเหมือนกัน ^^"

โรคที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการไวผิดปกติต่อสิ่งซึ่งสามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ ซึ่งปกติสารเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้กับคนปกติทั่วไป โรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นกับทุกวัย แต่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ไม่ใช่โรคติดต่อ

อวัยวะที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้
ทางลมหายใจ ถ้าสิ่งกระตุ้นผ่านเข้ามาทางลมหายใจ ตั้งแต่รูจมูกลงไปยังปอด ก็จะทำให้เป็นหวัด คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คันคอ เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ เสียงแหบแห้งและลงไปยังหลอดลม ทำให้หลอดลมตีบตันเป็นหอบหืด
ทางผิวหนัง
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางผิวหนัง จะทำให้เกิดผื่นคัน น้ำเหลืองเสีย
ทางอาหาร
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางอาหาร จะทำให้ท้องเสีย อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด เสียไข่ขาวในเลือด อาจทำให้เกิดอาการทางระบบอื่นๆ ได้ เช่น ลมพิษ หน้าตาบวม
ทางตา
ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางตา จะทำให้เกิดอาการแสบตา คันตา หนังตาบวม น้ำตาไหล

แต่วันนี้พี่มิ้งขอพูดถึงภูมิแพ้ทางลมหายใจ (เพราะดูจะพบเจอบ่อยที่สุด) สารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้นั้นมีหลายอย่าง

1.ฝุ่นบ้าน ตัวไรฝุ่นบ้าน มักปะปนอยู่ในฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 มม.มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

2.แมลงต่างๆ แมลงที่มักอาศัยอยู่ภายในบ้าน เช่น แมลงสาบ แมงมุม มด ยุง ปลวก และแมลงที่อาศัยอยู่นอกบ้าน เช่น ผึ้ง แตน ต่อ มดนานาชนิด เป็นต้น

3.เกสรดอกหญ้า ดอกไม้ ตอกข้าว วัชพืช สิ่งเหล่านี้มักปลิวอยู่ในอากาศตามกระแสลม ซึ่งสามารถพัดลอยไปได้ไกลๆ หรืออาจเป็นลักษณะขุยๆ ติดตามมุ้งลวดหน้าต่าง เกสรดอกหญ้าที่ปลิวมาตามสายลม

4.ขนสัตว์ ขนของสัตว์เลี้ยงเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ เช่น ขนแมว ขนสุนัข ขนนก ขนเป็ด ขนไก่ ขนกระต่าง ขนนกหรือขนเป็ด ขนไก่ที่ตากแห้งใช้ยัดที่นอนและหมอน สำหรับนุ่น ฟองน้ำ ยางพารา ใยมะพร้าว เมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานานก็จะสามารถเป็นสารก่อภูมิแพ้ได้เช่นกันครับ


บางคนเชื่อว่า ถ้าเด็กเป็นโรหอบหืดตั้งแต่เล็กพอโตขึ้นอาจหายไปเองได ้และไม่จำเป็นต้องรักษาอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนัก มาดูแนวทางการรักษาภูมิแพ้กันดีกว่า

- การรักษาภูมิแพ้ที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ต้องใช้การรักษาโดยรับประทานยาแก้แพ้ อาจร่วมกับการใช้ยาพ่นจมูก หรือรักษาโดยวิธีการฉีดสารก่อภูมิแพ้ โดยฉีดสารที่คนไข้แพ้ในปริมาณ และความเข้มข้นน้อยๆ จากนั้นจะเพิ่มปริมาณและความเข้มข้นขึ้น เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวและสร้างภูมิคุ้มกันต่อสิ่งนั้นๆ ได้

- ทานยาแก้แพ้ต่อเนื่องนาน ๆ มีผลต่อร่างกายหรือไม่ ยาแก้แพ้ในปัจจุบันมีผลเสียต่อร่างกายน้อยมาก อย่างไรก็ตามถ้าอาการแพ้ดีขึ้นหรือในช่วงนั้นไม่มีอาการแพ้สามารถหยุดยาได้ แต่ เมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้นอีก สามารถกลับมารับประทานยาได้อย่างเดิม

- ยาพ่นจมูกแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
ยาที่ลดการบวมของโพรงจมูก ยานี้ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพราะจะทำให้โพรงจมูกแห้งมาก อาจทำให้เลือดกำเดาไหลได้

ยาที่ช่วยลดอาการแพ้ของโพรงจมูก ซึ่งเป็นยาที่มีเสตียรอยด์ สามารถใช้ต่อเนื่องได้ในระยะเวลานาน แต่ต้องใช้ในขนาดที่แพทย์กำหนด การใช้ในเด็กควรปรึกษาแพทย์


ยาที่เป็นช่วยให้โพรงจมูกชุ่มชื้น ไม่แห้ง ยานี้ไม่มีอันตรายใดๆ สามารถใช้ต่อเนื่องได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น